Chapter 1243 – ปากพล่อยนำไปสู่ปัญหา
“ เหล่าผู้เข้าร่วมกลุ่มแรก
ถูกกำจัดออกมากขึ้น!”
“นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ผู้เข้าร่วมเหล่านี้ ส่วนมากล้วนติดอันดับ5จากโลกนักสู้ที่แท้จริง พวกเขานับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเกือบทั้งนั้น
ถึงอย่างนั้นพวกเขายังไม่อาจทนต่อแรงกดดันชั้นที่26ได้! ”
เมื่อครั้งที่หลินหมิงต่อสู้กับซือหยูอวิ้น
ในยามนั้นมีผู้เข้าร่วมต่อสู้1600คน
แต่ละคนเฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ในอันดับที่20แรกของโลกนักสู้ที่แท้จริง ณ
ตอนนี้คงเหลือเพียง500คน
ดังนั้นทั้งหมดล้วนอยู่ในอันดับที่5ของโลกนักสู้ที่แท้จริง
ถ้าอันดับ5ยังปีนขึ้นไปไม่ได้
คงไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าแล้ว!
“บนชั้นที่26ยังยากขนาดนี้
ชั้นต่อๆไปคงโหดมากกว่านี้เป็นแน่!?”
“ ใช่! ชั้นที่เหลือความยากของมันคงไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน”
“ผู้อาวุโส
เสี่ยวเต๋าจื่อไม่ได้กล่าวล้อเล่นเลย เขาบอกว่ายิ่งปีนขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ แรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะยิ่งเหนือจินตนาการจนผู้เข้าร่วมอาจะรู้สึกสิ้นหวังได้
ครั้งแรกข้ายังคิดว่ามันเป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปบ้าง
แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะสิ้นหวังอย่างแท้จริง!”
ในกลุ่มผู้ชมการต่อสู้
ยังจำคำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจื่อได้
“สิ้นหวัง!....ถึงแม้จะเป็นโย่วซูจินรึ?” นักสู้จากพิภพรุ่งอรุณปีศาจกล่าวถามขึ้นมาในทันที
ในความเห็นของเขา โย่วซูจิน แข็งแกร่งมาก
“โย่วซูจินรึ! ฮึ..ฮึ ฮึ.. ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้อะไรเลยสินะ สำหรับโย่วซูจินเขานั้นจะปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้รึเปล่า...นี่ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ!”
ในกลุ่มผู้ชม
ชายชราผมสีขาวบางกล่าวขึ้น คำกล่าวของเขาทำให้บรรยากาศรอบๆเริ่มเย็นลงในทันที ตาแก่หัวหงอกผู้นี้เป็นใครกัน
เขาอยากกล่าวอะไรก็ได้งั้นเหรอ?
“ เจ้าหน้าโง่! เจ้าคิดว่าแท่นผนึกเทวะมันคือสิ่งใด? ในเมื่อเสี่ยวเต๋าจื่อ
กล่าวว่าการขึ้นไปให้ถึงชั้นสูงสุดนั้นค่อนข้างสิ้นหวัง
เขาเพียงแค่กล่าวออกมาอย่างสุภาพเท่านั้น! อันที่จริงมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดได้อย่างแน่นอน!
และนี่มันยังไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นลานต่อสู้ในโลกนักสู้ที่แท้จริง!”
ขณะที่ชายชรากล่าวจบ
เหล่าผู้เยาว์รอบรอบตัวเขา ตื่นตัวและรู้สึกสนใจในทันที “ผู้อาวุโส....ท่านกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะใช้เป็นลานประลองใช่มั้ย...แล้วเมื่อก่อนมันถูกใช้ไปเมื่อไหร่เหรอ?”
ทันใดนั้นเรื่องแท่นผนึกเทวะถูกใช้ไปเมื่อไหร่
ปลุกความสงสัยแก่ผู้คนรอบด้านชายชราแทบจะในทันที
“แท่นผนึกเทวะถูกเปิดใช้งานเมื่อ100,000ปีที่แล้ว และมันก็เป็นเช่นการแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เยาว์อัจฉริยะจากหลาย1000โลกเข้าร่วม
และข้ายังรู้ด้วยว่า ในยามนั้นนับประสาอะไรกับการปีนขึ้นไปถึงชั้น33
แม้แต่ชั้น32ยังไม่มีผู้ใดปีนถึงด้วยซ้ำ!
การแข่งขันทั้งหมดจบลง โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ ไม่มีแม้แต้ผู้เดียวที่สามารถปีนขึ้นไปได้!”
“โอ้..ที่แท้มันเป็นเช่นนี้เอง.....”
“มันไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงแม้แต่ชั้นที่32
...นี่มันไม่ผิดปกติไปเหรอ?”
ทุกคนที่ได้ฟังตระหนักได้ในทันที หากมันเป็นเรื่องจริง
เช่นนั้นมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปชั้นสุงสุดของแท่นผนึกเทวะได้!
ณ เวลานี้ เสี่ยวเต๋าจื่อ ยังคงลอยตัวเหนือแท่นผนึกเทวะ ในขณะที่ยังคงหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิอยู่
เสี่ยวเต๋าจื่อยังคงนิ่งเฉย เสียงสนทนาจากเหล่าผู้ชม
ไม่ได้ส่งผลกระทบใดใดต่อเขา
“ถึงแม้ว่าเหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะในรุ่นนี้จะดูดีกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้..บนชั้นที่26ผู้เข้าร่วมในกลุ่มแรกเริ่มถูกกำจัดออก
พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของราชันสวรรค์ที่ปกคลุมแท่นผนึกเทวะได้...อืม..
ไม่แน่อาจจะมีบางคนไปถึงชั้นที่32ได้ก็เป็นได้ ?.”
นี่เป็นเพียงความคิดในใจของเสี่ยวเต๋าจื่อ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นบนแท่นผนึกเทวะ
ล้วนอยู่ภายใต้การรับรู้ของเขา
นับเวลาจากคนแรกล้มลงเพราะไม่อาจทนแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะได้
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลายคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
พวกเขาเริ่มตกลงจากแท่นผนึกเทวะชั้นที่26!
ท้ายที่สุดคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง478คนเท่านั้นที่สามารถปีนขั้นไปถึงชั้นที่26ได้!.
ในขณะที่เหล่าผู้เข้าร่วมทั้ง478คนกำลังพักฟื้นร่างกายและลมปราณแท้
ห่างออกไปประมาณ3-4ชั่วโมง กลุ่มผู้เข้าร่วมที่ตามหลังกลุ่มแรกอยู่
พวกเขาหลายคนได้มาถึงจุดสูงสุดของพวกเขาแล้วและนี่ยังรวมถึงซือหยูอวิ้นด้วย
ถึงแม้คนเหล่านี้จะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็โชคร้ายมากเช่นกัน
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันจำนวนมากและนั้นเป็นเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้!
หลังจากซือหยูอวิ้นปีนขึ้นมาถึงชั้น26 เธอไม่ได้กล่าวใดใดออกมา
เธอเพียงแค่หามุมสงบเงียบซ่อนตัวจากหลินหมิง
ภายหลังจากนั้นไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดปีนขึ้นมาบนชั้น26เพิ่มอีก!
และกลุ่มอัจฉริยะรุ่นเยาว์จาก4สัตว์เทวะเช่น เหยี่ยนเสวี่ว์เอ่อร์และมังกรหนึ่ง
พวกเขาถูกกำจัดออกเช่นกัน ถึงแม้ชั้น25ลงไปยังคงมีผู้เข้าร่วมบางคนต่อสู้กันอยู่ มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ที่จะเข้าสู่รอบชิงนะเลิศมันมีเพียงแค่300คน และ
ทั้ง300คนนี้มันจะถูกคัดจาก490คนบนชั้น26 !
ถึงกระนั้นในกลุ่มแรกหากพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาก็ต้องถูกส่งลงมาชั้น25และต้องต่อสู้เพื่อขึ้นไปชั้น26อีกครั้ง
และนั้นยังไม่ร่วมผู้ที่ต่อสู้พ่ายแพ้จากชั้น27ที่ถูกส่งลงมาอีกด้วย
เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น
เหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะบนชั้น26จำนวนมาก สีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น
การต่อสู้ในครั้งนี้มันส่งผลต่อความรุ่งโรจน์และล้มเหลวของพวกเขา .
“ข้าท้าเจ้า !.”
ในขณะนี้หลินหมิงกำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว
เขานั้นเป็นสหายกับหวูกุ๋ยอวิ้นผู้ที่ยุให้หวูกุ๋ยอวิ้นท้าทายหลินหมิง
หลังจากได้รับการท้าทายจากหลินหมิง ชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว
สีหน้าเขาดูแปลกใจ.
ด้านข้างเขาหวูกุ๋ยอวิ้นกำลังมองดูด้วยสายตายินดีบนความทุกข์ของผู้อื่น
ถึงแม้เขาจะเป็นสหายกับชายหนุ่มสะพายดาบผมเขียว
แต่มันก็เป็นเพียงสหายที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน.
“ฮึ..เจ้า..สมควรโดนทุบตีแล้ว!”หวูกุ๋ยอวิ้นคิดในใจ
“เจ้ามันก็ได้แต่พล่ามไร้สาระราวกับคนโง่...ตอนนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหยิ่งยโสได้อีกนานแค่ไหน
หากเจ้าชนะข้าพร้อมจะถอยหลังกลับไปเริ่มใหม่เลย!”
ใบหน้าชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียวดำคล้ำในทันที
เขาสงสัยว่าหลินหมิงน่าจะได้ยินสิ่งที่เขากล่าวกับหวูกุ๋ยอวิ้น ไม่เช่นนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?
“ปากพล่อยนำปัญหามาให้จริงๆ …ให้ตายซิ...คราวนี้ข้าชนเข้ากับตอชัดๆ!”
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบคิดอยู่ในใจ เขารู้สึกเสียใจมากจนไส้เขียว
เขานั้นสงสัยว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน
ดังนั้นการที่เขาจะเอาชนะหลินหมิงนั้นเลิกคิดไปได้เลย
ระดับฝีมือและความแข็งแกร่งตัวเขานั้นยังด้อยกว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเล็กน้อย
“เอ่อ..พี่ชายกุ๋ยอวิ้น ท่านช่วยบอกข้าที
ท่านเคยต่อสู้กับหลินหมิงมาก่อนใช่มั้ย?” ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบกล่าวถามหวูกุ๋ยอวิ๋นผ่านลมปราณเสียง
เขารู้สึกเศร้ามากที่ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับหลินหมิงเลย สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะอันดับตอนจบการประลองรอบ3นั้น
อันดับของหลินหมิงไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ เขาจึงไม่ได้สนใจหลินหมิงเลย นี่ถ้าเขาถามเหล่าผู้เยาว์จากโลกนักสู้ที่แท้จริงสักเล็กน้อย
เขาอาจทราบได้ว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน
ถ้าหวูกุ๋ยอวิ๋นเคยพ่ายแพ้มาก่อน
เช่นนั้นเขาเองไม่จำเป็นต้องต่อสู้และรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ดีกว่า
หวูกุ๋ยอวิ้นดูถูกชายหนุ่มผมสีเขียวสะพายดาบในใจ
เขาพยายามไม่ให้ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาก่อนจะกล่าวว่า “โจว ฮง ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่เจ้าหรอกรึที่ยั่วยุให้ข้าท้าทายหลินหมิง
เจ้ากับข้าความแข็งแกร่งพอพอกัน หลินหมิงท้าทายเจ้า
ทำไมเจ้าถึงยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้เล่า?”
เมื่อชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบได้ยินหวูกุ๋ยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้
สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น นี่หวูกุ๋ยอวิ๋นเจตนาจะไม่บอกชัดเจน
ไม่ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างหลินหมิงกับหวูกุ๋ยอวิ๋น
ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบ ยังคงไม่เต็มใจยอมรับคามพ่ายแพ้เช่นนี้
อย่างน้อยเขานั้นยังได้ชื่อผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ2จากโลกนักสู้ที่แท้จริง!
นอกจากนี้ถึงเขาจะพ่ายแพ้หลินหมิง เขายังมั่นใจว่าเขานั้นสามารถผ่านเข่าสู่รอบรองชนะเลิศได้.
“หึ..แค่เจ้าไม่บอกข้า..เจ้าคิดว่าข้ากลัวที่จะสู้กับเขารึ!”
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกล่าว เขานั้นหันไปมองหลินหมิงในทันที
สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความเย็นชา!
กรอด!
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกัดฟันก่อนกล่าวต่อว่า “คนอื่นอาจะกลัวเจ้า
แต่ข้าไม่กลัว!
เจ้าคงคิดว่าข้าอ่อนแอราวกับเส้นหมี่จึงสามารถหยิกจับได้อย่างง่ายดายกระมัง?
ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เลือกข้า...!”
ชิ้ง!
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบ ชักดาบออกจากฟักพร้อมกับหันปลายดาบชี้ไปที่หลินหมิง
เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิเดียวกันกับชายหนุ่มผมเขียวสะพาย
ต่างร้องตะโกนให้กำลังใจในทันที
“ศิษย์พี่ โจว ท่านทำได้!”
“ศิษย์พี่ต้องชนะ!!”
“ศิษย์พี่ คว้าชัยชนะมาให้ได้!”
“ดาบของศิษย์พี่จะปกครองโลก!”
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบผู้นี้
มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิชนชั้นราชาพิภพ และจำนวนญาติ สหาย เหล่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์ของพวกเขามีจำนวนมากมายมหาศาล
อีกทั้งยังมีผู้เข้าร่วมในครั้งนี้มากถึงหลายพันคน
แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิระดับสูงสุดเช่นเผ่าฟินิกซ์โบราณยังไม่สามารถหาตั๋วเข้าชมได้มากมายขนาดนี้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขาออกมาในพริบตา!
วิ้งงงง...! ดาบในมือชายหนุ่มผมเขียวพุ่งขึ้นในทันที!
อาณาเขตแห่งดาบ เปิด!
วู้ว..วู้ว..วู้ววว...
เงาดาบแสงจำนวนมากปรากฏมาในทันใด กลิ่นอายพลังงานแหลมคมตัดผ่านอากาศพร้อมกับเสียงหวีดร้อง
ภายในอาณาเขตแห่งดาบเกิดเป็นเงาดาบนับไม่ถ้วนบินวนสลับไปมา
ถักทอเป็นตาข่ายแหลมคมพร้อมเฉือดเฉือนทุกสรรพสิ่ง! อาณาเขตนี้บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผมเขียวได้เป็นอย่างดี
การสร้างอาณาเขตเฉพาะตัวขึ้นมาได้เช่นนี้
นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว หากอาณาเขตแห่งดาบนี้ครอบคลุมนักสู้ผู้มีระดับการฝึกฝนไม่ถึงขั้น
นักสู้ผู้นั้นย่อมถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในพริบตา
แต่หากเป็นนักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจะไม่สามารถหันเหความสนใจและทำได้เพียงป้องกัน
“โอ้! นั่นมันอาณาเขตแห่งดาบ
ศิษย์พี่ โจว เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบของเขาทันที!”
“ศิษย์พี่ โจว ดูเอาจริงเอาจังมาก
การต่อสู้ของทั้งสองคงดุเดือดมากแน่! หลินหมิงเองก็แข็งแกร่งไม่ใช่ย่อย!
แต่ข้าเชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ โจว มากกว่า”
เหล่าศิษย์และญาติมิตรของ โจว ฮง ต่างหน้ามืดตามัวเชื่อว่า โจว ฮง
นั้นแข็งแกร่งกว่าหลินหมิง พวกเขาเหล่านี้พรสวรรค์และความแข็งแกร่งโดยรวมล้วนด้อยกว่า
โจว ฮง มาก อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถวัดได้ถึงความแข็งแกร่งสูงสุดของ โจว ฮง และแน่นอนว่าพวกเขาเองย่อมไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันจากการต่อสู้ของนักสู้ระดับสูง
พวกเขารู้เพียงว่า โจว ฮง แข็งแกร่งห้าวหาญและเหี้ยมโหด!
และเมื่อพวกเขาเห็น โจว ฮง เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบ
พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก.
ปัง !
แควก!
เพียงแค่พริบตา
พวกเขาต่างได้ยินเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแท่นผนึกเทวะชั้น26!
ภาพที่เห็นมันมีเพียงหอกแสงหนาแน่นเต็มไปด้วยพลังงาน
ฉีกกระชากอาณาเขตแห่งดาบขาดกระจุยในพริบตา!
อ่ะ! เสียงให้กำลังใจขาดหายไปกว่าครึ่งในทันที
อาณาเขตแห่งดาบอันน่าภาคภูมิใจขนาดนั้น พังทลายเช่นนี้?
บนอัศจรรย์ผู้ชม ญาติ สหาย เหล่าศิษย์ร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิชายหนุ่มผมเขียว
อึ้ง งง อ้าปากกว้าง ไม่สามารถโต้ตอบใดใดได้ช่วงหนึ่ง
ฟุบ! ก้าวย่างฟินิกซ์
ปัง! ปัง! ปัง!
ในเวลาเดียวกัน หลินหมิง ขยับหอกฟินิกซ์ พุ่งตัวเข้าสู่อาณาเขตแห่งดาบในพริบตา
แสงหอกฟินิกซ์ครอบคลุมร่างกายของหลินหมิง ก่อนที่หลินหมิงจะฟาดฟันเงาดาบแสงในอาณาเขตแห่งดาบจนพังทลายและฉีกพวกมันออกจากันในชั่วอึดใจ!
ควับ ! เสียงหอกฟินิกซ์กวาดผ่านออกไป
ย๊ากกก...! ชายหนุ่มผมเขียวตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนที่เงาดาบแสงทั้งหมดจะตกลงมาราวกับแม่น้ำดวงดาว!
ในฐานะอัจฉริยะระดับสูงจากพิภพราชัน ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขานับว่ารวดเร็วสมชื่อผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
เคร้ง! เคร้ง!เคร้ง!
จากการปะทะกันอย่างดุเดือดเสียงดาบหอกกระทบกันดังก้องสะเทือนแท่นผนึกเทวะ
หลินหมิงและชายหนุ่มผมเขียวแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันต่อเนื่อง7-8กระบวนท่า
ถึงแม้ว่าฉากการต่อสู้ดังกล่าวอาจจะดูดุเดือดและรุนแรง แต่ในความเป็นจริงหลินหมิงนั้นได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง
แต่ละหอกแสงของหลินหมิงจะบดขยี้เงาดาบแสงของชายหนุ่มผมเขียว3-4ดาบ!
“หัวใจแห่งดาบ!”
หลังจากปะทะกันหลายกระบวนท่าแรงกดดันจากหมินหมิงกดทับชายหนุ่มผมเขียวจนถึงขีดสุด
ชายหนุ่มผมเขียวเรียกดาบกลับมาในทันที
ก่อนที่จะแทงตรงไปยังหน้าอกของหลินหมิง!
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
ปรากฏเป็นเงาดาบแสงเล่มใหญ่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน
ทะยานออกจากดาบชายหนุ่มผมเขียวเพ็งเล็งไปที่หน้าอกของหลินหมิงในพริบตาตัวดาบตามทันเงาดาบแสงและเริ่มผสานเข้าด้วยกันในทันที! เมื่อดาบกับเงาดาบแสงผสานรวมเข้าด้วยกัน
กลิ่นอายที่เปล่งออกจากดาบนี้ ไม่เพียงแค่คมแต่คมจนถึงที่สุด
อีกทั้งความเร็วของมันยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มันเกือบถึงขั้นไม่อาจป้องกันได้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าหากผู้ใดต้องต้านรับดาบเช่นนี้ขาดความแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาย่อมพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!
8ประตูเร้นลับ เปิด!
ต้นกล้าเทพอสูร เปิด!
อย่างไรก็ตามไม่ว่ากระบวนท่าดาบของชายหนุ่มผมเขียวจะคมมากเพียงใด
แต่เมื่อเผชิญหน้าหอกฟินิกซ์ของหลินหมิงความเหลื่อมล้ำยังแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
หลินหมิงเปิด8ประตูเร้นลับและต้นกล้าเทพอสูรในทันที พลังงานลมปราณแท้ แก่นแท้
ผสานรวมลงไปในหอกฟินิกซ์ในพริบตา
ปัง!
หอกฟินิกซ์พุ่งชนแท่นผนึกเทวะในทันที!
นี่คืออาวุธที่มีจิตวิญญาณ ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามันจะเสียหายหรือไม่? ถ้านี่คือภูเขาหรือแม่น้ำ
หอกนี้จะทำให้ภูเขาถล่ม แผ่นดินทลาย แม่น้ำเหือดหายได้อย่างแน่นอน!
อึก!
คลื่นกระแทกจากหอกฟินิกซ์ ส่งชายหนุ่มผมเขียวกระเด็นกลับหลังในทันที!
ก่อนที่ชายหนุ่มผมเขียวจะทันได้ตั้งตัว อ่ะ ! สัญชาตญาณร้องเตือนเขาในใจ จู่ๆเขาขยับตัวไปด้านข้างในทันที.!
ฉึก !
ถึงกระนั้นมันยังสายเกินไป หอกแสงกวาดผ่านไหล่ของเขาในพริบตา! มันฉีกผ่านเกราะลมปราณของชายหนุ่มผมเขียวราวกับกระดาษ
ก่อนที่จะแทงโดนไหล่ชายหนุ่มผมเขียวจนเลือดสาดกระจาย!
“เจ้า...ต้องการสู้ต่ออีกหรือไม่?”
หลินหมิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผมเขียวก่อนกล่าวถามออกมา.
“เจ้า...เจ้าโหดเหี้ยมยิ่งนัก…….เจ้า...!”ชายหนุ่มผมเขียวกลือนคำพูดลงไปก่อนจะกล่าว “เจ้าชนะ!ข้า...ข้ายอมรับความพ่ายแพ้
!”
“พยายามเข้าล่ะ”
หลินหมิงกล่าวก่อนจะเก็บหอกฟินิกซ์กลับไป.
By NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น