วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 1243 ดำบ้างแปลบ้าง ว่างก็แปลนะ

 

Chapter 1243 – ปากพล่อยนำไปสู่ปัญหา

เหล่าผู้เข้าร่วมกลุ่มแรก ถูกกำจัดออกมากขึ้น!”


นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! ผู้เข้าร่วมเหล่านี้ ส่วนมากล้วนติดอันดับ5จากโลกนักสู้ที่แท้จริง  พวกเขานับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเกือบทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นพวกเขายังไม่อาจทนต่อแรงกดดันชั้นที่26ได้!


เมื่อครั้งที่หลินหมิงต่อสู้กับซือหยูอวิ้น ในยามนั้นมีผู้เข้าร่วมต่อสู้1600คน แต่ละคนเฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ในอันดับที่20แรกของโลกนักสู้ที่แท้จริง ณ ตอนนี้คงเหลือเพียง500คน ดังนั้นทั้งหมดล้วนอยู่ในอันดับที่5ของโลกนักสู้ที่แท้จริง


ถ้าอันดับ5ยังปีนขึ้นไปไม่ได้ คงไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าแล้ว!


บนชั้นที่26ยังยากขนาดนี้ ชั้นต่อๆไปคงโหดมากกว่านี้เป็นแน่!?”

 

ใช่! ชั้นที่เหลือความยากของมันคงไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน

 

ผู้อาวุโส เสี่ยวเต๋าจื่อไม่ได้กล่าวล้อเล่นเลย เขาบอกว่ายิ่งปีนขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ แรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะยิ่งเหนือจินตนาการจนผู้เข้าร่วมอาจะรู้สึกสิ้นหวังได้ ครั้งแรกข้ายังคิดว่ามันเป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปบ้าง แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะสิ้นหวังอย่างแท้จริง!”

 

ในกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ ยังจำคำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจื่อได้

 

สิ้นหวัง!....ถึงแม้จะเป็นโย่วซูจินรึ?” นักสู้จากพิภพรุ่งอรุณปีศาจกล่าวถามขึ้นมาในทันที ในความเห็นของเขา โย่วซูจิน แข็งแกร่งมาก

 

โย่วซูจินรึ! ฮึ..ฮึ ฮึ.. ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้อะไรเลยสินะ สำหรับโย่วซูจินเขานั้นจะปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้รึเปล่า...นี่ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ!”

ในกลุ่มผู้ชม ชายชราผมสีขาวบางกล่าวขึ้น คำกล่าวของเขาทำให้บรรยากาศรอบๆเริ่มเย็นลงในทันที ตาแก่หัวหงอกผู้นี้เป็นใครกัน เขาอยากกล่าวอะไรก็ได้งั้นเหรอ?

 

เจ้าหน้าโง่! เจ้าคิดว่าแท่นผนึกเทวะมันคือสิ่งใด? ในเมื่อเสี่ยวเต๋าจื่อ กล่าวว่าการขึ้นไปให้ถึงชั้นสูงสุดนั้นค่อนข้างสิ้นหวัง เขาเพียงแค่กล่าวออกมาอย่างสุภาพเท่านั้น! อันที่จริงมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดได้อย่างแน่นอน! และนี่มันยังไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นลานต่อสู้ในโลกนักสู้ที่แท้จริง!”

 

ขณะที่ชายชรากล่าวจบ เหล่าผู้เยาว์รอบรอบตัวเขา ตื่นตัวและรู้สึกสนใจในทันที  ู้อาวุโส....ท่านกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะใช้เป็นลานประลองใช่มั้ย...แล้วเมื่อก่อนมันถูกใช้ไปเมื่อไหร่เหรอ?”

 

ทันใดนั้นเรื่องแท่นผนึกเทวะถูกใช้ไปเมื่อไหร่ ปลุกความสงสัยแก่ผู้คนรอบด้านชายชราแทบจะในทันที

 

แท่นผนึกเทวะถูกเปิดใช้งานเมื่อ100,000ปีที่แล้ว และมันก็เป็นเช่นการแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เยาว์อัจฉริยะจากหลาย1000โลกเข้าร่วม และข้ายังรู้ด้วยว่า ในยามนั้นนับประสาอะไรกับการปีนขึ้นไปถึงชั้น33 แม้แต่ชั้น32ยังไม่มีผู้ใดปีนถึงด้วยซ้ำ! การแข่งขันทั้งหมดจบลง โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ ไม่มีแม้แต้ผู้เดียวที่สามารถปีนขึ้นไปได้!”

 

โอ้..ที่แท้มันเป็นเช่นนี้เอง.....

 

มันไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงแม้แต่ชั้นที่32 ...นี่มันไม่ผิดปกติไปเหรอ?”

 

ทุกคนที่ได้ฟังตระหนักได้ในทันที หากมันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปชั้นสุงสุดของแท่นผนึกเทวะได้!

ณ เวลานี้ เสี่ยวเต๋าจื่อ ยังคงลอยตัวเหนือแท่นผนึกเทวะ ในขณะที่ยังคงหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิอยู่

 

เสี่ยวเต๋าจื่อยังคงนิ่งเฉย เสียงสนทนาจากเหล่าผู้ชม ไม่ได้ส่งผลกระทบใดใดต่อเขา

 

ถึงแม้ว่าเหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะในรุ่นนี้จะดูดีกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้..บนชั้นที่26ผู้เข้าร่วมในกลุ่มแรกเริ่มถูกกำจัดออก พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของราชันสวรรค์ที่ปกคลุมแท่นผนึกเทวะได้...อืม.. ไม่แน่อาจจะมีบางคนไปถึงชั้นที่32ได้ก็เป็นได้ ?.”

 

นี่เป็นเพียงความคิดในใจของเสี่ยวเต๋าจื่อ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นบนแท่นผนึกเทวะ ล้วนอยู่ภายใต้การรับรู้ของเขา

 

นับเวลาจากคนแรกล้มลงเพราะไม่อาจทนแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะได้ ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลายคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป พวกเขาเริ่มตกลงจากแท่นผนึกเทวะชั้นที่26!

 

ท้ายที่สุดคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง478คนเท่านั้นที่สามารถปีนขั้นไปถึงชั้นที่26ได้!.

 

ในขณะที่เหล่าผู้เข้าร่วมทั้ง478คนกำลังพักฟื้นร่างกายและลมปราณแท้ ห่างออกไปประมาณ3-4ชั่วโมง กลุ่มผู้เข้าร่วมที่ตามหลังกลุ่มแรกอยู่ พวกเขาหลายคนได้มาถึงจุดสูงสุดของพวกเขาแล้วและนี่ยังรวมถึงซือหยูอวิ้นด้วย ถึงแม้คนเหล่านี้จะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็โชคร้ายมากเช่นกัน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันจำนวนมากและนั้นเป็นเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้!

 

หลังจากซือหยูอวิ้นปีนขึ้นมาถึงชั้น26 เธอไม่ได้กล่าวใดใดออกมา เธอเพียงแค่หามุมสงบเงียบซ่อนตัวจากหลินหมิง

ภายหลังจากนั้นไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดปีนขึ้นมาบนชั้น26เพิ่มอีก!

 

และกลุ่มอัจฉริยะรุ่นเยาว์จาก4สัตว์เทวะเช่น เหยี่ยนเสวี่ว์เอ่อร์และมังกรหนึ่ง พวกเขาถูกกำจัดออกเช่นกัน ถึงแม้ชั้น25ลงไปยังคงมีผู้เข้าร่วมบางคนต่อสู้กันอยู่  มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ที่จะเข้าสู่รอบชิงนะเลิศมันมีเพียงแค่300คน และ ทั้ง300คนนี้มันจะถูกคัดจาก490คนบนชั้น26 !

 

ถึงกระนั้นในกลุ่มแรกหากพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาก็ต้องถูกส่งลงมาชั้น25และต้องต่อสู้เพื่อขึ้นไปชั้น26อีกครั้ง และนั้นยังไม่ร่วมผู้ที่ต่อสู้พ่ายแพ้จากชั้น27ที่ถูกส่งลงมาอีกด้วย

 

เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะบนชั้น26จำนวนมาก สีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น การต่อสู้ในครั้งนี้มันส่งผลต่อความรุ่งโรจน์และล้มเหลวของพวกเขา .

 

ข้าท้าเจ้า !.”

 

ในขณะนี้หลินหมิงกำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว เขานั้นเป็นสหายกับหวูกุ๋ยอวิ้นผู้ที่ยุให้หวูกุ๋ยอวิ้นท้าทายหลินหมิง

 

หลังจากได้รับการท้าทายจากหลินหมิง ชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว สีหน้าเขาดูแปลกใจ.

ด้านข้างเขาหวูกุ๋ยอวิ้นกำลังมองดูด้วยสายตายินดีบนความทุกข์ของผู้อื่น ถึงแม้เขาจะเป็นสหายกับชายหนุ่มสะพายดาบผมเขียว แต่มันก็เป็นเพียงสหายที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน.

 

ฮึ..เจ้า..สมควรโดนทุบตีแล้ว!”หวูกุ๋ยอวิ้นคิดในใจ เจ้ามันก็ได้แต่พล่ามไร้สาระราวกับคนโง่...ตอนนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหยิ่งยโสได้อีกนานแค่ไหน หากเจ้าชนะข้าพร้อมจะถอยหลังกลับไปเริ่มใหม่เลย!”

 

ใบหน้าชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียวดำคล้ำในทันที เขาสงสัยว่าหลินหมิงน่าจะได้ยินสิ่งที่เขากล่าวกับหวูกุ๋ยอวิ้น ไม่เช่นนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?

 

ปากพล่อยนำปัญหามาให้จริงๆให้ตายซิ...คราวนี้ข้าชนเข้ากับตอชัดๆ!” ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบคิดอยู่ในใจ เขารู้สึกเสียใจมากจนไส้เขียว เขานั้นสงสัยว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน ดังนั้นการที่เขาจะเอาชนะหลินหมิงนั้นเลิกคิดไปได้เลย ระดับฝีมือและความแข็งแกร่งตัวเขานั้นยังด้อยกว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเล็กน้อย

 

เอ่อ..พี่ชายกุ๋ยอวิ้น ท่านช่วยบอกข้าที ท่านเคยต่อสู้กับหลินหมิงมาก่อนใช่มั้ย?” ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบกล่าวถามหวูกุ๋ยอวิ๋นผ่านลมปราณเสียง เขารู้สึกเศร้ามากที่ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับหลินหมิงเลย สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะอันดับตอนจบการประลองรอบ3นั้น อันดับของหลินหมิงไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ เขาจึงไม่ได้สนใจหลินหมิงเลย นี่ถ้าเขาถามเหล่าผู้เยาว์จากโลกนักสู้ที่แท้จริงสักเล็กน้อย เขาอาจทราบได้ว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน

 

ถ้าหวูกุ๋ยอวิ๋นเคยพ่ายแพ้มาก่อน เช่นนั้นเขาเองไม่จำเป็นต้องต่อสู้และรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ดีกว่า

 

หวูกุ๋ยอวิ้นดูถูกชายหนุ่มผมสีเขียวสะพายดาบในใจ เขาพยายามไม่ให้ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาก่อนจะกล่าวว่า โจว ฮง ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่เจ้าหรอกรึที่ยั่วยุให้ข้าท้าทายหลินหมิง เจ้ากับข้าความแข็งแกร่งพอพอกัน หลินหมิงท้าทายเจ้า ทำไมเจ้าถึงยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้เล่า?”

 

เมื่อชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบได้ยินหวูกุ๋ยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น นี่หวูกุ๋ยอวิ๋นเจตนาจะไม่บอกชัดเจน

 

ไม่ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างหลินหมิงกับหวูกุ๋ยอวิ๋น ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบ ยังคงไม่เต็มใจยอมรับคามพ่ายแพ้เช่นนี้ อย่างน้อยเขานั้นยังได้ชื่อผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ2จากโลกนักสู้ที่แท้จริง!

 

นอกจากนี้ถึงเขาจะพ่ายแพ้หลินหมิง เขายังมั่นใจว่าเขานั้นสามารถผ่านเข่าสู่รอบรองชนะเลิศได้.

 

หึ..แค่เจ้าไม่บอกข้า..เจ้าคิดว่าข้ากลัวที่จะสู้กับเขารึ!” ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกล่าว  เขานั้นหันไปมองหลินหมิงในทันที สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความเย็นชา!

 

กรอด!

 

ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกัดฟันก่อนกล่าวต่อว่าคนอื่นอาจะกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัว! เจ้าคงคิดว่าข้าอ่อนแอราวกับเส้นหมี่จึงสามารถหยิกจับได้อย่างง่ายดายกระมัง? ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เลือกข้า...!”

 

ชิ้ง!

ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบ ชักดาบออกจากฟักพร้อมกับหันปลายดาบชี้ไปที่หลินหมิง  เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิเดียวกันกับชายหนุ่มผมเขียวสะพาย ต่างร้องตะโกนให้กำลังใจในทันที

 

ศิษย์พี่ โจว ท่านทำได้!”

ศิษย์พี่ต้องชนะ!!”

ศิษย์พี่ คว้าชัยชนะมาให้ได้!”

ดาบของศิษย์พี่จะปกครองโลก!”

 

 ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบผู้นี้ มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิชนชั้นราชาพิภพ และจำนวนญาติ สหาย เหล่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์ของพวกเขามีจำนวนมากมายมหาศาล อีกทั้งยังมีผู้เข้าร่วมในครั้งนี้มากถึงหลายพันคน แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิระดับสูงสุดเช่นเผ่าฟินิกซ์โบราณยังไม่สามารถหาตั๋วเข้าชมได้มากมายขนาดนี้

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขาออกมาในพริบตา!

 

วิ้งงงง...!  ดาบในมือชายหนุ่มผมเขียวพุ่งขึ้นในทันที!

 

อาณาเขตแห่งดาบ เปิด!

 

วู้ว..วู้ว..วู้ววว...


เงาดาบแสงจำนวนมากปรากฏมาในทันใด กลิ่นอายพลังงานแหลมคมตัดผ่านอากาศพร้อมกับเสียงหวีดร้อง ภายในอาณาเขตแห่งดาบเกิดเป็นเงาดาบนับไม่ถ้วนบินวนสลับไปมา ถักทอเป็นตาข่ายแหลมคมพร้อมเฉือดเฉือนทุกสรรพสิ่ง! อาณาเขตนี้บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผมเขียวได้เป็นอย่างดี การสร้างอาณาเขตเฉพาะตัวขึ้นมาได้เช่นนี้ นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว หากอาณาเขตแห่งดาบนี้ครอบคลุมนักสู้ผู้มีระดับการฝึกฝนไม่ถึงขั้น นักสู้ผู้นั้นย่อมถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในพริบตา แต่หากเป็นนักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจะไม่สามารถหันเหความสนใจและทำได้เพียงป้องกัน


 

โอ้! นั่นมันอาณาเขตแห่งดาบ ศิษย์พี่ โจว เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบของเขาทันที!”


 

ศิษย์พี่ โจว ดูเอาจริงเอาจังมาก การต่อสู้ของทั้งสองคงดุเดือดมากแน่! หลินหมิงเองก็แข็งแกร่งไม่ใช่ย่อย! แต่ข้าเชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ โจว มากกว่า


เหล่าศิษย์และญาติมิตรของ โจว ฮง ต่างหน้ามืดตามัวเชื่อว่า โจว ฮง นั้นแข็งแกร่งกว่าหลินหมิง พวกเขาเหล่านี้พรสวรรค์และความแข็งแกร่งโดยรวมล้วนด้อยกว่า โจว ฮง มาก อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถวัดได้ถึงความแข็งแกร่งสูงสุดของ โจว ฮง และแน่นอนว่าพวกเขาเองย่อมไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันจากการต่อสู้ของนักสู้ระดับสูง พวกเขารู้เพียงว่า โจว ฮง แข็งแกร่งห้าวหาญและเหี้ยมโหด!

 

และเมื่อพวกเขาเห็น โจว ฮง เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบ พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก.

 

 ปัง !

 แควก!

 

เพียงแค่พริบตา พวกเขาต่างได้ยินเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแท่นผนึกเทวะชั้น26!

 

ภาพที่เห็นมันมีเพียงหอกแสงหนาแน่นเต็มไปด้วยพลังงาน ฉีกกระชากอาณาเขตแห่งดาบขาดกระจุยในพริบตา!

 

อ่ะ! เสียงให้กำลังใจขาดหายไปกว่าครึ่งในทันที

 

อาณาเขตแห่งดาบอันน่าภาคภูมิใจขนาดนั้น พังทลายเช่นนี้?

 

บนอัศจรรย์ผู้ชม ญาติ สหาย เหล่าศิษย์ร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิชายหนุ่มผมเขียว อึ้ง งง อ้าปากกว้าง ไม่สามารถโต้ตอบใดใดได้ช่วงหนึ่ง

 

ฟุบ! ก้าวย่างฟินิกซ์

 

ปัง! ปัง! ปัง!

 

ในเวลาเดียวกัน หลินหมิง ขยับหอกฟินิกซ์ พุ่งตัวเข้าสู่อาณาเขตแห่งดาบในพริบตา แสงหอกฟินิกซ์ครอบคลุมร่างกายของหลินหมิง ก่อนที่หลินหมิงจะฟาดฟันเงาดาบแสงในอาณาเขตแห่งดาบจนพังทลายและฉีกพวกมันออกจากันในชั่วอึดใจ!

 

ควับ ! เสียงหอกฟินิกซ์กวาดผ่านออกไป

 

ย๊ากกก...! ชายหนุ่มผมเขียวตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนที่เงาดาบแสงทั้งหมดจะตกลงมาราวกับแม่น้ำดวงดาว!

ในฐานะอัจฉริยะระดับสูงจากพิภพราชัน ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขานับว่ารวดเร็วสมชื่อผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง

 

เคร้ง! เคร้ง!เคร้ง!

 

จากการปะทะกันอย่างดุเดือดเสียงดาบหอกกระทบกันดังก้องสะเทือนแท่นผนึกเทวะ  หลินหมิงและชายหนุ่มผมเขียวแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันต่อเนื่อง7-8กระบวนท่า  ถึงแม้ว่าฉากการต่อสู้ดังกล่าวอาจจะดูดุเดือดและรุนแรง แต่ในความเป็นจริงหลินหมิงนั้นได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง แต่ละหอกแสงของหลินหมิงจะบดขยี้เงาดาบแสงของชายหนุ่มผมเขียว3-4ดาบ!

 

หัวใจแห่งดาบ!”

 

หลังจากปะทะกันหลายกระบวนท่าแรงกดดันจากหมินหมิงกดทับชายหนุ่มผมเขียวจนถึงขีดสุด  ชายหนุ่มผมเขียวเรียกดาบกลับมาในทันที ก่อนที่จะแทงตรงไปยังหน้าอกของหลินหมิง!

 

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

 

ปรากฏเป็นเงาดาบแสงเล่มใหญ่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน ทะยานออกจากดาบชายหนุ่มผมเขียวเพ็งเล็งไปที่หน้าอกของหลินหมิงในพริบตาตัวดาบตามทันเงาดาบแสงและเริ่มผสานเข้าด้วยกันในทันที!  เมื่อดาบกับเงาดาบแสงผสานรวมเข้าด้วยกัน กลิ่นอายที่เปล่งออกจากดาบนี้ ไม่เพียงแค่คมแต่คมจนถึงที่สุด อีกทั้งความเร็วของมันยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเกือบถึงขั้นไม่อาจป้องกันได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าหากผู้ใดต้องต้านรับดาบเช่นนี้ขาดความแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาย่อมพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

 

8ประตูเร้นลับ เปิด! ต้นกล้าเทพอสูร เปิด!

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่ากระบวนท่าดาบของชายหนุ่มผมเขียวจะคมมากเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้าหอกฟินิกซ์ของหลินหมิงความเหลื่อมล้ำยังแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หลินหมิงเปิด8ประตูเร้นลับและต้นกล้าเทพอสูรในทันที พลังงานลมปราณแท้ แก่นแท้ ผสานรวมลงไปในหอกฟินิกซ์ในพริบตา

 

ปัง!

 

หอกฟินิกซ์พุ่งชนแท่นผนึกเทวะในทันที!

 

นี่คืออาวุธที่มีจิตวิญญาณ ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามันจะเสียหายหรือไม่? ถ้านี่คือภูเขาหรือแม่น้ำ หอกนี้จะทำให้ภูเขาถล่ม แผ่นดินทลาย แม่น้ำเหือดหายได้อย่างแน่นอน!

 

อึก!

 

คลื่นกระแทกจากหอกฟินิกซ์ ส่งชายหนุ่มผมเขียวกระเด็นกลับหลังในทันที!

 

ก่อนที่ชายหนุ่มผมเขียวจะทันได้ตั้งตัว  อ่ะ ! สัญชาตญาณร้องเตือนเขาในใจ จู่ๆเขาขยับตัวไปด้านข้างในทันที.!

ฉึก !

 

ถึงกระนั้นมันยังสายเกินไป หอกแสงกวาดผ่านไหล่ของเขาในพริบตา! มันฉีกผ่านเกราะลมปราณของชายหนุ่มผมเขียวราวกับกระดาษ ก่อนที่จะแทงโดนไหล่ชายหนุ่มผมเขียวจนเลือดสาดกระจาย!

 

เจ้า...ต้องการสู้ต่ออีกหรือไม่?”

 

หลินหมิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผมเขียวก่อนกล่าวถามออกมา.

 

เจ้า...เจ้าโหดเหี้ยมยิ่งนัก…….เจ้า...!”ชายหนุ่มผมเขียวกลือนคำพูดลงไปก่อนจะกล่าว  เจ้าชนะ!ข้า...ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ !”

 

พยายามเข้าล่ะ หลินหมิงกล่าวก่อนจะเก็บหอกฟินิกซ์กลับไป.

 

                                                                                                                                    By NSN

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook