วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1254

 

Chapter 1254 – พลังเทวะ

 

เจ้าเด็กนี่ มันกำลังเล่นอะไรของมันอีกในเวลานี้ ฮั่วเล่ยสือ เต็มไปด้วยความวิตกกังวล หากพลังงานโกลาหลมันเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ชีวิตของหลินหมิงยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกมิใช่รึ?.


เสี่ยวเต๋าจื่อเองยังคงกังวลเช่นกัน เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยหลินหมิงดีหรือไม่ ?.


เดิมทีเขาวางแผนที่จะยุติการเข้าร่วมของหลินหมิง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บสาหัสจากพลังงานจาก กฎ โกลาหล อย่างไรก็ตามหลังจากเขาสังเกตหลินหมิงอย่างใกล้ชิด เขาพบว่าหลินหมิงยังไม่ได้หมดสติ จิตสำนึกเขาอยู่ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น มันดูคล้ายกับเขากับตระหนักรู้อย่างฉับพลัน !.


เมื่อค้นพบเรื่องดังกล่าว เสี่ยวเต๋าจื่อยิ่งลังเลมากขึ้นไปอีก.


เจ้าเด็กนี้ กับตระหนักรู้ในสถานการณ์เช่นนี้รึ ?


การตระหนักรู้ฉับพลันสามารถพบได้โดยความบังเอิญเท่านั้น แน่นอนว่าเสี่ยวเต๋าจือไม่อาจทำลายช่วงเวลาดังกล่าวนี้โดยธรรมชาติ แต่สภาพของหลินหมิงในยามนี้หากไม่ช่วยเขาอาจจะกลายเป็นศพแทนก็ได้.


มันไม่ใช่เพียงเสี่ยวเต๋าจือเท่านั้นที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินหมิง  ราชันสวรรค์ฝันเทวะกับราชันสวรรค์เอกอนันต์ ยังสังเกตุเห็นเช่นกัน.


ในยามนี้ เขากับรับรู้ถึง กฎ ? มันดูเหมือนเขาค้นพบ เศษเสี้ยว กฎ ที่อยู่ในแท่นผนึกเทวะ ?


ราชันสวรรค์เอกอนันต์รู้สึกประหลาดใจ กฎ ของแท่นผนึกเทวะ มันคือเศษเสี้ยวกฎ มันคงอยู่ใน33ชั้นของแท่นผนึกเทวะ  กฎนี้มันถูกทิ้งไว้บนแท่นผนึกเทวะโบราณจากส่วนลึกของจักรวาลอันไกลโพ้น ราชันสวรรค์สวรรค์บังเอิญโชคดีได้พบชิ้นส่วนจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะโบราณ หลังจากใช้เวลายาวนานทำความเข้าใจ ในที่สุดราชันสวรรค์เอกอนันต์จึงสร้างของเลียนแบบขึ้นมาได้สำเร็จ.


เขาตระหนักถึง กฎ จากแท่นผนึกเทวะจริงๆ ข้าคงประเมินเขาต่ำไป แต่มันยังคงน่าเสียดายที่ขอบเขตบ่มเพาะเขาต่ำไป แม้ว่าเขาจะตระหนักรู้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจมันได้ แม้แต่เขี้ยวมังกรและลูกศิษย์ทั้งสามของข้าที่ได้ชื่อว่ามองผ่านกฎได้ทั้งหมดยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ .”


กฎ จากแท่นผนึกเทวะนั้นเทียบได้กับ กฎจากสวรรค์33ชั้นหรือก็คือ กฎ โกลาหล นั้นยากต่อความเข้าใจมาก อีกทั้งในปัจจุบัน นับตั้งแต่สวรรค์ทั้ง33ชั้นเปลี่ยนไป กฎ โกลาหลได้ถูกตัดออกไปด้วยในเวลาเดียวกัน เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อเวลา3.6พันล้านปีก่อน !.

 

ถึงแม้ว่าราชันสวรรค์เอกอนันต์จะเป็นผู้สร้างแท่นผนึกเทวะเลียนแบบขึ้นมา แต่เขาเองยังคงไม่ได้เข้าใจใน กฎ โกลาหลมากนัก เขายังไม่สามารถเทียบกับชายชราชุดเทาที่แอบดูการต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะเลียนแบบได้ ชายชราผู้นี้คือจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะ !.


จิตวิญญาณแท่นผนึกเทวะ ถูกหลอมสร้างโดยราชันสวรรค์เอกอนันต์ โดยใช้เศษชิ้นส่วนวิญญาณจากแท่นผนึกเทวะโบราณผสานรวมเข้ากับจิตวิญญาณสัตว์เทวะและความเข้าใจในกฎ โกลาหลของราชันสวรรค์เอกอนันต์ สิ่งนี้นับเป็นความภูมิใจที่สุดของราชันสวรรค์เอกอนันต์ อย่างไรก็ตามในเรื่องความเข้าใจในกฎ เขายังต้องทำความเข้าใจวนไปวนมาราวกับเป็นวัฏจักร และอาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีลูกบาศ์ศักดิ์สิทธิเหมือนหลินหมิง เขาจึงไม่สามารถซึมซับและทำความเข้าใจมันได้โดยตรงเช่นหลินหมิง .

 

 

อืม..ดูๆแล้วมันช่างเสมือนลูกแมวไม่กลัวเสือ เจ้าเด็กนี่มันตระหนักได้ถึง กฎ โกลาหลที่แทรกซึมอยู่ในแท่นผนึกเทวะได้ นี่นับเป็นความสำเร็จอย่างมาก ร่างกายของเจ้าเด็กนี่ต้องมีอะไรพิเศษบางอย่าง.”


ขณะที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กำลังกล่าว หญิงสาวชุดขาวด้านข้างยังคงจ้องมองไปที่หลินหมิงด้วยดวงตาสดใส ลักษณะท่าทางของเธอราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่ .


ฝันเทวะ เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ?”


หญิงชุดขาวยิ้มบางๆก่อนจะกล่าวว่า ที่ข้ารู้สึกแปลกๆ มันเป็นเพราะร่างกายเจ้าหนุ่มนี่มีกลิ่นอาย กฎ มายาเทวะอยู่…”


กฎ มายาเทวะ มันจะเป็นไปได้รึ ? นี่มันกฎของเจ้าไม่ใช่รึ โอ้..จริงสิ เจ้าหนุ่มนี่ได้เข้าไปในดินแดนมายาเทวะของเจ้ามาก่อน บางที่เขาอาจจะได้ดูดซับจิตวิญญาณพื้นฐานมาจากที่นั้น ดังนั้นมันจึงมีกลิ่นอายเบาบางบนร่างกายของเขา .”


ราชันสวรรค์คาดเดาความเป็นไปได้ถึงเรื่องดังกล่าว ในขณะที่หญิงสาวชุดขาวยังคงเงียบ เธอรู้สึกว่ากลิ่นอายจาก กฎ มายาเทวะบนร่างกายหลินหมิงมันไม่เรียบง่ายเช่นนั้น.


ณ เวลานี้พลังงานจากกฎ โกลาหลสองสายเริ่มส่งผลกระทบกับหลินหมิง.


ไหล่ของหลินหมิงเกือบหัก ในขณะที่โลหิตเริ่มไหลรินเต็มไหล่.


ในเวลาไม่นานแขนขวาเริ่มได้ผลกระทบทั้งท่อนแขนเต็มไปด้วยโลหิต.


ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อแขนและไหล่บาดเจ็บ มันเกือบจะเหมือนกับการยุติการต่อสู้แล้ว ต้องทราบว่านักสู้จำเป็นต้องใช้แขนและขาที่สมบูรณ์เพื่อที่จะต้านทานแรงกดดันมหาศาลจากกลิ่นอายของราชันสวรรค์ที่หลั่งไหลลงมาจากด้านบนแท่นผนึกเทวะ


มันจบแล้ว! ข้าไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไรอยู่ แต่แขนขวาของเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปต่อ


ข้ากลัวว่าเขา น่าจะหมดสติไปแล้ว !”


ณ เวลานี้หลินหมิงไม่ได้รู้สึกหรือได้ยินเสียงตะโกนใดใดเลย เขายังจมอยู่ในห้วงการตระหนักรู้อย่างฉับพลัน.


ตลอดเวลาที่หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นชั้น32ของแท่นผนึกเทวะ เขาได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านการโจมตีและลดแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะมาตลอด.


ด้วยพลังลมปราณแท้ที่หนาแน่น การฝึกฝนขัดเกลาที่ผ่านมา รวมถึงรากฐานที่มั่นคงและความเข้าใจในกฎ การทนต่อพลังงานจาก กฎ โกลาหลนี้และปีนขึ้นไปชั้น32ยังไม่นับเป็นปัญหาสำหรับหลินหมิง


แต่การกระทำเช่นนั้นมันคือขีดจำกัดของหลินหมิง.

 

เมื่อหลินหมิงคิดเกี่ยวกับมัน เขาค้นพบว่าการใช้เกราะลมปราณแท้ป้องกันมันเป็นวิธีการที่ผิดโดยสินเชิง !


สิ่งนี้เปรียบเสมือนยามเมื่อมนุษย์ต้องการปรับเปลี่ยนแม่น้ำเพื่อหยุดน้ำท่วม ถ้าพวกเขาเพียงควบคุมแต่แม่น้ำเท่านั้น ในไม่ช้าสิ่งที่กักกันย่อมแตกออกเป็นเสี่ยงๆจากกระแสน้ำที่รุ่นแรงตามธรรมชาติ


มีเพียงยกเลิกสิ่งกีดขวาง ขยายพื้นที่และสร้างอ่างเก็บน้ำเท่านั้นจึงสามารถควบคุมสายน้ำได้.


หลินหมิงเองในยามนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน เขาไม่ได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านพลังงานจาก กฎ โกลาหล แต่กับใช้ร่างกายรองรับแทน และนั้นเป็นการสัมผัสถึงพลังงานจากกฎ โดยตรงและยังทำให้หลินหมิงสามารถส่งพลังงานจาก กฎ โกลาหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขาได้ในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าเขาย่อมสามารถตระหนักรู้ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งพลังงานดังกล่าวได้อีกด้วย แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นกัน การกระทำเยี่ยงนี้มันอาจจะทำให้เส้นลมปราณของเขาถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ! .


อย่างไรก็ตามหากหลินหมิงสามารถปรับแต่งพลังงานจากกฎ โกลาหลได้ เขาย่อมสามารถควบคุมมันได้ในระดับหนึ่งและทำให้มันกลายเป็นของตัวเอง หากเขาทำได้สำเร็จ เขาไม่เพียงแต่สามารถปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะเท่านั้น แต่เขายังคงได้เปรียบอย่างมากอีกด้วย  !


กฎ โกลาหลจากสวรรค์33ชั้นนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก หากนักสู้ทั่วไปต้องการศึกษามัน นั้นเปรียบได้กับการกระทำของคนโง่เขลา.


แต่มันไม่ใช่กับหลินหมิง เขานั้นข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาแล้ว สำหรับหลินหมิงมันมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ !


ขณะที่ทุกคนกำลังกล่าวสนทนากัน พลังงานจาก กฎ โกลาหลอีกระลอกซึ่งดูเหมือนมันจะมากกว่าเดิม กำลังพุ่งตรงเข้าหาศีรษะของหลินหมิง !


หากพลังงานจาก กฎ โกลาหลลูกนี้กดทับหลินหมิง เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ !


กระนั้นหลินหมิงยังคงหยุดนิ่งอยู่เช่นเดิม มันราวกับว่าเขานั้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใดใดรอบข้างเลย !


เสี่ยวเต๋าจือ สายตาหดแคบลง ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว อย่าขยับ!” เสียงหนึ่งดังก้องในจิตใจเขา


 เสี่ยวเต๋าจือหยุดนิ่งในทันที เสียงนี้เป็นเสียงของชายชราชุดเทา เขาคือจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ ที่กำลังจัดการทุกอย่างบนแท่นผนึกเทวะอย่างลับๆ


ชายชราชุดเทาผู้นี้เป็นบุคคลที่แม้แต่ราชันสวรรค์เอกอนันต์ยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพดุจเดียวกับบุคคลในระดับเดียวกัน และ ยังเรียกชายชราชุดเทาผู้นี้ว่า ผู้เฒ่าตราประทับ นี้ย่อมไม่ต้องกล่าวถึงเสี่ยวเต๋าจือว่าจะต้องเคารพเขาขนาดไหน


 

ดังนั้นในยามนี้ เสี่ยวเต๋าจือทำได้เพียงหยุดนิ่ง และมองดูพลังงานจาก กฎ โกลาหล กำลังพุ่งชนหน้าผากหลินหมิง!

 

ปัง!

 

โลหิตสีแดงสาดกระเซ็น หน้าผากหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต !


พี่หลิน !”

 

ฉินชิงเสวียน ร้องออกมาเมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของหลินหมิง นิ้วและเสียงของเธอสั่นด้วยความหวาดกลัว

.

ทำไม พวกเขายังไม่ยุติการประลอง ?”


ผู้อาวุโสเสี่ยวเต๋าจือกำลังทำอะไร ? ถ้าเขาไม่ยุติการประลอง ศิษย์พี่หลินจะต้องตายแน่ !”


ท่านอาจารย์ ! ท่านต้องช่วยศิษย์พี่หลินหมิงนะ !”


หญิงสาวหลายคนจากเผ่าฟินิกซ์โบราณ เริ่มอ้อนวอนอาจารย์ของตน.


เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ ต่างตกตะลึงและตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน นี่ไม่นับว่าแปลกแต่อย่างใด การที่จะมีอัจฉริยะผู้ไร้เปรียบปรากฎขึ้นในเผ่า นับเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับเผ่าฟินิกซ์โบราณ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอัจฉริยะผู้นั้นล่ะ ? นี่มันไม่ใช่เพียงแค่ทำลายเส้นทางชีวิตของพวกเขาเท่านั้น ?


พวกเจ้าทั้งหมด หุบปาก !”


ฮัวเล่ยสือถ่ายเทลมปราณแท้ลงในเสียงก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น หยุดความวุ่นวายของเหล่าสาวกทั้งหมดบริเวณรอบๆ  .


ถึงแม้เขาเองยังคงตื่นตระหนกเช่นกัน แต่เขายังรู้สึกว่า เสี่ยวเต๋าจือไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่าง.


พวกเจ้าคิดว่ามองสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่าท่านเสี่ยวเต๋าจือ รึ? หุบปากแล้วนั่งลงซะ !”


หลังจากฮัวเล่ยสือตวาด เหล่าสาวกเผ่าฟินิกซ์โบราณทั้งหมด เงียบสนิทในทันทีก่อนที่จะนั่งลง.


ดวงตาฉินเชิงเสวียนเปียกไปด้วยน้ำตา ในขณะที่เธอจับมือมู่เฉียนหยู่ไว้แน่น.


ใกล้ๆกันนางฟ้าเฟิง กำหมัดแน่นในขณะที่มองไปทางหลินหมิงอย่างใจจดใจจ่อ


ในขณะเดียวกัน พลังงานจาก กฎ โกลาหลยังคงพุ่งเข้าหาหลินหมิง ถึงกระนั้นร่างกายของหลินหมิงยังคงต้านทานพลังงานจาก กฎ โกลาหลอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน.


ณ ยามนี้ร่างกายของหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต มันราวกับมีใครเทถังน้ำสีแดงราดบนตัวเขา ไม่ต้องกล่าวถึง ฉินเชิงเสียน มู่เฉียนหยู่ นางฟ้าเฟิง หรือ เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ แม้แต่เหล่าผู้ชมและผู้เข้าร่วมทังหลาย ต่างเพ่งมองไปที่ร่างของหลินหมิงด้วยความหวาดกลัว


หลินหมิงกำลังทำอะไร ?”

 

ใช่ ทำไมเขายังไม่ยอมลงมาอีก เขาไม่ควรเอาชีวิตมาล้อเล่นเช่นนี้ !”


บาดแผลเขาสาหัสเกินเกินไป เขาจะตายในไม่ช้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป !”


เหล่าศิษย์บางคนกังวลเกี่ยวกับหลินหมิง ในขณะที่บางคนแสดงออกได้ถึงความสุขเมื่อเห็นหลินหมิงในสภาพนี้.

นี่นับเป็นเรื่องปกติเสมอมาของมนุษย์ ในหมู่พวกเขาย่อมมีหลายคนที่หวังให้คนที่แข็งแกร่งกว่าตนตายไปซะ โดยเฉพาะกับเหล่าศิษย์จากดินแดนนภาทมิฬที่ถูกทำให้อับอาย พวกเขาล้วนอยากจะเห็นหลินหมิงทุกข์ทรมานมากกว่านี้.


ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าโง่หลินหมิง ข้าคิดว่าเขาคงจะตายที่นี่ในไม่ช้า !.”


ข้ามองไม่เห็นว่าสิ่งใดกำลังโจมตีหลินหมิง แต่หลินหมิงกับต้านทานด้วยร่างกาย มันช่างโง่เขลายิ่งนัก ฮึ ฮึ ฮึ แต่มันเป็นเรื่องดีเช่นกัน ตีมัน ตีมันให้หนักกว่านี้ !”


ความเป็นจริงบ่งบอกว่า เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานจาก กฎ โกลาหล พวกเขาเพียงแค่เห็นร่างกายของหลินหมิงถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง มันอาจจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่พวกเขายังรู้สึกยินดีบนความทุกข์ของหลินหมิง ถึงกระนั้นพวกเขาเองยังไม่กล้าที่จะตะโกนเสียงดัง ทำได้เพียงคุยกันเบาๆในกลุ่มของตนเท่านั้น เสียงของพวกเขาจมหายไปท่ามกลางเสียงตะโกนจากผู้ชมรอบๆนับพันล้าน.


เวลานี้ โยวซูจินก้าวออกจากแท่นผนึกเทวะแล้ว ถึงกระนั้น โยวซูจินยังคงเพ่งมองไปที่หลินหมิง เช่นเดียวกับผู้อื่น ในขณะที่มองไปที่บาดแผลของหลินหลิง นัยน์ตาเย็นเยียบไปด้วยความอันตราย ก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังพยายามทำลายหลินหมิงอยู่ในตอนนี้ และ ไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไร แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาค่อนข้างอันตรายมาก ถึงกระนั้นทำไมเสี่ยวเต๋าจือยังไม่เคลื่อนไหว ? แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ นั้นมันคงเป็นอะไรที่สบายมากเกินไป ....


นัยน์ตาสีแดงเข้มของโยวซูจินเรืองแสงประกายด้วยความอำมหิต ในขณะที่พลังงานจาก กฎ โกลาหลเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นด้านหลังหลินหมิง การไหลของพลังงานกลุ่มนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายเท่า อีกทั้งทิศทางของพลังงานนี้กับพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินหมิง !


เหนือแท่นผนึกเทวะ เสี่ยวเต๋าจือเพ่งความสนใจไปที่หลินหมิงมากขึ้น สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับหลินหมิงอย่างสมบูรณ์ เขาพร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกเวลา.


แต่ในคราวนี้กับเกิดเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้น !!


เมื่อกลุ่มก้อนพลังงานจากกฎโกลาหลพุ่งเข้าหาหลินหมิง มันกับถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กลุ่มก้อนพลังงานกว่า90% เปลี่ยนทิศทางไปด้านข้าง ส่วนกลุ่มก้อนพลังงานที่เหลือ10% กับพุ่งเข้าหาศีรษะของหลินหมิงก่อนจะจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย !


อะไร!?”


เสี่ยวเต๋าจือตกะลึง ภาพที่เห็นมันดูราวกับหลินหมิงกำลังดูดซับพลังงานจากกฎโกลาหล !


ในกลุ่มผู้ชมทั้งหมดไม่มีแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ เสี่ยวเต๋าจือ ราชันสวรรค์เอกอนันต์ หญิงสาวชุดขาว ที่เฝ้ามองจากพระราชวังสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ! .


พลังงานจาก กฎ โกลาหลที่หลินหมิงดูดซับไป มีชื่ออีกหนึ่งเป็นนามเฉพาะ คือ พลังเทวะ !



                                                                                BY NSN




วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1253

 

Chapter 1253 – ทำความเข้าใจ กฎ

 

เขี้ยวมังกร!”

เขี้ยวมังกร !”

หลินหมิง !”

หลินหมิง !”


ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครมาจากไหน ไม่มีระดับชั้นใดใดอีกต่อไป โดยเฉพาะเผ่าฟินิกซ์โบราณนอกจากตะโกนแล้วยังถึงขนาดเปล่งกลิ่นนอายสีแดงเข้มออกมา


 ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิส่งเสียงเชียร์ ผู้คนจากพิภพนักสู้ที่แท้จริงโห่ร้อง แม้กระทั่งผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬยังส่งเสียงเชียร์

 

ฉากนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ทุกคนหวังว่าชายหนุ่มทั้งสองบนแท่นผนึกเทวะจะสร้างปาฏิหาริย์ ปาฏิหารย์ที่มันจะกลายเป็นความหวังของนักสู้ทุกคน !


โดยเฉพาะความสนใจส่วนใหญ่ของทุกคนจดจ่ออยู่กับเขี้ยวมังกร นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมดของ100พิภพที่มารวมตัวกันบนดาวคำสาปจันทรา มันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะทิ้งตำนานไว้เบื้องหลังพระราชวังราชันสวรรค์ !.


ณ เวลานี้บนแท่นผนึกเทวะ หลินหมิงกับเขี้ยวมังกร ปีนขึ้นมาได้1ใน10ของชั้นที่31แล้ว นั้นคือ10,000ฟุต !


การประลองต่อสู้ครั้งแรกในพิภพนักสู้ที่แท้จริง เกิดขึ้นหลายครั้งโดยการใช้แท่นผนึกเทวะ มันยังไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้แม้แต่คนเดียว นี่แสดงให้เห็นถึงความยากถึงยากมาก !

….

นี่นับว่าเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะกลายเป็นตำนานบนดาวคำสาปจันทรา และสิ่งนี้มันยังไม่เคยปรากฏออกมาก่อนในช่วงเวลานับล้านปี ที่ผ่านมา !”


ในสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยผู้คนนับพันล้าน มันยังมีพื้นที่หวงห้ามที่จัดเตรียมไว้เฉพาะแขกบางกลุ่ม บริเวณนี้เป็นมิติย่อยแยกออกมา และ บรรดาผู้ที่นั่งรับชมอยู่ ณ ที่นี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีชีวิตมาอย่างยาวนาน และ แต่ละคนยังเป็นบุคคลสำคัญใน100พิภพอันยิ่งใหญ่อีกด้วย.


ในกลุ่มพวกเขา ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นระดับผู้ปกครองสูงสุดและยังมีกึ่งราชันพิภพรวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามมันไม่มีราชันพิภพที่แท้จริงแม้แต่คนเดียว .


ราชันพิภพโดยเฉพาะมหาราชันพิภพเช่นเทียนหมิงจื่อที่มีสถานะสูงส่ง เขาสามารถรวมตัวกันกับเหล่าตัวตนในระดับชั้นเดียวกันได้ที่พระราชวังสวรรค์และเฝ้ามองการต่อสู้ของเหล่าผู้เข้าร่วมผ่านกระจกคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางพระราชวังสวรรค์เป็นการส่วนตัว ในขณะที่เหล่าราชันพิภพทั่วไปเช่นราชันพิภพนักสู้ที่แท้จริง พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าชมจากบนเรือจิตวิญญาณและนี่ยังเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเหล่าราชันพิภพเท่านั้น ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับชมบนท้องนภา มิฉะนั้นนภาเหนือแท่นผนึกเทวะมันคงเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนแล้ว


นอกเหนือจากราชันพิภพ เหล่าตัวตนชนชั้นกึ่งราชันพิภพและชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิสามารถนั่งรับชมในพื้นที่ส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้เท่านั้น.


บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหย่อหยิ่ง และยังเป็นผู้ปกครองในอาณาเขตของตนด้วย แต่ตอนนี้ เมื่อพวกเขาเห็นเขี้ยวมังกรกับหลินหมิง พวกเขากับเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง กระแสกาลเวลาชะล้างสิ่งเก่าและนำมาซึ่งสิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า ดังคำกล่าวคลื่นลูกหลังย่อมแรงกว่าคลื่นลูกหน้า ความสำเร็จในอนาคตของทั้งสอง มันยากที่จะจินตนาการถึงจริงๆ .


เหลือเชื่อ! สองคนนี้นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะไร้เปรียบในรุ่นของพวกเขาแล้ว ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าใครจะแข็งแกร่งมากกว่ากัน


อืม! เขี้ยวมังกรนั้นยอดเยี่ยม แต่หลินหมิงเองก็โดดเด่นเช่นกัน เพียงแค่เทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด เขากับสามารถใล่ตามเขี้ยวมังกรได้ไกลขนาดนี้ มันไม่ง่ายเลย


หลายคนคิดว่าหลินหมิงย่อมถูกเขี้ยวมังกรทิ้งไว้ข้างหลังอย่างช้าๆ แต่หลินหมิงกับปีนขึ้นไปถึง 10,000ฟุตโดยไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย


…………….

วิ้ว วิ้ว วิ้ว


เสียงลมพัดโหมกระหน่ำ

.

เฮ เฮ เฮ


พร้อมกับเชียรเชียร์ดังกระหึ่ม

.

แท่นผนึกเทวะสูงนับ3.3ล้านฟุตตั้งตระหง่านสูงสุดในพิภพ เมื่อหลินหมิงกับเขี้ยวมังกรปีนขึ้นไป ร่างกายของพวกเขาดูราวกับมดตัวน้อยสองตัวกำลังไต่ขึ้นไปบนยอด มันดูธรรมดาและเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริง ในอนาคต.......พวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักที่รองรับอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดในพิภพเทวะ !

10,000 ฟุต

20,000 ฟุต

30,000 ฟุต


หลินหมิงปีนสูงขึ้นสูงขึ้นจนเกือบจะตามเขี้ยวมังกรทัน !


ยิ่งสูงแรงกดดันยิ่งมาก !


สูดดด....


แท่นผนึกเทวะนี้ช่างดูยิ่งใหญ่อลังการนัก ทุกร่องรอยบนแผ่นหินกับเต็มไปด้วย กฎ อันยิ่งใหญ่.”


หลินหมิงผ่อนลมหายใจ ทุกลมหายใจยาวและลึก เขาหายใจเข้าเหมือนอสรพิษ หายใจออกดั่งลูกศร แต่ละลมหายใจเท่ากับ100การหายใจปกติของมนุษย์สามัญ.


ที่มากกว่านั้น มนุษย์สามัญทั่วไปหายใจเอาอากาศเข้า แต่หลินหมิงกับหายใจเอาพลังงานจากสวรรค์และปฐพีเข้า !.


แรงกดดันดั่งน้ำตกโหมกระหน่ำ มันไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ แต่หลินหมิงกับรู้สึกว่า บริเวณโดยรอบตัวเขามันเต็มไปด้วย กฎ โกลาหล .


อำนาจจาก กฎ โกลาหล นี้มันดูไม่สม่ำเสมอไม่มีกฎตายตัว มันแตกต่างจาก กฏต่างๆที่หลินหมิงเคยเข้าใจ.


ถ้าหลินหมิงไม่ใช้ กฎ ที่เขาเข้าใจต้านทาน กฎ โกลาหล รอบๆตัว เขาคงถูก กฎ โกลาหลบดขยี้และผลักเขาตกลงมาแล้ว.


ทุกย่างก้าวมันเต็มไปด้วยความยากลำบาก.


หนึ่งก้าวเสมือนปีนหน้าผา หนึ่งก้าวเสมือนเหยียบลงไปในโคลน หนึ่งก้าวเสมือนตกลงไปในสายธารเชี่ยวกราด.


บางครั้งแรงโน้มถ่วงมหาศาลยังพุ่งมาหาเขา มันทำให้หลินหมิงรู้สึกราวกับแขนของเขาจะขาด ถ้าไม่ใช่หลินหมิงแต่เป็นนักสู้ทั่วไปที่ไม่มีร่างกายและแก่นแท้ลมปราณที่หนาแน่น คลื่นแรงโน้มถ่วงนี้คงผลักพวกเขาตกลงจากหน้าผาไปแล้ว


บางครั้ง พลังงานจาก กฎ โกลาหล ยังโจมตีจิตวิญญาณของหลินหมิงโดยตรง และพลังงานจาก กฎโกลาหลนี้มันยังมีความรุ่นแรงพอๆกับการโจมตีจิตวิญญาณจากเทพสมุทรขั้นปลายอีกด้วย ในยามปกติหลินหมิงย่อมหลีกเลี่ยงการโจมตีประเภทนี้ได้ แต่ในยามนี้ขณะที่เขายังปีนขึ้นไปชั้น32 นอกจากความแข็งแกร่งจำนวนมากที่เขาต้องใช้ไป หลินหมิงรู้สึกว่ามันยากที่จะต่อต้านการโจมตีนี้ .


ฮู..... !


หลินหมิงถอนหายใจยาว เขาปีนขึ้นไปได้เพียง30,000ฟุตเท่านั้น มันยังมีระยะทางอีก60,000ฟุตที่เขาต้องปีน!


ตามระยะทางนี้ หลินหมิงมั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหาใดที่จะปีนขึ้นไปยังชั้นที่32 แต่ชั้น32มันไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของหลินหมิง !


เขาต้องการจะปีนให้ถึงชั้น33 แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันนี้ เขาคงทำได้แค่คลานไปยังชั้น33ในไม่กี่พันฟุตก่อนที่จะถูกผลักตกลงมา !


แท่นผนึกเทวะเป็นที่รู้จักในฐานะสนามทดสอบการต่อสู้ของพิภพนักสู้แท้จริง และยังเป็นที่สนามทดสอบคุณสมบัติขั้นสูงสุดของเหล่านักสู้อีกด้วย หลายปีที่ผ่านมาราชันสวรรค์เอกอนันต์ผู้หล่อหลอมแท่นผนึกเทวะขึ้นมา และ ใช้มันเป็นอาวุธนักบุญขั้นสุดที่มีจิตวิญญาณ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุด แน่นอนเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่อย่างใด


ที่มากกว่านั้น เหล่าศิษย์ราชันสวรรค์ที่เคยปีนแท่นผนึกเทวะมาก่อนในเวลานั้น พวกเขาล้วนอยู่ในระดับบ่มเพาะขั้นเทพสมุทรช่วงปลาย แต่หลินหมิงนั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด !.


สำหรับหลินหมิงเอง เขานั้นไม่ได้หวังว่าจะปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดชั้น33 เขาเพียงแค่อยากปีนขึ้นไปให้ไกลที่สุด ขุดศักยภาพและผลักดันขีดจำกัดของตัวเองให้ถึงขีดสุด !


หลินหมิงหันไปมองเขี้ยวมังกร ในขณะที่เขี้ยวมังกรปีนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ทั้งคู่ปีนขึ้นไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน.


 ยามนี้รูม่านตาของเขี้ยวมังเล็กลงราวกับจุดเข็ม ในขณะที่มีอักขระแปลกมากมายรอบๆตาดำ.


อักขระเหล่านั้น มัน…”


ความคิดของหลินหมิงสั่นคลอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นอักขระเหล่านี้.


ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะยังไม่เข้าใจความลึกลับเบื้องหลังอักขระเหล่านี้ แต่สิ่งที่เขาแน่ใจก็คือ เขี้ยวมังกรตระหนักถึง กฎ โกลาหลโดยรอบมากขึ้นเพราะอักขระรอบดวงตาดำเหล่านี้ ดังนั้นเขี้ยวมังกรจึงต้านทาน พลังงานจาก กฎ โกลาหลรอบๆตัวเขาน้อยกว่า พลังงานจาก กฎ โกลาหลที่หลินหมิงต้องทน !.


ในขณะเดียวกัน เขี้ยวมังกรสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากหลินหมิงและหันมามอง รูม่านตาแปรผันของเขาเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบ ราวกับว่าเขาสามารถมองผ่านทะลุถึงหัวใจ !


เขี้ยวมังกรเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปีนขึ้นไปต่อ.


แต่ในเวลานี้หลินหมิงเริ่มช้าลง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและตั้งสมาธิรวบรวมความคิด.


หลับตาและทำสมาธิ !


นับตั้งแต่วินาทีแรกที่หลินหมิงสัมผัสกับแท่นผนึกเทวะ เขารับรู้ได้ถึงเศษเสี้ยวแนวคิดจาก กฎ โกลาหล - เศษเสี้ยวแนวคิดจากสวรรค์33ชั้น!

 

เศษเสี้ยวแนวคิด จากกฎ โกลาหลบนแท่นผนึกเทวะนี้ ผู้อื่นอาจจะไม่ได้รับรู้แต่หลินหมิงกับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน !.


สวรรค์ชั้น33คือ ?


หลินหมิงไม่สามารถกล่าวได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร แต่ที่เขาแน่ใจมันไม่ใช่แค่ตำนานหรือคำโกหกแน่นอน !

.

นั้นเพราะหลินหมิงได้ก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาก่อน ซึ่งในนั้นมันยังมี กฎ เต๋าอันยิ่งใหญ่รวมอยู่ด้วย 

.

ดูนั่น! หลินหมิงไม่ขยับแล้ว !


ทุกคนสามารถมองเห็นหลินหมิงหยุดนิ่งในทันที หลินหมิงสามารถติดตามความเร็วของเขี้ยวมังกรได้ แต่ตอนนี้เขากับนิ่งเฉยและถูกเขี้ยวมังกรทิ้งห่างออกไป .


เขาคงพักผ่อนกระมัง ดูเหมือนเขาหมดแรง?”


บนแท่นผนึกเทวะ เหล่านักสู้ไม่อนุญาตให้ลอยตัวขึ้นไป ในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่านักสู้เปรียบเสมือนมนุษย์ธรรมดากำลังปีนเขา เมื่อหมดแรงพวกเขาจำเป็นต้องพักเพื่อฟื้นกำลังก่อนจะไปต่อ  


การพักผ่อนนับเป็นเรื่องดี มิเช่นนั้นหากเขาเผาผลาญลมปราณแท้จนหมด เขาจะถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ.”


ดูเหมือนเขี้ยวมังกรจะสามารถปีนขึ้นไปชั้น32ได้อย่างราบรื่น แต่สำหรับหลินหมิง เขาอาจจะรู้สึกว่ามันยากเกินไป ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกกำจัดออกไป มันก็ดีมากแล้ว อย่าลืมว่าเขานั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุดเท่านั้น !”


 ณ หน้าผาระหว่างชั้น31กับชั้น32 หลินหมิงหยุดนิ่งอยู่ที่ความสูง 35,000 ฟุต ที่ความสูงระดับนี้ หากเขาจะถูกกำจัดออกในทันที มันคงไม่มีใครดูถูกเขา เพราะมันไม่มีใครในที่นี้มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนี้ได้ !


 ในอดึตยามแท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นสนามประลองการต่อสู้ในพิภพนักสู้ที่แท้จริง มันมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนถูกกำจัดออกไปก่อนจะถึงชั้น32 !


เขาทำได้ดีมากแล้ว ในช่วงต้นเขาสามารถเอาชนะโยวซูจินได้และปีนขึ้นไปถึง35,000ฟุต ถ้าเขาพักผ่อนเอาแรงเพิ่มและปีนต่อไปได้อีกซัก2ถึง3พันฟุต เขาน่าจะพอใจในความสำเร็จของเขาแล้ว!”


เขี้ยวมังกรปีนขึ้นไปได้45,000ฟุตแล้ว ในขณะที่หลินหมิงยังอยู่ที่35,000ฟุต.


ระหว่างชั้น31กับชั้น32 แม้แต่เขี้ยวมังกรยังต้องปีนขึ้นไปช้าๆ เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการปีนขึ้นไป10,000ฟุต.


หลินหมิงจมอยู่ในสมาธิครึ่งชั่วโมงแล้ว.


เขายังพักอยู่หรือไม่ ? ถึงแม้เขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เขายังต้องรับแรงกดดันอยู่ตลอดเวลามิใช่รึ หรือเขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับแขน?”


หรือเขาจะหมดสติไปแล้ว แต่ที่เขายังไม่ถูกกำจัดออกมันอาจจะเป็นความแข็งแกร่งเฮือกสุดท้ายของเขาที่ยังฝืนทนไว้…?”


ศิษย์พี่หลิน...อดทนไว้ !”

 

 

ศิษย์พี่หลินพยายามเข้า อย่ายอมแพ้ !”


ศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างร่ำร้องและส่งเสียงเชียร์หลินหมิง.


ปัง !


ขณะที่พวกเขาตะโกนเชียร์หลินหมิง ในที่สุดเกราะลมปราณแท้ของหลินหมิงไม่อาจต้านได้ไหวอีกต่อไป มันถูกพลังจาก กฎ โกลาหลฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ถึงกระนั้นหลินหมิงยังคงไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้.


เปรียะ เปรียะ !


พลังจากกฎโกลาหลกดทับร่างกายของหลินหมิงในทันที ! หน้าผากของเขาเริ่มเต็มไปด้วยเลือด !.


ถึงแม้หลินหมิงจะเปิดประตูแห่งการมองเห็นและหลอมรวมกับกระดูกมังกรจักรพรรดิมาก่อน มันทำให้ร่างกายและผิวหนังของเขามีพลังป้องกันถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ แต่ในยามนี้เขาต้องเผาผลาญลมปราณแท้และใช้ความแข็งแกร่งทางกายไปมากมาย และยังเป็นสถานการณ์ที่เขายังไม่ได้เปิดใช้กระดูกมังกรจักรพรรดิและประตูแห่งการมองด้วย เนื่องจากเขายังอยู่ในสมาธิ นี่ถ้าเป็นเทพสมุทรขั้นปลายอยู่ในสถานการณ์เดียวกันพวกเขาย่อมได้รับเจ็บมากกว่านี้แน่นอน


อ้า...ศิษย์พี่หลิน !”


เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างเริ่มกรีดร้อง หลังจากเกราะลมปราณแท้หลินหมิงแตก เขาไม่ได้เรียกใช้การป้องกันใดใดเลย !


ศิษย์พี่หลิน ระวัง !”


ถึงแม้เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณจะพยายามร้องบอก แต่พลังงานจาก กฎ โกลาหลยังคงกดทับและพุ่งเข้าหาหลินหมิง !


หากไม่มีการป้องกันใดใด หลินหมิงจะต้องทนต่อผลกระทบจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง !


กึก กึก แควก  !


 ร่างหลินหมิงสั่นไหว เสื้อผ้าบนหลังเขาถูกฉีกขาด ผิวของเขาปริแตกพร้อมกับโลหิตไหลริน


พี่หลิน !”


 ฉินชิงเฉวียนร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อมองเห็นฉากนี้


ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นหลินหมิงหรือเขี้ยวมังกร พวกเขาทั้งสองต่างสร้างเกราะลมปราณแท้ป้องกันพลังงานโกลหลรอบๆตัวไว้อยู่ตลอด ในขณะที่พลังงานโกลาหลกดทับลงมายังพวกเขาทั้งสองเกราะลมปราณแท้จะทำการป้องกันตลอดเวลา แต่มันยังจำเป็นต้องให้เจ้าของร่างกายถ่ายเทลมปราณแท้ประคองเกราะป้องกันอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน

แต่บัดนี้หลินดูราวกับหมดสติ เกราะลมปราณแท้ของเขาขาดการหล่อเลี้ยงจากลมปราณแท้มันจึงทำให้เกราะลมปราณแท้พังทลาย ดังนั้นร่างเนื้อของเขาจึงต้องทนต่อการโจมตีจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง หากมันเป็นเพียงนักสู้ทั่วไปร่างของพวกเขาคงถูกทำลายสลายไปแล้ว !.


หลินหมิงหมดสติจริงๆ !”


มันต้องมีข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง เขาจะทนต่อการโจมตีขนาดนี้ได้ยังไงหากเขาหมดสติ ขาทั้งสองของเขายังตั้งตรงไม่มีวี่แววว่าจะล้มเลย ?”


ในสายตาของเหล่าผู้ชม หากหมินหมิงหมดสติจริงๆ เขาย่อมถูกกำจัดออกไปแล้ว.


                                                                                              BY nsn

 

 

 

 

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1252

 

Chapter 1252 – ร่างพิเศษของเขี้ยวมังกร

 

 

ท่ามกลางทะเลเมฆที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ภูเขาสูงหลายหมื่นฟุตล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า บนภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีดอกไม้สดใสนานาพันธุ์ ยังมีน้ำตกที่ไหลหล่นจากยอดเขาแต่ละลูกที่ดูราวกับผ้าไหมหิมะทอดยาวนับหลายแสนฟุต โปรยปรายในก้อนเมฆก่อนที่จะลับหายไปจากสายตา


ท่ามกลางภูเขาบนท้องฟ้าเหล่านี้ มันยังมีมิติแยกออกจากกันอีกชั้นหนึ่ง ในมิติแยกนี้มันเต็มไปด้วยทะเลสาปขนาดใหญ่ส่องแสงราวกับเพชร ปลากระโดดเล่นน้ำท่ามกลางทะเลสาบ พร้อมกับดอกบัวบานสะพรั่งดูงดงานไร้ที่ติ นกวิญญาณนานาชนิด ขับร้องบินอยู่เต็มท้องฟ้าตัดกับสายรุ้งดูงดงามและเป็นมงคลราวกับความอมตะ.


ด้านหน้าทะเลสาบอมตะมีบ้านไม้ไผ่หลังหนึ่งตั้งอยู่ บ้านไม้ไผ่ดูเรียบง่ายและธรรมดามาก หากอยู่ใกล้ยังได้กลิ่นความสดจากต้นไผ่ลอยมา .


แสงแดดสาดส่องต้องกระทบเรือนไม้ไผ่ ในขณะที่ตอนนี้ประตูเรือนไม้ไผ่เปิดออก พร้อมกับหญิงสาวอายุราว20ปีเดินออกมา ในมือเธอถือไว้ด้วยถังสำหรับรดน้ำต้นไม้ หญิงสาวนางนี้ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา กระนั้นกลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากร่างกายเธอจากศีรษะจรดเท้า กับดูศักดิ์สิทธิถึงศักดิ์สิทธิที่สุด


ขณะที่เธอเดินผ่านเหล่าดอกไม้อย่างไม่ตั้งใจ แสงระยิบระยับนับหมื่นสายดูราวกับริบบิ้นเปล่งประกายออกมาจากร่างกายเธอ ในขณะที่รูปร่างหน้าตาของเธอปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ ทำให้มองใบหน้าของเธอไม่ชัดเจน อีกทั้งมันยังมีกลิ่นอายโบราณปกคลุมอยู่รอบๆตัวเธอ ทำให้แม้จะมองเห็นเธอแต่มันเหมือนกับเธอไม่อยู่ที่นี่ในเวลาเดียวกัน .


ระหว่างที่เธอเดินผ่าน เหล่าดอกไม้ยังโน้มตัวเข้าหาเธอ ไม่เว้นแม้แต่เหล่านกวิญญาณที่กำลังบินวนอยู่รอบๆตัวเธอพร้อมกับเสียงร้องเจื้อยแจ๋วของพวกมัน.


หญิงสาวเดินทางถึงแถวของดอกไม้ก่อนที่จะเริ่มรดน้ำลงไป .


น้ำในกระบวยรดน้ำนี่ไม่ใช่น้ำธรรมดา มันเป็นถึงน้ำทิพย์อมตะจากฤดูใบไม้ผลิ สำหรับเหล่านักปรุงยาชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิ น้ำทิพย์นี่ประเมินค่าไม่ได้.


แต่ในตอนนี้ มันกับถูกหญิงสาวนำมาเพียงแค่รดน้ำต้นไม้ .


ดอกไม้เหล่านี้ยังไม่ธรรมดาเช่นกัน พวกมันถือเป็นสมบัติสวรรค์ที่แม้แต่ราชันพิภพยังต้องอิจฉา แต่ที่นี่พวกมันเป็นเพียงดอกไม้สวยงามที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แน่นอนในด้านความงดงามดอกไม้ที่นับได้ว่าเป็นสมบัติสวรรค์ย่อมงดงามหาใดเปรียบได้อยู่แล้ว.

 

จ๋อม จ๋อม !


ในเวลานี้ปรากฏปลาสีแดงตัวน้อยสองตัวกระโดดลอยตัวไปบนท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นหญิงสาวสองคนลอยตัวบนท้องฟ้า .


หญิงสาวทั้งสองดูอายุ16-17ปี ร่างกายของพวกเธอห่อหุ้มไปด้วยสายน้ำไหล ยอดปทุมถันทั้งคู่ดูรามกับดอกบัวตูมเต็มที่ ต้นขาเรียวยาว สะโพกกลมมนดูได้รูป ราวกับประติมากรรม.


กลิ่นอายของหญิงสาวทั้งสองดูบริสุทธิ์และอ่อนเยาว์อย่างมาก มันดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ความงามและความสง่าของทั้งสองยากที่จะหามนุษย์คนใดเทียบได้

 

พวกเธอทั้งสองมาจากเผ่าสัตว์ประหลาด ปลาในทะเลสาปอมตะเหล่านี้ไม่ใช่ปลาธรรมดา แต่พวกมันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ถ้าพวกเธอคนใดใคนหนึ่งก้าวเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่ พวกเธอคงถูกนับให้เป็นเช่นธิดาของสวรรค์ที่อาจจะทำให้ทั้งพิภพตกตะลึง


อย่างไรก็ตาม พวกมันกลับเป็นเพียงปลาในทะเลสาบอมตะแห่งนี้ พวกมันใช้ชีวิตเรียบง่าย ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์.


นายหญิง .... ราชันสวรรค์เอกอนันต์ต้องการพบท่าน .”


หญิงสาวทั้งสองกล่าว.


อืม…”


หญิงสาวชุดขาวกล่าวตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะยืดตัวตรง.


จ๋อม จ๋อม .


หญิงสาวทั้งสองกับกลายเป็นปลาสีแดงเช่นเดิมก่อนจะกลับลงทะเลสาปอมตะว่ายวนไปมาระหว่างใบบัว ในเวลาเดียวกันความว่างเปล่าโดยรอบสั่นสะเทือน ในเวลาเพียงชั่วพริบตาผลึกปริซึ่มหกด้านปรากฎออกมาลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า  .


ฝันเทวะ!”


ผลึกปริซึ่มหกด้านเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นใบหน้าโลหะ ก่อนที่จะกล่าว.


 

บนดินแดนศักดิ์สิทธิอันกว้างใหญ่มหาศาล มันเป็นเรื่องยากที่เหล่าราชันสวรรค์จะได้พบเจอกัน ส่วนใหญ่ปลีกตัวเข้าสู่ความสัญโดด บ้างกลับไปบ้านเกิด เมื่อพวกเขาบรรลุถึงระดับชั้นเช่นนี้แล้ว มันมีเรื่องเล็กน้อยมากที่พวกเขาจะให้ความสนใจ.


สำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนศักดิ์สิทธิ พวกเขาส่วนใหญ่จะกระหายในการต่อสู้ การประลองครั้งแรกของณาจักรสวรรค์จึงเสมือนเวทีที่พวกเขาจะได้รุ่งโรจน์ และ แข่งขันกันในรุ่นของพวกเขา ดังนั้นหากผู้ใดได้รับเลือกหรือได้รับชัยชนะ ทั้งหมดเหล่านี้มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียง เกียรติยศ. แต่สำหรับเหล่าราชันสวรรค์การต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่นับว่าเป็นอันใดได้


บนพิภพเทวะหรือดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมด มันต้องใช้เวลากี่หมื่นปีถึงจะให้กำเนิกราชันสวรรค์ได้ ? แม้แต่ผู้ที่ได้รับอันดับที่1บนตราประทับสวรรค์ พวกเขายังแทบจะไม่มีโอกาสกลายเป็นราชันสวรรค์ !


หากผู้ใดไม่สามารถเป็นราชันสวรรค์ได้ ความแข็งแกร่งคงจบลงที่มหาราชันพิภพเท่านั้น. และนั้นยังเป็นระดับที่ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากราชันสวรรค์ไได้


ดังนั้นการประลองต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์จึงถูกดำเนินการโดยศิษย์ของพวกเขา สำหรับตัวตนเช่นพวกเขาทำเพียงแค่เอ่ยปาก .


และนี่คือสิ่งที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กระทำ ศิษย์ของเขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะส่งเสียงไปถึงสิ่งมีชีวิตทั้งสี่พันล้านในพิภพนักสู้ที่แท้จริง ถ้าหากศิษย์ของเขามีความสามารถมากพอ เขานั้นคงไม่ปรากฎตัวหรือแม้แต่จะเอ่ยปาก


แต่ในยามนี้ราชันสวรรค์เอกอนันต์ถึงขนาดฉายภาพจากสัมผัสศักดิ์สิทธิไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิของราชันสวรรค์ฝันเทวะ มันย่อมต้องมีเรื่องอันใดเป็นพิเศษแน่


หญิงสาวชุดขาววางกระบวยน้ำก่อนที่จะหันขึ้นไปมองภาพฉายบนท้องนภาของราชันสวรรค์เอกอนันต์ รอฟังเหตุผลที่เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิมาถึงที่นี่ หากสังเกตให้ชัดจะมองเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวพรรณดูอ่อนนุ่มราวกับหยกเหลว แต่ถึงแม้จะมองเห็นเธอยืนอยู่ มันกลับให้ความรู้สึกราวกับเธอไม่มีตัวตน .


ฝันเทวะ...ถ้าข้าจำไม่ผิดผู้สืบทอดรุ่นที่3ของชายแก่สามภพปรากฎตัวแล้ว.”


ราชันสวรรค์ไม่ได้กล่าววาจาอ้อมค้อม เปิดประเด็นในทันที.


ผู้สืบททอดรุ่นที่3ของตาแก่สามภพ…”


หญิงชุดขาวพึมพำเสียงเบาขณะครุ่นคิดถึงชายแก่สามภพ ชายแก่สามภพผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของเธอและราชันสวรรค์เอกอนันต์ ในอดีตเมื่อเธอเริ่มก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางต่อสู้ ชายแก่สามภพผู้นี้ก็เป็นราชันสวรรค์แล้ว!


300ล้านปี หญิงสาวชุดขาวพึมพำ ในช่วงเวลานี้ราวกับเธอกำลังย้อนคิดไปถึงอดีตที่ยาวนานกว่า300ล้านปี !


ใช่!300ล้านปี ! ข้ากลัวว่าชายแก่สามภพจะติดอยู่ในภาวะชะงักงันอย่างน้อย200ล้านปี ! ตั้งแต่ชายแก่สามภพตื่นขึ้นและยังพบผู้สืบทอดของเขาอีกด้วย ข้าเชื่อว่าเขาน่าจะมีรางสังหรณ์เกี่ยวกับอนาคต...


ในขณะที่ราชันสวรรค์กล่าวบอกเกี่ยวกับความคิดของตน ภาพฉายโลหะบนนนภาเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นผู้เยาว์คนหนึ่งในชุดคลุมสีดำ ชายหนุ่มผู้นี้ถือดาบเขี้ยวมังกรไว้บนบ่า -เขาคือเขี้ยวมังกร


มันเป็นเค้ารึ ?”


ใช่ ชายคนนี้มีชื่อพยางเดียวคือ ฝาง แต่นามแฝงของเขาคือเขี้ยวมังกร ข้าได้ให้ศิษย์ของข้าตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเขาแล้ว ในช่วงเริ่มต้นการแข่งขันรอบคัดเลือก เขาไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายนัก บางทีมันอาจจะยังไม่ถึงเวลาหรือเขาอาจจะเก็บออมกำลังไว้ และยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างคือเขาประสพโชคจากดินแดนศักดิ์สิทธิฝันเทวะของเจ้า ตัวอย่างเช่นเขาประสพกับแหล่งจิตวิญญาณหลักของตาแก่สามภพ ด้วยเหตุนี้เขาจึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก!”


แหล่งจิตวิญญาณหลักของตาแก่สามภพ !”


สีหน้าหญิงสาวเริ่มเปลี่ยนไป ศิษย์ตาแก่สามภพ นั้นไม่ใช่ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพหรอกรึ !


นี่เป็นทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดที่มีความพิเศษของราชันสวรรค์สามภพ เพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจมันไม่ใช่แค่มีทักษะอย่างเดียวมันยังต้องมีร่างกายที่พิเศษอีกด้วย .


ร่างกายนี้จะปรากฏเฉพาะในสายตระกูลเดียวเท่านั้น มันจะถูกส่งต่อผ่านรุ่นต่อรุ่นและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ดังนั้นการเข้าใจในทักษะศักดิ์สิทธิสามภพนี้จึงยากมาก อีกทั้งมันยังต้องมีคำแนะนำส่วนตัวจากราชันสวรรค์สามภพด้วย เพียงแค่หยกบันทึกทักษะมันยังไม่เพียงพอ.


จากจุดเริ่มต้นการทำความเข้าใจในทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดสามภพ หากผู้ใดไม่สามารถเปิดใช้ได้อย่างสมบูรณ์ เขาเหล่านั้นล้วนถูกระงับความแข็งแกร่งไว้ ทำให้พวกเขาจะดูคล้ายกับอัจฉริยะธรรมดาทั่วไปในรุ่นของพวกเขา แต่หากเปิดใช้ทักษะได้ พวกเขาย่อมแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับที่น่ากลัว !


ในพิภพเทวะนี้มันมีเพียงบางสิ่งที่ทำให้หน้าหญิงสาวชุดขาวเปลี่ยนไปได้ และทักษะศักดิ์สิทธิสามภพเป็นหนึ่งในนั้น !.


จากสิ่งที่ข้ารู้ เขี้ยวมังกรอายุโครงกระดูกอยู่ที่36ปี และระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขั้นเทพสมุทรช่วงปลายขั้นสุด การเปิดใช้ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพ.ในวัยเพียง36ปีมันช่างน่าประทับใจจริงๆ ข้าแน่ใจว่าเขาจะได้อันดับที่ดีในตราประทับสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เขาดูเหมือนจะเพิ่งเปิดใช้ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังของมันได้เต็มที่ ข้ากลัวว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะราชินีน้ำแข็งมายาและคนอื่นๆได้ .


เฮ้อ !”ราชันสวรรค์เอกอนันต์ถอนหายใจ เมื่อเปรียบทียบอายุขัยของตนที่ยืนยาวเหลือล้นกับฝางที่มีอายุไขกระดูกเพียงแค่36ปี มันเป็นเวลาเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น


ขณะที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กำลังกล่าว หญิงสาวชุดขาวยังคงสังเกตภาพชายหนุ่มอีกคนข้างฝางอยู่ ชายหนุ่มผู้นี้มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆอย่างไม่มีเหตุผล.


เขา คือ…”


อืม ผู้เยาว์คนนี้ก็มีความพิเศษเช่นกัน เขาเป็นคนที่ขึ้นมาจากพิภพเบื้องล่าง เขาน่าจะได้รับการสืบทอดมรดกจากราชันสวรรค์บรรพกาลที่เหลือทิ้งไว้ มันน่าจะเป็นเขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล!”


เขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล ? เขาเป็นผู้สืบทอดราชันสวรรค์บรรพกาลรึ ! หญิงสาวชุดขาวกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ สำหรับเธอชื่อราชันสวรรค์บรรพกาลเป็นนามที่มีความหมายมากเกินไป เธอ ราชันสวรรค์เอกอนันต์ และ ราชันสวรรค์บรรพกาล เป็นบุคคลในรุ่นเดียวกัน พวกเขาทั้ง3ได้ชื่อว่ามีศักยภาพสูงสุดไม่มีใครเทียบในยุคนั้น


ไม่ เขาได้เรียนรู้เพียงส่วนหนึ่งจากราชันสวรรค์บรรพกาล ข้าเดาว่าเขาคงสะดุดกับโชคและค้นพบมรดกที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังของราชันสวรรค์บรรพกาล อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะไม่ผ่านการทดสอบที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงไป ข้าไม่สามารถเรียกเขาได้ว่าผู้สืบทอด เขาเป็นเพียงคนที่โชคดีเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าฝางและศักยภาพของเขานั้นแย่กว่ามาก.”


ราชันสวรรค์เอกอนันต์คาดเดาจากเขตแดนแรกกำเนิดที่หลินหมิงเปิดเผยออกมาให้เห็น.


แต่เขายังคงคาดเดาได้ถูกต้องเช่นกัน หลินหมิงได้รับสืบทอดมาเพียงส่วนหนึ่งจริงๆ.


อันที่จริง เมื่อหลินหมิงก้าวเดินไปบนเส้นทางจักรพรรดิในอดีตที่ผ่านมา เขายังคงเป็นเพียงนักสู้ระดับล่าง ระดับบ่มเพาะของเขายังไม่ถึงขั้นทำลายชีวิตด้วยซ้ำ ศักยภาพของเขาด้อยกว่าตอนนี้มาก ในเวลานั้นหากหลินหมิงไม่ผ่านการทดสอบจากราชันสวรรค์บรรพกาลยังนับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล หลินหมิงนั้นมีศักยภาพมากกว่าหลายคนบนดินแดนศักดิ์สิทธิมาก.


ก่อนที่เจ้าหนุ่มนี้จะผ่านการทดสอบจากราชันสวรรค์บรรพกาลได้อย่างสมบูรณ์ เขายังไม่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของราชันสวรรค์บรรพกาล การทดสอบของราชันสวรรค์บรรพกาลมันจะง่ายดายได้อย่างไร?  เราคงต้องรอดูว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร.


คนที่เราควรกังวลควรจะเป็นฝาง ความแข็งแกร่งของเขาแย่กว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย แต่สำหรับเขาที่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดสามภพด้วยวัยเพียง36ปี นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าศักยภาพของเขามันน่ากลัวเพียงใด ในอนาคตยามเมื่อภัยพิบัติใกล้เข้ามา ฝางน่าจะเป็นหนึ่งในวีรบุรุษแห่งยุคได้อย่างแน่นอน สำหรับหลินหมิง หากเขาเติบโตได้ดีและประสพโชคมากกว่านี้ เขายังสามารถเป็นผู้ช่วยที่สำคัญได้.”


เมื่อถึงยุดภัยพิบัติน่าจะมีหลายคนที่เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญ ย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น ราชันสวรรค์เอกอนันต์ไม่ใช่วีรบุรุษเพียงคนเดียวเท่านั้น


วูบ !.


หญิงสาวชุดขาวยังคงเงียบไม่ได้ตอบสนองใดใดต่อคำกล่าวของราชันสวรรค์เอกอนันต์ ก่อนที่เธอจะทำเพียงโบกมือเบาๆ มิติว่างเปล่ารอบๆตัวเธอหายไปในพริบตาก่อนจะกลายมาเป็นภาพฉายแบบจำลองแท่นผนึกเทวะบนดาวคำสาปจันทรา !


เฮ เฮ เฮ !


ภาพที่เห็นมันคือทะเลผู้คนหลายพันล้านคนกำลังโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ พวกเขากำลังเพ่งมองไปที่เขี้ยวมังกรกับหลินหมิงที่กำลังปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะ


หญิงสาวชุดขาวลอยตัวอยู่เงียบๆบนนภา เธอยืนอยู่ข้างๆปริซึมฉายภาพของราชันสวรรค์เอกอนันต์ พวกเขาทั้งสองกำลังเฝ้ามองหลินหมิงและเขี้ยวมังกรที่กำลังปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะ พร้อมกับกำลังเพ่งพิจารณาไปในเวลาเดียวกัน หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามุมมองของทั้งสองนั้นอยู่ใกล้หลินหมิงกับเขี้ยวมังกรมาก.


ราชันสวรรค์เอกอนันต์ยิ้มแผ่วเบาก่อนจะกล่าวความสามารถของเจ้าช่างมีประโยชน์ เจ้าสามารถสร้างภาพฉายจากทักษะฝันเทวะให้กลายมาเป็นจริงใหม่ได้แทบจะในทันที ดี ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาดูผู้สืบทอดของตาแก่สามภพกัน! ข้าอยากรู้ว่าเขาจะปีนขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน ?



                                                                                             BY NSN

 

 

 

 

Facebook