Chapter 1254 – พลังเทวะ
“เจ้าเด็กนี่ มันกำลังเล่นอะไรของมันอีกในเวลานี้” ฮั่วเล่ยสือ เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
หากพลังงานโกลาหลมันเพิ่มมากขึ้นกว่านี้
ชีวิตของหลินหมิงยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกมิใช่รึ?.
เสี่ยวเต๋าจื่อเองยังคงกังวลเช่นกัน
เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยหลินหมิงดีหรือไม่ ?.
เดิมทีเขาวางแผนที่จะยุติการเข้าร่วมของหลินหมิง
เพื่อป้องกันการบาดเจ็บสาหัสจากพลังงานจาก กฎ โกลาหล
อย่างไรก็ตามหลังจากเขาสังเกตหลินหมิงอย่างใกล้ชิด
เขาพบว่าหลินหมิงยังไม่ได้หมดสติ จิตสำนึกเขาอยู่ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น
มันดูคล้ายกับเขากับตระหนักรู้อย่างฉับพลัน !.
เมื่อค้นพบเรื่องดังกล่าว
เสี่ยวเต๋าจื่อยิ่งลังเลมากขึ้นไปอีก.
เจ้าเด็กนี้ กับตระหนักรู้ในสถานการณ์เช่นนี้รึ
?
การตระหนักรู้ฉับพลันสามารถพบได้โดยความบังเอิญเท่านั้น
แน่นอนว่าเสี่ยวเต๋าจือไม่อาจทำลายช่วงเวลาดังกล่าวนี้โดยธรรมชาติ
แต่สภาพของหลินหมิงในยามนี้หากไม่ช่วยเขาอาจจะกลายเป็นศพแทนก็ได้.
มันไม่ใช่เพียงเสี่ยวเต๋าจือเท่านั้นที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินหมิง ราชันสวรรค์ฝันเทวะกับราชันสวรรค์เอกอนันต์
ยังสังเกตุเห็นเช่นกัน.
“ในยามนี้
เขากับรับรู้ถึง กฎ ? มันดูเหมือนเขาค้นพบ เศษเสี้ยว กฎ ที่อยู่ในแท่นผนึกเทวะ ?”
ราชันสวรรค์เอกอนันต์รู้สึกประหลาดใจ
กฎ ของแท่นผนึกเทวะ มันคือเศษเสี้ยวกฎ มันคงอยู่ใน33ชั้นของแท่นผนึกเทวะ กฎนี้มันถูกทิ้งไว้บนแท่นผนึกเทวะโบราณจากส่วนลึกของจักรวาลอันไกลโพ้น
ราชันสวรรค์สวรรค์บังเอิญโชคดีได้พบชิ้นส่วนจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะโบราณ
หลังจากใช้เวลายาวนานทำความเข้าใจ
ในที่สุดราชันสวรรค์เอกอนันต์จึงสร้างของเลียนแบบขึ้นมาได้สำเร็จ.
“เขาตระหนักถึง กฎ จากแท่นผนึกเทวะจริงๆ ข้าคงประเมินเขาต่ำไป
แต่มันยังคงน่าเสียดายที่ขอบเขตบ่มเพาะเขาต่ำไป แม้ว่าเขาจะตระหนักรู้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจมันได้
แม้แต่เขี้ยวมังกรและลูกศิษย์ทั้งสามของข้าที่ได้ชื่อว่ามองผ่านกฎได้ทั้งหมดยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้
.”
กฎ จากแท่นผนึกเทวะนั้นเทียบได้กับ
กฎจากสวรรค์33ชั้นหรือก็คือ กฎ โกลาหล นั้นยากต่อความเข้าใจมาก อีกทั้งในปัจจุบัน
นับตั้งแต่สวรรค์ทั้ง33ชั้นเปลี่ยนไป กฎ โกลาหลได้ถูกตัดออกไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อเวลา3.6พันล้านปีก่อน !.
ถึงแม้ว่าราชันสวรรค์เอกอนันต์จะเป็นผู้สร้างแท่นผนึกเทวะเลียนแบบขึ้นมา
แต่เขาเองยังคงไม่ได้เข้าใจใน กฎ โกลาหลมากนัก
เขายังไม่สามารถเทียบกับชายชราชุดเทาที่แอบดูการต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะเลียนแบบได้
ชายชราผู้นี้คือจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะ !.
จิตวิญญาณแท่นผนึกเทวะ
ถูกหลอมสร้างโดยราชันสวรรค์เอกอนันต์
โดยใช้เศษชิ้นส่วนวิญญาณจากแท่นผนึกเทวะโบราณผสานรวมเข้ากับจิตวิญญาณสัตว์เทวะและความเข้าใจในกฎ
โกลาหลของราชันสวรรค์เอกอนันต์
สิ่งนี้นับเป็นความภูมิใจที่สุดของราชันสวรรค์เอกอนันต์ อย่างไรก็ตามในเรื่องความเข้าใจในกฎ
เขายังต้องทำความเข้าใจวนไปวนมาราวกับเป็นวัฏจักร
และอาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีลูกบาศ์ศักดิ์สิทธิเหมือนหลินหมิง
เขาจึงไม่สามารถซึมซับและทำความเข้าใจมันได้โดยตรงเช่นหลินหมิง .
“อืม..ดูๆแล้วมันช่างเสมือนลูกแมวไม่กลัวเสือ
เจ้าเด็กนี่มันตระหนักได้ถึง กฎ โกลาหลที่แทรกซึมอยู่ในแท่นผนึกเทวะได้
นี่นับเป็นความสำเร็จอย่างมาก ร่างกายของเจ้าเด็กนี่ต้องมีอะไรพิเศษบางอย่าง.”
ขณะที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กำลังกล่าว
หญิงสาวชุดขาวด้านข้างยังคงจ้องมองไปที่หลินหมิงด้วยดวงตาสดใส
ลักษณะท่าทางของเธอราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่ .
“ฝันเทวะ
เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ?”
หญิงชุดขาวยิ้มบางๆก่อนจะกล่าวว่า
“ที่ข้ารู้สึกแปลกๆ
มันเป็นเพราะร่างกายเจ้าหนุ่มนี่มีกลิ่นอาย กฎ มายาเทวะอยู่…”
“กฎ
มายาเทวะ มันจะเป็นไปได้รึ ? นี่มันกฎของเจ้าไม่ใช่รึ
โอ้..จริงสิ เจ้าหนุ่มนี่ได้เข้าไปในดินแดนมายาเทวะของเจ้ามาก่อน
บางที่เขาอาจจะได้ดูดซับจิตวิญญาณพื้นฐานมาจากที่นั้น
ดังนั้นมันจึงมีกลิ่นอายเบาบางบนร่างกายของเขา .”
ราชันสวรรค์คาดเดาความเป็นไปได้ถึงเรื่องดังกล่าว
ในขณะที่หญิงสาวชุดขาวยังคงเงียบ เธอรู้สึกว่ากลิ่นอายจาก กฎ
มายาเทวะบนร่างกายหลินหมิงมันไม่เรียบง่ายเช่นนั้น.
ณ เวลานี้พลังงานจากกฎ
โกลาหลสองสายเริ่มส่งผลกระทบกับหลินหมิง.
ไหล่ของหลินหมิงเกือบหัก
ในขณะที่โลหิตเริ่มไหลรินเต็มไหล่.
ในเวลาไม่นานแขนขวาเริ่มได้ผลกระทบทั้งท่อนแขนเต็มไปด้วยโลหิต.
ในสถานการณ์เช่นนี้
เมื่อแขนและไหล่บาดเจ็บ มันเกือบจะเหมือนกับการยุติการต่อสู้แล้ว ต้องทราบว่านักสู้จำเป็นต้องใช้แขนและขาที่สมบูรณ์เพื่อที่จะต้านทานแรงกดดันมหาศาลจากกลิ่นอายของราชันสวรรค์ที่หลั่งไหลลงมาจากด้านบนแท่นผนึกเทวะ
“มันจบแล้ว! ข้าไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไรอยู่
แต่แขนขวาของเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปต่อ”
“ข้ากลัวว่าเขา
น่าจะหมดสติไปแล้ว !”
ณ
เวลานี้หลินหมิงไม่ได้รู้สึกหรือได้ยินเสียงตะโกนใดใดเลย
เขายังจมอยู่ในห้วงการตระหนักรู้อย่างฉับพลัน.
ตลอดเวลาที่หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นชั้น32ของแท่นผนึกเทวะ
เขาได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านการโจมตีและลดแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะมาตลอด.
ด้วยพลังลมปราณแท้ที่หนาแน่น
การฝึกฝนขัดเกลาที่ผ่านมา รวมถึงรากฐานที่มั่นคงและความเข้าใจในกฎ
การทนต่อพลังงานจาก กฎ โกลาหลนี้และปีนขึ้นไปชั้น32ยังไม่นับเป็นปัญหาสำหรับหลินหมิง
แต่การกระทำเช่นนั้นมันคือขีดจำกัดของหลินหมิง.
เมื่อหลินหมิงคิดเกี่ยวกับมัน
เขาค้นพบว่าการใช้เกราะลมปราณแท้ป้องกันมันเป็นวิธีการที่ผิดโดยสินเชิง !
สิ่งนี้เปรียบเสมือนยามเมื่อมนุษย์ต้องการปรับเปลี่ยนแม่น้ำเพื่อหยุดน้ำท่วม
ถ้าพวกเขาเพียงควบคุมแต่แม่น้ำเท่านั้น ในไม่ช้าสิ่งที่กักกันย่อมแตกออกเป็นเสี่ยงๆจากกระแสน้ำที่รุ่นแรงตามธรรมชาติ
มีเพียงยกเลิกสิ่งกีดขวาง
ขยายพื้นที่และสร้างอ่างเก็บน้ำเท่านั้นจึงสามารถควบคุมสายน้ำได้.
หลินหมิงเองในยามนี้
ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน เขาไม่ได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านพลังงานจาก
กฎ โกลาหล แต่กับใช้ร่างกายรองรับแทน และนั้นเป็นการสัมผัสถึงพลังงานจากกฎ
โดยตรงและยังทำให้หลินหมิงสามารถส่งพลังงานจาก กฎ
โกลาหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขาได้ในเวลาเดียวกัน
แน่นอนว่าเขาย่อมสามารถตระหนักรู้ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งพลังงานดังกล่าวได้อีกด้วย
แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นกัน
การกระทำเยี่ยงนี้มันอาจจะทำให้เส้นลมปราณของเขาถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ! .
อย่างไรก็ตามหากหลินหมิงสามารถปรับแต่งพลังงานจากกฎ
โกลาหลได้ เขาย่อมสามารถควบคุมมันได้ในระดับหนึ่งและทำให้มันกลายเป็นของตัวเอง
หากเขาทำได้สำเร็จ เขาไม่เพียงแต่สามารถปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะเท่านั้น
แต่เขายังคงได้เปรียบอย่างมากอีกด้วย !
กฎ
โกลาหลจากสวรรค์33ชั้นนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก หากนักสู้ทั่วไปต้องการศึกษามัน
นั้นเปรียบได้กับการกระทำของคนโง่เขลา.
แต่มันไม่ใช่กับหลินหมิง
เขานั้นข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาแล้ว สำหรับหลินหมิงมันมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ
!
ขณะที่ทุกคนกำลังกล่าวสนทนากัน
พลังงานจาก กฎ โกลาหลอีกระลอกซึ่งดูเหมือนมันจะมากกว่าเดิม
กำลังพุ่งตรงเข้าหาศีรษะของหลินหมิง !
หากพลังงานจาก กฎ โกลาหลลูกนี้กดทับหลินหมิง
เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ !
กระนั้นหลินหมิงยังคงหยุดนิ่งอยู่เช่นเดิม
มันราวกับว่าเขานั้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใดใดรอบข้างเลย !
เสี่ยวเต๋าจือ
สายตาหดแคบลง ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว “อย่าขยับ!” เสียงหนึ่งดังก้องในจิตใจเขา
เสี่ยวเต๋าจือหยุดนิ่งในทันที
เสียงนี้เป็นเสียงของชายชราชุดเทา เขาคือจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ
ที่กำลังจัดการทุกอย่างบนแท่นผนึกเทวะอย่างลับๆ
ชายชราชุดเทาผู้นี้เป็นบุคคลที่แม้แต่ราชันสวรรค์เอกอนันต์ยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพดุจเดียวกับบุคคลในระดับเดียวกัน
และ ยังเรียกชายชราชุดเทาผู้นี้ว่า ผู้เฒ่าตราประทับ
นี้ย่อมไม่ต้องกล่าวถึงเสี่ยวเต๋าจือว่าจะต้องเคารพเขาขนาดไหน
ดังนั้นในยามนี้
เสี่ยวเต๋าจือทำได้เพียงหยุดนิ่ง และมองดูพลังงานจาก กฎ โกลาหล
กำลังพุ่งชนหน้าผากหลินหมิง!
ปัง!
โลหิตสีแดงสาดกระเซ็น
หน้าผากหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต !
“พี่หลิน
!”
ฉินชิงเสวียน
ร้องออกมาเมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของหลินหมิง
นิ้วและเสียงของเธอสั่นด้วยความหวาดกลัว
.
“ทำไม
พวกเขายังไม่ยุติการประลอง ?”
“ผู้อาวุโสเสี่ยวเต๋าจือกำลังทำอะไร
?
ถ้าเขาไม่ยุติการประลอง ศิษย์พี่หลินจะต้องตายแน่ !”
“ท่านอาจารย์ ! ท่านต้องช่วยศิษย์พี่หลินหมิงนะ !”
หญิงสาวหลายคนจากเผ่าฟินิกซ์โบราณ
เริ่มอ้อนวอนอาจารย์ของตน.
เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ
ต่างตกตะลึงและตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน นี่ไม่นับว่าแปลกแต่อย่างใด
การที่จะมีอัจฉริยะผู้ไร้เปรียบปรากฎขึ้นในเผ่า
นับเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับเผ่าฟินิกซ์โบราณ
แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอัจฉริยะผู้นั้นล่ะ ?
นี่มันไม่ใช่เพียงแค่ทำลายเส้นทางชีวิตของพวกเขาเท่านั้น ?
“พวกเจ้าทั้งหมด หุบปาก !”
ฮัวเล่ยสือถ่ายเทลมปราณแท้ลงในเสียงก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น
หยุดความวุ่นวายของเหล่าสาวกทั้งหมดบริเวณรอบๆ
.
ถึงแม้เขาเองยังคงตื่นตระหนกเช่นกัน
แต่เขายังรู้สึกว่า เสี่ยวเต๋าจือไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่าง.
“พวกเจ้าคิดว่ามองสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่าท่านเสี่ยวเต๋าจือ
รึ?
หุบปากแล้วนั่งลงซะ !”
หลังจากฮัวเล่ยสือตวาด
เหล่าสาวกเผ่าฟินิกซ์โบราณทั้งหมด เงียบสนิทในทันทีก่อนที่จะนั่งลง.
ดวงตาฉินเชิงเสวียนเปียกไปด้วยน้ำตา
ในขณะที่เธอจับมือมู่เฉียนหยู่ไว้แน่น.
ใกล้ๆกันนางฟ้าเฟิง
กำหมัดแน่นในขณะที่มองไปทางหลินหมิงอย่างใจจดใจจ่อ
ในขณะเดียวกัน พลังงานจาก
กฎ โกลาหลยังคงพุ่งเข้าหาหลินหมิง
ถึงกระนั้นร่างกายของหลินหมิงยังคงต้านทานพลังงานจาก กฎ โกลาหลอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน.
ณ
ยามนี้ร่างกายของหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต มันราวกับมีใครเทถังน้ำสีแดงราดบนตัวเขา
ไม่ต้องกล่าวถึง ฉินเชิงเสียน มู่เฉียนหยู่ นางฟ้าเฟิง หรือ
เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ แม้แต่เหล่าผู้ชมและผู้เข้าร่วมทังหลาย
ต่างเพ่งมองไปที่ร่างของหลินหมิงด้วยความหวาดกลัว
“หลินหมิงกำลังทำอะไร
?”
“ใช่
ทำไมเขายังไม่ยอมลงมาอีก เขาไม่ควรเอาชีวิตมาล้อเล่นเช่นนี้ !”
“บาดแผลเขาสาหัสเกินเกินไป
เขาจะตายในไม่ช้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป !”
เหล่าศิษย์บางคนกังวลเกี่ยวกับหลินหมิง
ในขณะที่บางคนแสดงออกได้ถึงความสุขเมื่อเห็นหลินหมิงในสภาพนี้.
นี่นับเป็นเรื่องปกติเสมอมาของมนุษย์
ในหมู่พวกเขาย่อมมีหลายคนที่หวังให้คนที่แข็งแกร่งกว่าตนตายไปซะ
โดยเฉพาะกับเหล่าศิษย์จากดินแดนนภาทมิฬที่ถูกทำให้อับอาย
พวกเขาล้วนอยากจะเห็นหลินหมิงทุกข์ทรมานมากกว่านี้.
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า เจ้าโง่หลินหมิง ข้าคิดว่าเขาคงจะตายที่นี่ในไม่ช้า !.”
“ข้ามองไม่เห็นว่าสิ่งใดกำลังโจมตีหลินหมิง
แต่หลินหมิงกับต้านทานด้วยร่างกาย มันช่างโง่เขลายิ่งนัก ฮึ ฮึ ฮึ
แต่มันเป็นเรื่องดีเช่นกัน ตีมัน ตีมันให้หนักกว่านี้ !”
ความเป็นจริงบ่งบอกว่า
เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานจาก กฎ โกลาหล
พวกเขาเพียงแค่เห็นร่างกายของหลินหมิงถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง
มันอาจจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่พวกเขายังรู้สึกยินดีบนความทุกข์ของหลินหมิง
ถึงกระนั้นพวกเขาเองยังไม่กล้าที่จะตะโกนเสียงดัง
ทำได้เพียงคุยกันเบาๆในกลุ่มของตนเท่านั้น เสียงของพวกเขาจมหายไปท่ามกลางเสียงตะโกนจากผู้ชมรอบๆนับพันล้าน.
เวลานี้
โยวซูจินก้าวออกจากแท่นผนึกเทวะแล้ว ถึงกระนั้น โยวซูจินยังคงเพ่งมองไปที่หลินหมิง
เช่นเดียวกับผู้อื่น ในขณะที่มองไปที่บาดแผลของหลินหลิง
นัยน์ตาเย็นเยียบไปด้วยความอันตราย ก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า “ แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังพยายามทำลายหลินหมิงอยู่ในตอนนี้
และ ไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไร แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาค่อนข้างอันตรายมาก
ถึงกระนั้นทำไมเสี่ยวเต๋าจือยังไม่เคลื่อนไหว ? แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ
นั้นมันคงเป็นอะไรที่สบายมากเกินไป ....”
นัยน์ตาสีแดงเข้มของโยวซูจินเรืองแสงประกายด้วยความอำมหิต
ในขณะที่พลังงานจาก กฎ โกลาหลเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นด้านหลังหลินหมิง การไหลของพลังงานกลุ่มนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายเท่า
อีกทั้งทิศทางของพลังงานนี้กับพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินหมิง !
เหนือแท่นผนึกเทวะ
เสี่ยวเต๋าจือเพ่งความสนใจไปที่หลินหมิงมากขึ้น
สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับหลินหมิงอย่างสมบูรณ์ เขาพร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกเวลา.
แต่ในคราวนี้กับเกิดเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้น
!!
เมื่อกลุ่มก้อนพลังงานจากกฎโกลาหลพุ่งเข้าหาหลินหมิง
มันกับถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กลุ่มก้อนพลังงานกว่า90% เปลี่ยนทิศทางไปด้านข้าง ส่วนกลุ่มก้อนพลังงานที่เหลือ10% กับพุ่งเข้าหาศีรษะของหลินหมิงก่อนจะจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย !
“อะไร!?”
เสี่ยวเต๋าจือตกะลึง
ภาพที่เห็นมันดูราวกับหลินหมิงกำลังดูดซับพลังงานจากกฎโกลาหล !
ในกลุ่มผู้ชมทั้งหมดไม่มีแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ เสี่ยวเต๋าจือ ราชันสวรรค์เอกอนันต์
หญิงสาวชุดขาว ที่เฝ้ามองจากพระราชวังสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ! .
พลังงานจาก กฎ
โกลาหลที่หลินหมิงดูดซับไป มีชื่ออีกหนึ่งเป็นนามเฉพาะ คือ พลังเทวะ !
BY NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น