Chapter 1245 – ร่างกายผันแปร
มากกว่า20ตัวตนระดับสูงในโลกนักสู้ที่แท้จริงต่างรวมตัวกันที่นี่
ผ่านกระจกคริสตัลขนาดมโหฬารจำนวน30อัน
พวกเขาทั้งหมดสามารถมองเห็นการต่อสู้ของเหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะจากลานต่อสู้ทั้ง30แห่ง.
ลานประลองทั้ง30แห่งล้วนใช้วิธีการจัดการประลองแตกต่างกัน
และ 1ใน30ลานประลองได้เสร็จสิ้นการประลองแล้ว
มันมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น300คนที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
“โจวชอน ยู ทัง ดา หลง และ โย ดง! คนทั้ง4นี้นับเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากอย่างแท้จริง
การประลองในการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรราชันสวรรค์ช่างเต็มไปด้วยเหล่าผู้มีพรสวรรค์
”
ตัวตนระดับสูงจากพิภพเอกไพศาลตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ก่อนจะมีเสียงกล่าว “พวกเขาเหล่านี้ประสบความสำเร็จในรอบก่อนรองชนะเลิศจากพิภพของพวกเขา
พวกเขายังมีแนวโน้มจะติด20อันดับแรกในรอบรองชนะเลิศ” !
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
พวกเขายังเทียบไม่ได้กับเหล่าบุตรหลานราชั้นสวรรค์ “
ราชาพิภพเอกไพศาลหัวเราะ โยว่ซูจินนั้นเป็นศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิพิภพเอกไพศาลของเขา.
“พวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร
โดยเฉพาะหลายคนมีความแข็งแกร่งพอพอกับเหล่าบุตรหลานของราชันสวรรค์
หรือไม่ก็อ่อนแอกว่าเล็กน้อย
อีกทั้งดูเหมือนความแข็งแกร่งของพวกเขาที่อ่อนด้อยกว่า มันน่าจะมาจาก ทรัพยากร
มรดกตกทอดและพรสวรรค์” ราชาพิภพเอกไพศาลกล่าว
นี่นับเป็นการประเมินที่สูงแล้ว บรรดาเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์
ทรัพยากรที่พวกเขาได้รับนั้นมากมายแทบจะมหาศาลเลยด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น
โอสถโลกไพศาล
พวกเขาจะใช้โอสถตัวนี้ในระดับผันแปรศักดิ์สิทธิซึ่งมันอาจะทำให้ตัวตนระดับผู้ปกครองศักดิ์สิทธิต้องปวดใจ
แต่สำหรับพวกขามันเป็นเพียงโอสถทั่วไป .
“ในคราวนี้
ข้าจะขออนุญาตท่านราชันสวรรค์เอกอนันต์
เพิ่มจำนวนคนที่จะได้เข้าไปในพระราชวังสวรรค์พิภพเอกอนันต์ ไม่ว่าจะเป็น โจวชอน
หรือโย ดง พวกเขาควรจะได้รับโอกาสนี้.”
ขณะราชันพิภพเอกไพศาลกล่าวประโยคนี้ออกมา
บรรดาตัวตนระดับสูงจากพิภพเออนันต์ เผยรอยยิ้มเต็มใบหน้าทันที
พวกเขาย่อมยินดีเป็นอย่างยิ่ง การเพิ่มคนเข้าไปในพระราชวังสวรรค์ของพิภพเอกอนันต์
มันย่อมหมายถึงทรัพยากรจำนวนมากมายมหาศาล ถึงแม้ว่าพิภพเอกอนันต์จะมีทรัพยากรจำนวนมหาศาลสะสมไว้
แต่มันก็ไม่สามารถสิ้นเปลืองไปโดยง่ายเช่นกัน.
ต้องทราบก่อนว่าทรัพยากรจากพระราชวังสวรรค์พิภพเอกอนันต์
เป็นสิ่งที่พิภพราชันใดใดไม่สามารถเทียบได้ นี่นับเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการเติบโตของเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์
ดังนั้นพวกเขาจึงหวังให้บุตร หลาน ศิษย์ของตนเข้าบ่มเพาะที่พระราชวังสวรรค์พิภพเอกอนันต์
ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม
“อืม ใช่.!
แล้วตอนนี้ โย่วซูจินจากดินแดนศักดิ์สิทธิปีศาจทมิฬของท่าน เป็นเช่นไรบ้าง?”
ราชันเอกไพศาลกล่าวกับเทียนหมิงจือ.
“การแข่งขันยังไม่จบ มันมีม้ามืดเพิ่มขึ้นมาหลายคน
ความแข็งแกร่งและศักยภาพของพวกเขาค่อนข้างดี
“โอ้..?”
ราชันเอกไพศาลอุทานเล็กน้อย
เขานั้นค่อนข้างสนใจในคำกล่าวของเทียนหมิงจือ พรสวรรค์ของเทียนหมิงจือนั้นสูงมาก
เขานั้นแข็งแกร่งกว่าราชันเอกไพศาลเล็กน้อย
บุคคลระดับนี้ยังกล่าว “ค่อนข้างดี”แสดงว่าผู้เข้าร่วมกลุ่มนี้ย่อมเป็นผู้โดดเด่นอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่ราชันพิภพเอกไพศาลเหล่าราชันพิภพอื่นๆต่างจับจ้องไปที่ลานประลองดวงดาวคำสาปจันทราเช่นกัน
การประลองที่ดวงดาวคำสาปจันทรานับได้ว่าค่อนข้างช้าหากเทียบกับลานประลองอื่นๆ
แต่มันก็ใกล้จะถึงจุดสุดท้ายแล้วเช่นกัน
“โอ้!
มันมีผู้เข้าร่วมมากถึง10คนที่สามารถขึ้นไปชั้นที่30ได้
บางที่อาจจะมีใครบางคนสามารถขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้ แต่ชั้น32มันก็อาจจะยากเกินไป?.”
ราชันเอกไพศาลกล่าวด้วยความพึงพอใจ
ในฐานะคนจากดอนแดนราชันสวรรค์อันยิ่งใหญ่
เขารู้ดีว่าการปีนแท่นผนึกเทวะนั้นมันยากขนาดไหน เดิมที่เขาประเมินว่าน่าจะมีผู้เข้าร่วมซัก4-5คนเท่านั้นที่สามารถขึ้นมาถึงชั้นที่30ได้ก้นับว่าดีมากแล้ว.
“เทียนหมิงจือ ผู้ใดเป็นม้ามืดรึ ?”
“มีอยู่2คน ผู้เข้าร่วมชุดดำถือหอกชื่อหลินหมิงกับชายผิวขาวซีดถือดาบชื่อเขี้ยวมังกร.”
ปัง! เตร้ง ! เคร้ง !
ในขณะที่เทียนหมิงจือกำลังกล่าว
หลินหมิงกับเขี้ยวมังกรกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด
ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาคือเหล่าผู้เข้าร่วมใน300อันดับแรกจากโลกนักสู้ที่แท้จริง
หรืออาจจะเป็นบางคนจากอันดับล่างที่ปิดงำฝัมือที่แท้จริงไว้ในรอบแรก .
ก่อนหน้านี้ในชั้นที่29มันมีเพียงผู้เข้าร่วมเพียง15คน
และมีเพียง10คนเท่านั้นที่สามารถปีนขึ้นไปยังชั้นที่30ได้
1ในสามของพวกเขาถูกกำจัดออก
การต่อสู้ในรอบนี้มันรุนแรงราวกับเปลวไฟโหมกระหน่ำ !
บนชั้นที่30
แรงกดดันจากราชันสวรรค์มันทั้งรุนแรงและหนักหน่วงยิ่งนัก หากเป็นผู้เข้าร่วมธรรมดา
พวกเขาไม่อาจแม้แต่จะกระดิกตัว นับประสาอะไรกับการต่อสู้
เนื่องจากแรงกดดันดังกล่าวพวกเขาไม่สามารถใช้ความสามารถและความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้เกิน10
เปอร์เซ็นต์ !
แต่มันดูเหมือนแรงกดดันดังกล่าวจะไม่สามารถใช้ได้กับอัจฉริยะทั้ง10คนบนชั้นที่30 ! เมื่อความแข็งแกร่งและศักยภาพของพวกเขาถูกปลดปล่อยออกมา
มันช่างส่องประกายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าและรุ่นแรงจนสะเทือนไปถึงสวรรค์ !
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ภายในพิภพทั้ง3000ใบจากโลกนักสู้ที่แท้จริง มันมีผู้คนกว่า4พันล้านชีวิต
มันย่อมมีอัจฉริยมากมายเหลือคนานับเช่นกัน อย่างไรก็ตาม โยว่ซูจิน
นั้นมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างแท้จริง เขานั้นมีความสามารถแทบจะไร้ขีดจำกัด
ข้าเชื่อว่าเขานั้นสามารถปีนขึ้นไปชั้น32ได้แน่ ในบรรดาผู้เขาร่วมคนอื่นๆ
น่าจะมีซัก3-4คนขึ้นไปชั้นที่31ได้ แค่นี้มันก็ท้าทายสวรรค์มากพอแล้ว!?”
ราชันพิภพกล่าวชมออกมา
ในขณะที่เทียนหมิงจือเพียงยิ้มและไม่กล่าวใดใด
ณ เวลานี้ บนลานผนึกเทวะการต่อสู้อันดุเดือดได้ยุติลงแล้ว
ยามนี้มันปรากฏคนห้าคน มันคือ....หลินหมิง เขี้ยวมังกร โยว่ซูจิน
ยอดนักดาบประกายโลหิต และนักดาบม่วง
ทั้งห้าคนคือผู้ชนะ !
ถึงแม้พวกเขาทั้ง5จะเป็นผู้ชนะ แต่มันยังเหลืออีก3ชั้นสูงสุด
!
หากยังมีการคัดออกในอัตราเดิมก่อนหน้านี้
มันคงไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปชั้น33ได้ บางทีแม้แต่ชั้น32ยังยาก !.
“คำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจือนับว่าเป็นความจริง
มันไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้น33ได้”
“ใช่
ไม่มีใครปีนขึ้นไปชั้นสูงสุดได้ ไม่เว้นแม้แต่โย่วซจิน.”
ณ เวลานี้ เหล่าผู้เฝ้ามองการต่อสู้
กำลังส่งเสียงผ่านลมปราณเสียงวิพากษ์วิจารณาถึงการต่อสู้ในอรอบก่อนรองชนะเลิศอย่างออกรส
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ ผู้คนหลายพันล้านคนบนอัศจรรย์
ต่างเงียบและใจจดใจจ่อ รอดูการต่อสู้รอบสุดท้ายจากชั้นที่31อย่างอดทน ครั้งต่อไปการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
ย่อมเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างแน่นอน !
วิ้วว...วิ้วว..
ในขณะเดียวกัน บนแท่นผนึกเทวะ
โย่วซูจินลืมตาขึ้นมาในทันที พร้อมกับสายลมดวงดาวพัดผ่านแท่นผนึกเทวะ
“หากผู้เข้าร่วมบนชั้นที่31เป็นเลขคี่
ผู้เข้าร่วมที่มีผลงานดีที่สุดในช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่น โย่วซูจิน
อาจจะไม่ต้องต่อสู้และปีนขึ้น32ได้เลย ส่วนที่เหลือจำเป็นต้องต่อสู้กัน
ผู้ชนะจึงสามารถปีนขึ้น32ได้!”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
ตกเลขคี่โย่วซูจินไม่จำเป็นต้องต่อสู้ก็ได้?”
“นี่มันถือว่าได้เปรียบเกินไปกระมัง
กว่าจะปีนขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้ มันต้องใช้เรี่ยวแรงและกำลังมากขนาดไหน
ต่อให้ใช้กำลังไปเพียงเล็กน้อยตอนเริ่มต้น ณ
ตอนนี้คงไม่มีใครเก็บงำความแข็งแกร่งไว้อีกกระมัง มันคงต้องใช้ความแข็งแกร่งออกไปอย่างมากเป้นแน่แท้
และตอนนี้ผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้ย่อมได้รับประโยชน์มากกว่าผู้อื่นอย่างชัดเจน!”
“ใช่
พวกเขาทั้ง5นับเป็นสุดยอดอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
พวกเขามีแนวโน้มที่จะปีนขึ้นไปชั้น31ทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้น
โย่วซูจินย่อมหลีกเลี่ยงการต่อสู้และปีนต่อไปชั้น32ได้ !”
เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ
ดินแดนศักดิ์สิทธิแห่งใหม่อันเป็นที่มาของยอดนักดาบประกายโลหิต
และเหล่าศิษย์นิกายดาบม่วง พวกเขาต่างคิดว่าสิ่งนี้มันช่างไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง.
แตกต่างกับเหล่าศิษย์จากพิภพรุ่งอรุณปีศาจ
พวกเขาตางไชโยโห่ร้อง !
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยมเลย
ศิษย์พี่ซูจิน สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ สิ่งนี้ศิษย์พี่สมควรได้รับ
ผลงานที่ผ่านมาของเขานั้นดีที่สุด .”
“ศิษย์พี่ซูจินอาจจะปีนขึ้นไปถึงชั้น31และชั้น32ด้วยก็เป็นได้!”
“หึ! ถึงแม้ศิษย์พี่ซูจินจะไม่หลบเลี่ยง
เขายังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย!”
บนแท่นผนึกเทวะ
โย่วซูจินยังคงสงบนิ่งก่อนที่เขากำหมัดแน่นก่อนจะกล่าว “ดี กฎเหล่านี้เป็นประโยชน์สำหรับข้า “
ถึงแม้ว่าโย่วซูจิน
จะมีความมั่นใจและภาคภูมิในตัวเองมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแท่นผนึกเทวะ เขาเองยังต้องใช้ความพยายามมากเช่นกัน
ดังนั้นหากไม่ต้องต่อสู้และเก็บความแข็งแกร่งไว้ได้มันย่อมได้รับประโยชน์มหาศาล.
“ถ้าข้าหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้
ผลลัพธ์ที่ข้าจะได้รับย่อมดียิ่งขึ้น
โอกาสที่ข้าจะดีงดูดความสนใจจากราชันสวรรค์รุ่งอรุณปีศาจย่อมมีมากขึ้นเช่นกัน !”
โย่วซูจินเต็มไปด้วยความมั่นใจ !
“เริ่มปีนได้!” เสี่ยวเต๋าจือกล่าวก่อนที่จะหลับตานั่งสมาธิต่อ
ผู้เข้าร่วมทั้ง5คน เอาชนะ
ผู้เข้าร่วมนับ100คนเริ่มปีนขึ้นในทันที
ในขณะที่หลินหมิงแตะผิวกำแพงหิน
แรงกดดันอันหนักหน่วงยิ่งกว่าที่ผ่านมากดทับเขาในทันที .
“อืม
...ช่างเป็นแรงกดดันอันน่าเกรงขามนัก… นอกจากนี้มันไม่ใช่กดดันเฉพาะร่างกาย
แต่มันกดทับกระทั่งแก่นแท้และจิตวิญญาณอีกด้วย ”
หลินหมิงรู้สึกได้ในทันทีเมื่อเริ่มปีนขึ้นแท่นผนึกเทวะชั้น31 แรงกดดันอันบ้าคลั่งโถมทับทั่วร่างในทันที
อีกทั้งมันยังโจมตีไปที่จิตวิญญาณและแก่นแท้ของเขาอีกด้วย!
“แรงกดดันวิญญาณระดับนี้สำหรับข้ายังไม่นับว่าเป็นอันใดได้
แต่สำหรับผู้อื่นนับว่าเป็นการทดสอบที่ดี .”
หลังจากหลินหมิงบ่มเพาะจิตวิญญาณในดินแดนศักดิ์สิทธิมายา
พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งมากกว่าผู้อื่นในระดับเดียวกันไปมาก
ดังนั้นแรงกดดันวิญญาณบนแท่นผนึกเทวะชั้น31นี้ เขาจึงไม่ได้รับแรงกดดันอะไรมากนัก.
ด้วยการก้าวขึ้นหน้า หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นกำแพงที่สูงตระหง่านเบื้องหน้าอย่างมั่นคง
.
ยิ่งเข้าใกล้ชั้น33มากเท่าไหร่
หลินหมิงยิ่งสัมผัส กฎ บนแท่นผนึกเทวะได้ชัดเจนมากขึ้น
สำหรับผู้เข้าร่วมคนอื่น
มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะปีนขึ้นไปอย่างสงบเช่นหลินหมิง .
ขณะที่พวกเขาปีนขึ้นไป มันไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันที่โถมทับร่างกาย
แก่นแท้และจิตวิญญาณเท่านั้น มันยังมีภาพมายาโจมตีพวกเขาอีกด้วย !
ภาพมายาเหล่านี้มันปรากฏออกมาเป็นลักษณะต่างๆมากมาย
เช่น การต่อสู้ สงครามขนาดใหญ่ การเข่นฆ่า รวมทั้งกระตุ้นปีศาจในจิตใจด้วย !
ยามนี้เขี้ยวมังกรกำลังเผชิญกับภาพมายาสงครามปีศาจ
ทุกก้าวย่างของเขา มันเหมือนกับเขากำลังปีนเข้าหาสนามรบปีศาจโบราณ
บนเส้นทางที่ก้าวเดินมันเต็มไปด้วยเลือด และ ซากศพ ข้างหูของเขาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเกลียดชังและคำสาปแช่งต่างๆนานา
!
ตึง ! ตึง ! ตึง
เสียงกลองศึกดังกังวานเต็มสองหู
คลื่นดาบแผ่ซ่านทั่วร่างกายของเขา
มันรู้สึกราวกับร่างกายถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆตลอดเวลา !
“แท่นผนึกเทวะ
สมกับนามของมันอย่างแท้จริง น่าสนใจยิ่งนัก!!”
เขี้ยวมังกรหลับตาก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้งในทันที
ในครั้งนี้นัยน์ตาดำของเขา ดูเรียวและแคบลงราวกับเข็ม
รอบๆรูม่านตามันเต็มไปด้วยอักขระทักทอเป็นลวดลายแปลกๆ.
นัยน์ตาของเขาดูลึกลับและไม่อาจหยั่งถึง
ทำให้ไม่อาจมีผู้ใดจ้องมองเข้าไปที่นัยน์ตาเขาได้ หากมีผู้ใดพยามเพ่งมองเข้าไป
พวกเขาจะรู้สึกราวกับวิญญาณถูกดูดเข้าไปยังหลุมไร้ก้นอันมืดมิด !
หลังจากเปิดใช้ทักษะนัยน์ตาดังกล่าว
ภาพมายาตรงหน้าเขี้ยวมังกรถูกกวาดล้างในพริบตา
มันไม่อาจส่งผลกระทบกับเขี้ยวมังกรได้อีกต่อไป
เขี้ยวมังกรเริ่มยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง อีกทั้งในขณะเปิดใช้ทักษะนัยน์ตาดังกล่าว มันยังอยู่ในช่วงเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะ มันจึงไม่มีใครสามารถมองเห็นทักษะนัยน์ตาดังกล่าวได้.
ณ เวลาเดียวกัน โยวซูจิน และ
ยอดนักดาบประกายโลหิต พวกเขาพบว่ามันยากกว่าที่คาดเดาไว้มากนัก !
“ชั้น31 ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
ยอดนักดาบประกายโลหิตขมวดคิ้วแน่น
“อาณาเขตสังหาร
เปิด!”
ฉัวะ ! ฉัวะ !
ทันใดนั้น
แสงศักดิ์สิทธิสีแดงพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วในพริบตา กลิ่นอายการฆ่าถูกปลดปล่อยออกมาจนสุดจากร่างกายเขาปะทะกับคลื่นมายารอบตัวเขาในทันที.
ตึก ตึก ตึก !
ยอดนักดาบประกายโลหิตยังคงปีนขึ้นไปต่อ
ก้าวย่างของเขาดูไม่มั่นคงนัก หน้าผากของเขาเปียกโชคไปด้วยเหงื่อ
ทุกการเคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างลำบาก
มันเห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่ได้ผ่อนคลายเช่นเดียวกับเขี้ยวมังกร.
สำหรับโย่วซูจิน
เขานั้นอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกับยอดนักดาบประกายโลหิต
แต่ด้วยความแข็งแกร่งและความลึกซึ้งในการฝึกฝนที่ผ่านมาของเขา
เขายังคงต้านทานภาพมายาเหล่านี้ได้ดีกว่าเล็กน้อย สำหรับโย่วซูจิน
การปีนขึ้นชั้นที่31 มันถือได้ว่าเป็นการทดสอบที่สำคัญอย่างหนึ่ง !
ในบรรดาทั้ง5คน
นักดาบม่วงเป็นผู้ที่ช้าที่สุด ในยามนี้ใบหน้าของเขาซีด นิ้วของเขาสั่น
ทุกย่างก้าวของเขาช้ากว่าก่อนหน้านี้มาก มันราวกับเขาติดอยู่ในหนองน้ำ
ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนไหวช้าลงมากขึ้น .
“ทั้งหมดนี้มีนเป็นเพียงภาพมายา
มันเป็นภาพมายา ภาพมายา มันไม่สามารถส่งผลกระทบต่อข้า
พวกเขาไม่สามารถส่งผลกระทบต่อข้าได้ !”
นักดาบม่วงพร่ำบนในใจ เขาต้องการขจัดภาพมายาทั้งหมดออกจากจินตนาการของเขา
อย่างไรก้ตามสภาพร่างกายของเขาในตอนนี้มันค่อนข้างย่ำแย่
อีกทั้งเขายังใช้ความแข็งแกร่งของเขาไปจนเกือบหมดสิ้นอีกด้วย
อันที่จริงเมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ถาโถมครอบคลุมทั่วร่างกาย แก่นแท้และจิตวิญญาณพร้อมกัน
เขาพบว่ามันยากที่จะต้านทานได้.
นี่คือพลังของภาพมายา
ถึงแม้ว่าเขาจะตระหนักได้อย่างชัดเจนว่ามันคือภาพมายา
แต่เขายังได้รับผลกระทบจากมันเช่นกัน.
เมื่อนักดาบม่วงแหงนมองขึ้นไปข้างบน
เขาพบว่าตัวเองอยู่ล่างสุด
“ข้า ...ข้าอยู่ล่างสุด ! นี่ข้าอ่อนแอมากที่สุดรึ !?”
ภาพมายากับความเป็นตริงสลับสับเปลี่ยนไปมาอย่างต่อเนื่อง
นักดาบม่วงพบว่าความแข็งแกร่งของตัวเองค่อยๆลดหายไปจากร่างกายของเขา
ในระหว่างภาพมายากับความเป้นจริงสลับไปมา เขายังคงมองเห็น หลินหมิง
เขี้ยวมังกรและคนอื่นๆ ก้าวไปข้างหน้าไกลออกไปเรื่อยๆ
ในยามนี้เขาพลันรู้สึกตัว
มันเป็นความรู้สึกยามได้รับบาดเจ็บสาหัสและพลัดตกลงไปยังหุบเหวลึก
ถึงแม้เขาจะสามารถมองเห็นยอดเขาจากหุบเหวลึกได้
แต่มันยังคงเป้นความสิ้นหวังอย่างแท้จริงหากต้องปีนขึ้นไป
by nsn
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น