Chapter 1247 – วีรบุรุษหนุ่ม
หลังจากหลินหมิงชี้หอกฟินิกซ์ไปทางโยวซูจิน เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ต่างโกรธจัดขึ้นมาในทันที ดวงตาของพวกเขาแดงกล่ำ ในรอบก่อนรองชนะเลิศการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์บนโลกคำสาปจันทรา ศิษย์พี่โยวซูจินของพวกเขาทำผลงานติดอันดับต้นมาโดยตลอด แล้วจะให้พวกเขาทนการยั่วยุซึ่งหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร !
“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้
ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะแล้ว!”
“เขามันบ้า! เขากล้าท้าทายศิษย์พี่โยว่ซูจินจริงๆ
เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร!?”
“เขาแค่ต้องการมีชื่อเสียง! เขาคิดว่าเขาสามารถเทียบกับศิษย์พี่โย่วซูจินได้รึ ฮึ ฮึ ฮึ
เขานั้นคิดผิดแล้ว !.”
“รอจนศิษย์พี่ตีก้นมันจนแดงเถือกก่อนเถอะ !.”
ไม่มีใครมองหลินหมิงดีซักคน
ในฐานะศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ พวกเขาย่อมหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง
อีกทั้งพวกเขายังเห็นโยวซูจินในฐานะตัวแทนจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬทำผลงานได้ดีเยี่ยมมาตลอด
และนี่นับเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขาเช่นกัน
ดังนั้นพวกเขาย่อมเข้าข้างและสนับสนุนโยวซูจินจนออกนอกหน้า และ พร้อมที่จะเยาะเย้ยหลินหมิงที่แสดงความเหย่อหยิ่งเช่นนี้
ไม่เว้นแม้แต่เหล่าศิษย์จากเผ่าฟีนิกซ์โบราณ
พวกเขาเองยังขาดความมั่นใจเช่นกัน.
“ศิษย์พี่หลินมั่นใจเกินไปรึไม่
เขานั้นเลือกต่อสู้กับโยวซูจินแทนที่จะเลือกยอดนักดาบประกายโลหิต......”
“เจ้าจะกังวลไปทำไม? ศิษย์พี่หลินกล้าท้าทายโยวซูจิน
เขานั้นย่อมมีไพ่ตายบางอย่างอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นการได้ต่อสู้จริง
มันย่อมทำให้เขาตื่นเต้นมากกว่า
มันไม่แปลกหากเขาจะท้าท้ายคนที่แข็งแกร่งที่สุด.....”
“ถูกต้อง ! มันไม่สำคัญว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้
ที่สำคัญคือจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาจะไม่อ่อนแอลง
ยอดนักดาบประกายโลหิตนับเป็นอะไรได้
ถ้าจะสู้มันต่องสู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะถูก !”
“ใช่ ใช่ ศิษย์พี่หลินชี้หอกท้าทายโยวซูจิน
อย่างองอาจกล้าหาญจริงๆ !”
เหล่าศิษย์หญิงจากเผ่าฟินิกซ์โบราณจ้องมองหลินหมิงชี้หอกท้าท้ายโยวซูจิน
ภาพที่เห็นตรงหน้ามันช่างองอาจเหี้ยมหาญและเร่าร้อนยิ่งนัก สายตาของพวกเธอบ่งบอกถึงความคลั่งไคล้.
ในช่วงเวลานี้บนแท่นผนึกเทวะชั้นที่31
หลินหมิงในชุดคลุมสีดำ ยืนหลังตั้งตรงราวกับหอก
ชุดคลุมและผมของเขาปลิวไสวไปกับสายลมดวงดาว ดวงตาของเขาปรากฏสายฟ้าแลบผ่านเป็นระยะระยะ
ใบหน้าของเขาดูเฉยชา หน้าผากกว้างดุจดังหินผา และ
กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาดูแหลมคมราวกับดาบ
นี่คือชายหนุ่มคนหนึ่ง ภายใต้สายตานับพันล้านคู่ เขากล้าที่จะท้าทายอัจฉริยะ1ใน100ของโลกนักสู้ที่แท้จริงและยังเป็นผู้มีโอกาสที่จะกลายเป็นตัวตนระดับราชันพิภพในอนาคต 1ในอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุด !
ทุกครั้งที่มีโอกาสเข้าใกล้ขีดจำกัดของตัวเอง
และ ในยามนี้มันคือขีดจำกัดสูงสุดของหลินหมิง !.
วีรบุรุษผู้กล้าหาญกำลังจะแสดงความรุ่งโรจน์ของเขา
!
ตัวตนเช่นเขาย่อมมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด
ด้วยความแข็งแกร่งและศักยภาพอันเยี่ยมยอด ประกอบกับหน้าตาอันคมคาย
มันนับเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีเหล่าหญิงสาวนับไม่ถ้วนจะตกหลุมรักเขา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า น่าสนใจ เทียนหมิงจือ ม้ามืดที่เจ้าสนใจกำลังท้าทายศิษย์อันดับ1จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬของเจ้า
?.”
ในพระราชวังราชันสวรรค์เอกอนันต์
เหล่าตัวตนทรงพลังจากจักรวาลอันกว้างใหญ่รวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้
เฝ้าชมและสังเกตุการต่อสู้ผ่านกระจกคริสตัลบานใหญ่ ในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้ มันอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเรื่องยากอย่างมาก
ที่จะดึงดูดความสนใจจากตัวตนทรงพลังเหล่านี้
เทียนหมิงจือยิ้มล็กน้อยไม่ได้กล่าวโต้ตอบใดใดออกมา
ราชันเอกไพศาลกล่าวต่อว่า
“เจ้าหนุ่มผู้นี้ดูองอาจและเหี้ยมหาญใช้ได้
แต่สุดท้ายแล้วเขาคงไม่อาจเทียบกับหลานโยวซูจินได้หรอก หลานโยวซูจินนั้นเป็นคนที่มีโอกาสติด10อันดับแรกบนตราประทับสวรรค์
ในการประลองครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ !”
การต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์
จากพิภพนักสู้ที่แท้จริง มันจะมีอันดับประกาศออกมา2อย่าง อันแรกคือตราประทับเทพ ซึ่งตราประทับเทพมันจะรวมอันดับของผู้เข้าร่วมจาก3000โลกและผลงานจากเหล่าศิษย์ของราชันพิภพด้วย
ตราประทับเทพมันเป็นเพียงอันดับของผู้เข้าร่วมและบุตรหลานและศิษย์ของราชันพิภพจาก3000โลกเท่านั้น
มันยังไม่รวมถึงบุตรหลานและศิษย์หลักของเหล่าราชันสวรรค์
อีกหนึ่งคือตราประทับสววรค์
!
คำว่า heaven หมายถึงสวรรค์และสื่อถึงราชันสวรรค์.
ท้ายที่สุดมันย่อมไม่เป็นการยุติธรรมซักเท่าไหร่หากนับรวมอันดับกับเหล่าบุตรหลานและศิษย์หลักของราชันสวรรค์.พวกเขาเหล่านั้นนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะขั้นสูงสุดแล้ว
ดังนั้นการมีโอกาสติด10อันดับแรกบนตราประทับสวรรค์
จึงนับได้ว่าประสบความสำเร็จสูงสุดแล้ว
เมื่อราชันพิภพกล่าวถึง3อันดับแรกหรือ10อันดับต้นบนตราประทับสวรรค์
พวกเขาเหล่านี้ย่อมได้รับเกียรติและได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีจากเหล่าตัวตนทรงพลัง
และยังได้รับสิทธิในการเข้าบ่มเพาะและยังมีโอกาสได้รับคำแนะนำโดยตรงจากราชันสวรรค์ที่พระราชวังสวรรค์ของราชันสวรรค์อีกด้วย
นี่นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น มู่ชียนสวี่ยน เธอนั้นเดิมมาจากพระราชวังสวรรค์พิภพรุ่งอรุณปีศาจซึ่งมันย่อมมีความแข็งแกร่ง
ทรัพยากร และทักษะศักดิ์สิทธิสูงสด ไม่ด้อยไปกว่าพระราชวังเอกอนันต์เช่นกัน .
ขณะที่ราชันพิภพเอกไพศาลกล่าวจบ
ราชันพิภพอีกคนกล่าวต่อว่า “หากหลานชายโยวซูจิน
มีความแข็งแกร่งไร้ขีดจำกัดและผลงานดีจริง เขาย่อมสามารถเข้าสู่พระราชวังสววรค์ได้อย่างแน่นอน
.”
“บางทีมันอาจจะไม่มีใครสามารถเข้ามาแย่งสิทธิดังกล่าวก็เป็นได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เหล่าราชันพิภพที่อยู่ใกล้กันกล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ต้องกล่าวว่า เขากำลังหาโอกาสเข้าหาเทียนหมิงจื่อ ประกอบกับ โยวซูจินทำผลงานได้ดี
นี่จึงนับเป็นโอกาสอย่างหนึ่ง สำหรับตัวตนเช่นเทียนหมิงจือเขาอยากสร้างสัมพันธ์อันดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง
เทียนหมิงจือในปัจจุบันนับเป็นตัวตนที่มีอนาคตสดใสมากที่สุดในเหล่าราชันพิภพ
ความสำเร็จในอนาคตของเขานับได้ว่ากว้างใหญ่ราวกับห้วงจักรวาล !
นอกจากนี้
เทียนหมิงจื่อยังมีความสัมพันธ์อันดียิ่งกับพระราชวังสวรรค์รุ่งอรุณปีศาจ
อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากราชันสวรรค์รุ่งอรุณปีศาจ
เหตุผลหลักๆก็คือเมื่อหลายหมื่นปีก่อนเขาเคยเข้าไปบ่มเพาะที่พระราชวังสวรรค์รุ่งอรุณปีศาจเป็นเวลานาน.
และในปัจจุบันศิษย์ของเขายังมีโอกาสเข้าไปบ่มเพาะที่พระราชวังสวรรค์เช่นกัน
ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลเช่นนี้ย่อมมีความสำคัญอย่างมาก !
…………..
ณ เวลานี้บนแท่นผนึกเทวะ
เสียงมู่เชียนเสวี่ยนดังก้องในหูของหลินหมิง “หลินหมิง ภูมิหลังเดิมของเทียนหมิงจือ
คือดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียว และดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียวเชี่ยวชาญ กฎ มิติ
เวลาและน้ำแข็ง ดังนั้นในฐานะทายาทเทียนหมิงจื่อ โยวซูจินย่อมมุ่งเน้นไปที่กฎ
ดังกล่าวเช่นกัน.”
“เข้าใจแล้ว” หลินหมิงเคยเห็นโยวซูจินต่อสู้กับร่างวิญญาณมายาบนแท่นผนึกเทวะมาก่อน
ในยามนั้นเขาสังเกตเห็น แสงสามสีปรากฏออกมามาขณะต่อสู้
แสงสามสีดังกล่าวมันเปรียบเสมือนตัวแทนจาก กฎ แต่ละอย่างที่โยวซูจินเข้าใจ “แม่นางมู่
ข้าคาดเดาว่าทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียว
ย่อมตกอยู่ในมือของเทียนหมิงจือแล้ว มันไม่แปลกหากโยวซูจินจะบ่มเพาะมัน ?” หลินหมิงกล่าว
เมื่อหลินหมิงกล่าวถึงทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียว
ความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของมู่เชียนเสวี่ยนในทันที “ใช่ มันย่อมเป็นเช่นนั้น ทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียว
มันสมบูรณ์ยิ่งกว่าทักษะศักดิ์สิทธิจากโลกนักสู้ที่แท้จริงมากนัก
ถึงกระนั้นมันก็เป็นเพียงทักษะสนันสนุนเท่านั้น ความสำคัญของมันในการใช้ต่อสู้จริง มีเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเจ้าสามารถเมินเฉยได้ไม่มากก็น้อย .”
“โอ้?” ความคิดของหลินหมิงสั่นคลอนเล็กน้อย
เขานั้นเคยคิดว่าทักษะเสริมมันช่วยเหลือเขาได้มากกว่าทักษะโจมตี
ความสามารถเหล่านี้มันอาจจะส่งผลต่อความสำเร็จในอนาคตก็ได้
อีกทั้งหากมันเป็นทักษะเสริมการโจมตีด้วย
มันยิ่งทำให้การโจมตีของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นไม่ใช่รึ .
ดังเช่นทักษะศักดิ์สิทธิขั้นสูงสุด
ต้นกล้าเทพอสูร หากปราศจากมันหลินหมิงคงไม่สามารถผสานกฎธาตุไฟกับกฎสายฟ้าได้
อีกทั้งเขาคงไม่สามารถเอาชนะทัณฑ์สายฟ้าและไฟได้อีกด้วย.
“เข้าใจแล้ว สักวันหนึ่ง
ข้าจะนำทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิขนนกเขียวกลับคืนมา !”
ขณะหลินหมิงกำลังสนทนากับมู่เชียนเสวี่ยน
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งจากตัวโยวซูจินปะทุขึ้นมาในเวลาเดียวกัน!
ณ
เวลานี้บนแท่นผนึกเทวะ โยวซูจินในชุดคลุมสีดำ ดูราวกับเป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์และปฐพี แม้แต่เหล่าผู้ชมบนอัศจรรย์อันห่างไกล
ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของโยวซูจิน
พวกเขาในยามนี้รู้สึกราวกับมีกริชอันแหลมคมจ่อที่ศีรษะของพวกเขา
มันให้ความรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาในทันใด !
นี่คือเจตจำนงสังหารของโยวซูจิน
เจตจำนงอันเข้มข้นและมืดดำ กวาดผ่านไปทั่วอัศจรรย์ผู้ชมและแท่นผนึกเทวะ !
“ช่างเป็นเจตจำนงสังหารที่รุนแรงอะไรขนาดนี้ เพื่อที่จะได้เจตจำนงสังหารขนาดนี้
เขาต้องสังหารผู้คนมามากมายเท่าไหร่?!”
“นี่มันจะไม่น่ากลัวไปหน่อยรึ?
นี่มันชั้นที่31นะ แรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะไม่มีผลกับเขาเลยรึ
ถึงแม้แรงกดดันมันอาจะดุูน้อยกว่าตอนปีนขึ้นมาก็ตาม จริงจริงแล้วแก่นแท้
ร่างกายและวิญญาณของเขาสมควรถูกระงับไว้ในระดับหนึ่งไม่ใช่รึ ?…”
แม้แต่ฮัวเล่ยสือ
ที่เชื่อเสมอว่าคนของตัวเองแข็งแกร่งและทำผลงานได้น่าทึ่งเสมอมา
ยังแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยคำชมและตกตะลึง
เขาอดไม่ได้ที่จะยอมรับความแข็งแกร่งของโยวซูจิน.
สำหรับเหล่าศิษย์จากนภาทมิฬ
พวกเขาต่างส่งเสียงตะโกนดังก้องอัศจรรย์
“ศิษย์พี่แข็งแกร่งที่สุด !”
“ศิษย์พี่ต้องชนะ !”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า !นี่คือความแข็งแกร่งของว่าที่ราชันที่แท้จริง
!”
ณ
ยามนี้ ในที่สุด โยวซูจินหยิบดาบของเขาออกมา มันเป็นเหมือนดาบซามูไร
ยาวสี่ฟุตและบาง ด้ามจับยาวหนึ่งฟุต นี่คือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณนักบุญขั้นกลาง
ในแง่ของศักยภาพมันด้อยกว่าหอกฟินิกซ์โบราณ แต่หอกฟินิกซ์โบราณมันยังไม่เติบโตเต็มที่
ดังนั้นความแข็งแกร่งของดาบในมือโยวซูจินจึงแข็งแกร่งกว่า !
หวีดดดด!
ดาบถูกแทงออกไปในอากาศพร้อมเสียงหวีดแหลม !
พื้นที่ว่างเปล่าโดยรอบตัวโยวซูจินดูบิดเบี้ยวในพริบตา
ก่อนที่ดาบและโยวซูจิน จะผสานรวมเข้ากับความว่างเปล่า !
แควก
แควก !
ในเวลาเดียวกัน บริเวณรอบๆปลายดาบ
ช่องว่างถูกฉีกกระชากขาดเป็นแนวยาวตามการแทงไปข้างหน้า !
เมื่อหลินหมิงมองเห็นดาบฉีกกระชากความว่างเปล่ารอบๆขาดกระจุย
รูม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันที ลักษณะเช่นนี้มันทำให้เขานึกถึงคำกล่าวจาก
ผู้อาวุโสทรงพลังท่านหนึ่ง ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของกฎมิติ เขาผู้นั้นกล่าวว่า “ อาวุธที่แหลมคมที่สุด มันไม่ได้เกิดจากปรับแต่งและหล่อหลอมขึ้นจากปรมาจารย์ด้านอาวุธท่านใด แต่มันคือมิติว่างเปล่า เมื่อท้องฟ้าแตกสลาย
มิติพังทลาย พลังของมันสามารถฉีกได้แม้แต่ความเป็นจริง !
ถึงแม้ว่าโยวซูจินจะไม่สามารถฉีกมิติขนาดใหญ่ได้ในระดับบ่มเพาะเทพสมุทรขั้นปลายสุด แต่เขายังสามารถฉีกกระชากความว่างเปล่ารอบตัวดาบได้!
แค่การโจมตีธรรมดา
มันยังทรงพลังมากขนาดนี้.!
แล้วหลินหมิงจะป้องกันการดจมตีนี้ได้อย่างไร
?
ดวงตาของเหล่าผู้เข้าร่วมและผู้ชมเปิดกว้าง
ชนชั้นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้เข้าร่วมในการต้อสู้ในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะจากดินแดนของตน
อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับโยวซูจิน พวกเขาคงต้องหวั่นใจเป็นอย่างมาก
เมื่อพวกเขาพบว่าพวกเขาไม่อาจป้องกันการโจมตีนี้ได้ !
นอกจากนั้นนี่ยังเป็นเพียงการโจมตีธรรมดาทั่วๆไปของโยวซูจินอีกด้วย
แล้วหากการโจมตีที่รุนแรงขึ้นล่ะ พวกเขาจะเป็นเช่นไร !
“ช่างเป็นการโจมตีที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้
หลินหมิงกำลังตกอยู่ในอันตราย !”
ขวับ ! ซึบ ซึบ ซึบ!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากดาบของโยวซูจิน
หลินหลิงเคลื่อนตัวหลบออกด้านข้างพร้อมกับกวาดหอกฟินิกซ์โจมตีกลับในทันที
หอกฟินิกซ์เปล่งกลิ่นอายลำแสงสีฟ้าออกมาในพริบตาก่อนที่จะปะทะกับดาบแสงของโยวซูจิน. ลำแสงหอกสีฟ้ามันดูคล้ายมังกรน้ำกำลังเผชิญหน้ากับดาบแสงขนาดมโหฬาร
ปัง ! เคร้ง เคร้ง
!
เสียงหอกกับดาบปะทะกันอย่างดุเดือดดังก้องไปทั่วลานผนึกเทวะชั้นที่31
แรงกระแทกจากการปะทะกระจายเป็นระลอกคลื่นกระแทกความว่างเปล่าโดยรอบจนบิดเบี้ยวไปทั่ว
ดาบแสงค่อยๆสลายไป ในขณะที่หอกแสงสีฟ้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆในอัตราที่เร็วกว่า !
ฮึ!
โยวซูจินยิ้มเยาะ มิติเป็นเรื่องที่รู้กันในฐานะอาวุธที่แหลมคมที่สุด
ชื่อเสียงของมันสามารถตัดผ่านได้เกือบทุกสิ่ง มันจึงเป็นเหตุผลที่ยอมรับโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตามในขณะที่ดาบแสงกำลังจะกลืนกินหอกแสงสีฟ้า
ฉากลึกลับกับปรากฏขึ้น หอกแสงสีฟ้าทีถูกทำลาย กลับปรากฏออกมาใหม่ ถูกทำลาย
ปรากฏออกมาใหม่ ถูกทำลาย ปรากฏออกมาใหม่ เป็นเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา !
“การเจริญเติบโตไม่สิ้นสุด?”
คิ้วของโยวซูจินขมวดขึ้น
หอกแสงสีฟ้านี้มันปรากฎออกมาไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ.
กฎ
ชีวิต กฎย่อยเติบโตไม่สิ้นสุด กฎ
ที่พิเศษอย่างหนึ่ง เมื่อเข้าใจกฎนี้จนถึงขั้นสูงสุด มันมีโอกาสพัฒนาเป็น กฎอมตะ !
หลังจากหลินหมิงดูดซับกระดูกมังกรแท้จริงโบราณ
แก่นแท้และ กฎ ชีวิตของเขาพัฒนาและเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด.
ปัง!
เมื่อการปะทะครั้งสุดท้ายมาถึง
ระลอกคลื่นจากแรงกระแทกหายไป หอกแสงสีฟ้ากับดาบแสงสีดำกับกลายเป็นดังฝนสีฟ้าและดำสลับกันตกลงสู่พื้น
!
ในการปะทะกันครั้งแรก ทั้ง2เสมอกัน !
“เจ้าป้องกันได้?”
“โอ้? ข้าคิดว่าหลินหมิงจะต้องสิ้นท่าซะอีก ?.”
“แข็งแกร่ง!”
ในการต่อสู้ที่เพิ่งหยุดไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงการต่อสู้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
อีกทั้งมันไม่ได้มีทักษะพิเศษใดใดเลย แต่หลายคนยังมองเห็น ความลึกลับจาก กฎ
มากมายนับไม่ถ้วน จากการปะทะกันช่วงสั้นๆของทั้ง2คน !
“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เลว! เจ้าสามารถทำให้ข้าเอาจริงได้บ้างเล็กน้อย
แค่เล็กน้อยเท่านั้น ”
ฟุบ !
โยวซูจิน
หัวเราะก่อนทีร่างกายของเข้าจะเคลื่อนที่หายไปในพริบตา ความเร็วของเขาราวกับความเร็วแสง
มันดูคล้ายลำแสงพุ่งตรงเข้าหาหลินหมิงแทบจะในพริบตา !
BY NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น