1241-1250 : https://stfly.me/wSIZJX9
Chapter 1254 – พลังเทวะ
“เจ้าเด็กนี่ มันกำลังเล่นอะไรของมันอีกในเวลานี้” ฮั่วเล่ยสือ เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
หากพลังงานโกลาหลมันเพิ่มมากขึ้นกว่านี้
ชีวิตของหลินหมิงยิ่งอันตรายมากขึ้นไปอีกมิใช่รึ?.
เสี่ยวเต๋าจื่อเองยังคงกังวลเช่นกัน
เขาลุกขึ้นยืนในขณะที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยหลินหมิงดีหรือไม่ ?.
เดิมทีเขาวางแผนที่จะยุติการเข้าร่วมของหลินหมิง
เพื่อป้องกันการบาดเจ็บสาหัสจากพลังงานจาก กฎ โกลาหล
อย่างไรก็ตามหลังจากเขาสังเกตหลินหมิงอย่างใกล้ชิด
เขาพบว่าหลินหมิงยังไม่ได้หมดสติ จิตสำนึกเขาอยู่ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น
มันดูคล้ายกับเขากับตระหนักรู้อย่างฉับพลัน !.
เมื่อค้นพบเรื่องดังกล่าว
เสี่ยวเต๋าจื่อยิ่งลังเลมากขึ้นไปอีก.
เจ้าเด็กนี้ กับตระหนักรู้ในสถานการณ์เช่นนี้รึ
?
การตระหนักรู้ฉับพลันสามารถพบได้โดยความบังเอิญเท่านั้น
แน่นอนว่าเสี่ยวเต๋าจือไม่อาจทำลายช่วงเวลาดังกล่าวนี้โดยธรรมชาติ
แต่สภาพของหลินหมิงในยามนี้หากไม่ช่วยเขาอาจจะกลายเป็นศพแทนก็ได้.
มันไม่ใช่เพียงเสี่ยวเต๋าจือเท่านั้นที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินหมิง ราชันสวรรค์ฝันเทวะกับราชันสวรรค์เอกอนันต์
ยังสังเกตุเห็นเช่นกัน.
“ในยามนี้
เขากับรับรู้ถึง กฎ ? มันดูเหมือนเขาค้นพบ เศษเสี้ยว กฎ ที่อยู่ในแท่นผนึกเทวะ ?”
ราชันสวรรค์เอกอนันต์รู้สึกประหลาดใจ
กฎ ของแท่นผนึกเทวะ มันคือเศษเสี้ยวกฎ มันคงอยู่ใน33ชั้นของแท่นผนึกเทวะ กฎนี้มันถูกทิ้งไว้บนแท่นผนึกเทวะโบราณจากส่วนลึกของจักรวาลอันไกลโพ้น
ราชันสวรรค์สวรรค์บังเอิญโชคดีได้พบชิ้นส่วนจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะโบราณ
หลังจากใช้เวลายาวนานทำความเข้าใจ
ในที่สุดราชันสวรรค์เอกอนันต์จึงสร้างของเลียนแบบขึ้นมาได้สำเร็จ.
“เขาตระหนักถึง กฎ จากแท่นผนึกเทวะจริงๆ ข้าคงประเมินเขาต่ำไป
แต่มันยังคงน่าเสียดายที่ขอบเขตบ่มเพาะเขาต่ำไป แม้ว่าเขาจะตระหนักรู้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าใจมันได้
แม้แต่เขี้ยวมังกรและลูกศิษย์ทั้งสามของข้าที่ได้ชื่อว่ามองผ่านกฎได้ทั้งหมดยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้
.”
กฎ จากแท่นผนึกเทวะนั้นเทียบได้กับ
กฎจากสวรรค์33ชั้นหรือก็คือ กฎ โกลาหล นั้นยากต่อความเข้าใจมาก อีกทั้งในปัจจุบัน
นับตั้งแต่สวรรค์ทั้ง33ชั้นเปลี่ยนไป กฎ โกลาหลได้ถูกตัดออกไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นเมื่อเวลา3.6พันล้านปีก่อน !.
ถึงแม้ว่าราชันสวรรค์เอกอนันต์จะเป็นผู้สร้างแท่นผนึกเทวะเลียนแบบขึ้นมา
แต่เขาเองยังคงไม่ได้เข้าใจใน กฎ โกลาหลมากนัก
เขายังไม่สามารถเทียบกับชายชราชุดเทาที่แอบดูการต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะเลียนแบบได้
ชายชราผู้นี้คือจิตวิญญาณของแท่นผนึกเทวะ !.
จิตวิญญาณแท่นผนึกเทวะ
ถูกหลอมสร้างโดยราชันสวรรค์เอกอนันต์
โดยใช้เศษชิ้นส่วนวิญญาณจากแท่นผนึกเทวะโบราณผสานรวมเข้ากับจิตวิญญาณสัตว์เทวะและความเข้าใจในกฎ
โกลาหลของราชันสวรรค์เอกอนันต์
สิ่งนี้นับเป็นความภูมิใจที่สุดของราชันสวรรค์เอกอนันต์ อย่างไรก็ตามในเรื่องความเข้าใจในกฎ
เขายังต้องทำความเข้าใจวนไปวนมาราวกับเป็นวัฏจักร
และอาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีลูกบาศ์ศักดิ์สิทธิเหมือนหลินหมิง
เขาจึงไม่สามารถซึมซับและทำความเข้าใจมันได้โดยตรงเช่นหลินหมิง .
“อืม..ดูๆแล้วมันช่างเสมือนลูกแมวไม่กลัวเสือ
เจ้าเด็กนี่มันตระหนักได้ถึง กฎ โกลาหลที่แทรกซึมอยู่ในแท่นผนึกเทวะได้
นี่นับเป็นความสำเร็จอย่างมาก ร่างกายของเจ้าเด็กนี่ต้องมีอะไรพิเศษบางอย่าง.”
ขณะที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กำลังกล่าว
หญิงสาวชุดขาวด้านข้างยังคงจ้องมองไปที่หลินหมิงด้วยดวงตาสดใส
ลักษณะท่าทางของเธอราวกับกำลังครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างอยู่ .
“ฝันเทวะ
เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ?”
หญิงชุดขาวยิ้มบางๆก่อนจะกล่าวว่า
“ที่ข้ารู้สึกแปลกๆ
มันเป็นเพราะร่างกายเจ้าหนุ่มนี่มีกลิ่นอาย กฎ มายาเทวะอยู่…”
“กฎ
มายาเทวะ มันจะเป็นไปได้รึ ? นี่มันกฎของเจ้าไม่ใช่รึ
โอ้..จริงสิ เจ้าหนุ่มนี่ได้เข้าไปในดินแดนมายาเทวะของเจ้ามาก่อน
บางที่เขาอาจจะได้ดูดซับจิตวิญญาณพื้นฐานมาจากที่นั้น
ดังนั้นมันจึงมีกลิ่นอายเบาบางบนร่างกายของเขา .”
ราชันสวรรค์คาดเดาความเป็นไปได้ถึงเรื่องดังกล่าว
ในขณะที่หญิงสาวชุดขาวยังคงเงียบ เธอรู้สึกว่ากลิ่นอายจาก กฎ
มายาเทวะบนร่างกายหลินหมิงมันไม่เรียบง่ายเช่นนั้น.
ณ เวลานี้พลังงานจากกฎ
โกลาหลสองสายเริ่มส่งผลกระทบกับหลินหมิง.
ไหล่ของหลินหมิงเกือบหัก
ในขณะที่โลหิตเริ่มไหลรินเต็มไหล่.
ในเวลาไม่นานแขนขวาเริ่มได้ผลกระทบทั้งท่อนแขนเต็มไปด้วยโลหิต.
ในสถานการณ์เช่นนี้
เมื่อแขนและไหล่บาดเจ็บ มันเกือบจะเหมือนกับการยุติการต่อสู้แล้ว ต้องทราบว่านักสู้จำเป็นต้องใช้แขนและขาที่สมบูรณ์เพื่อที่จะต้านทานแรงกดดันมหาศาลจากกลิ่นอายของราชันสวรรค์ที่หลั่งไหลลงมาจากด้านบนแท่นผนึกเทวะ
“มันจบแล้ว! ข้าไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไรอยู่
แต่แขนขวาของเขาได้รับบาดเจ็บแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปต่อ”
“ข้ากลัวว่าเขา
น่าจะหมดสติไปแล้ว !”
ณ
เวลานี้หลินหมิงไม่ได้รู้สึกหรือได้ยินเสียงตะโกนใดใดเลย
เขายังจมอยู่ในห้วงการตระหนักรู้อย่างฉับพลัน.
ตลอดเวลาที่หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นชั้น32ของแท่นผนึกเทวะ
เขาได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านการโจมตีและลดแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะมาตลอด.
ด้วยพลังลมปราณแท้ที่หนาแน่น
การฝึกฝนขัดเกลาที่ผ่านมา รวมถึงรากฐานที่มั่นคงและความเข้าใจในกฎ
การทนต่อพลังงานจาก กฎ โกลาหลนี้และปีนขึ้นไปชั้น32ยังไม่นับเป็นปัญหาสำหรับหลินหมิง
แต่การกระทำเช่นนั้นมันคือขีดจำกัดของหลินหมิง.
เมื่อหลินหมิงคิดเกี่ยวกับมัน
เขาค้นพบว่าการใช้เกราะลมปราณแท้ป้องกันมันเป็นวิธีการที่ผิดโดยสินเชิง !
สิ่งนี้เปรียบเสมือนยามเมื่อมนุษย์ต้องการปรับเปลี่ยนแม่น้ำเพื่อหยุดน้ำท่วม
ถ้าพวกเขาเพียงควบคุมแต่แม่น้ำเท่านั้น ในไม่ช้าสิ่งที่กักกันย่อมแตกออกเป็นเสี่ยงๆจากกระแสน้ำที่รุ่นแรงตามธรรมชาติ
มีเพียงยกเลิกสิ่งกีดขวาง
ขยายพื้นที่และสร้างอ่างเก็บน้ำเท่านั้นจึงสามารถควบคุมสายน้ำได้.
หลินหมิงเองในยามนี้
ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆกัน เขาไม่ได้เปิดใช้เกราะลมปราณแท้เพื่อต่อต้านพลังงานจาก
กฎ โกลาหล แต่กับใช้ร่างกายรองรับแทน และนั้นเป็นการสัมผัสถึงพลังงานจากกฎ
โดยตรงและยังทำให้หลินหมิงสามารถส่งพลังงานจาก กฎ
โกลาหลเข้าสู่เส้นลมปราณของเขาได้ในเวลาเดียวกัน
แน่นอนว่าเขาย่อมสามารถตระหนักรู้ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับแต่งพลังงานดังกล่าวได้อีกด้วย
แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสเช่นกัน
การกระทำเยี่ยงนี้มันอาจจะทำให้เส้นลมปราณของเขาถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ! .
อย่างไรก็ตามหากหลินหมิงสามารถปรับแต่งพลังงานจากกฎ
โกลาหลได้ เขาย่อมสามารถควบคุมมันได้ในระดับหนึ่งและทำให้มันกลายเป็นของตัวเอง
หากเขาทำได้สำเร็จ เขาไม่เพียงแต่สามารถปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะเท่านั้น
แต่เขายังคงได้เปรียบอย่างมากอีกด้วย !
กฎ
โกลาหลจากสวรรค์33ชั้นนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก หากนักสู้ทั่วไปต้องการศึกษามัน
นั้นเปรียบได้กับการกระทำของคนโง่เขลา.
แต่มันไม่ใช่กับหลินหมิง
เขานั้นข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาแล้ว สำหรับหลินหมิงมันมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ
!
ขณะที่ทุกคนกำลังกล่าวสนทนากัน
พลังงานจาก กฎ โกลาหลอีกระลอกซึ่งดูเหมือนมันจะมากกว่าเดิม
กำลังพุ่งตรงเข้าหาศีรษะของหลินหมิง !
หากพลังงานจาก กฎ โกลาหลลูกนี้กดทับหลินหมิง
เขาคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ !
กระนั้นหลินหมิงยังคงหยุดนิ่งอยู่เช่นเดิม
มันราวกับว่าเขานั้นไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใดใดรอบข้างเลย !
เสี่ยวเต๋าจือ
สายตาหดแคบลง ในขณะที่กำลังจะเคลื่อนไหว “อย่าขยับ!” เสียงหนึ่งดังก้องในจิตใจเขา
เสี่ยวเต๋าจือหยุดนิ่งในทันที
เสียงนี้เป็นเสียงของชายชราชุดเทา เขาคือจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ
ที่กำลังจัดการทุกอย่างบนแท่นผนึกเทวะอย่างลับๆ
ชายชราชุดเทาผู้นี้เป็นบุคคลที่แม้แต่ราชันสวรรค์เอกอนันต์ยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพดุจเดียวกับบุคคลในระดับเดียวกัน
และ ยังเรียกชายชราชุดเทาผู้นี้ว่า ผู้เฒ่าตราประทับ
นี้ย่อมไม่ต้องกล่าวถึงเสี่ยวเต๋าจือว่าจะต้องเคารพเขาขนาดไหน
ดังนั้นในยามนี้
เสี่ยวเต๋าจือทำได้เพียงหยุดนิ่ง และมองดูพลังงานจาก กฎ โกลาหล
กำลังพุ่งชนหน้าผากหลินหมิง!
ปัง!
โลหิตสีแดงสาดกระเซ็น
หน้าผากหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต !
“พี่หลิน
!”
ฉินชิงเสวียน
ร้องออกมาเมื่อเห็นบาดแผลบนหน้าผากของหลินหมิง
นิ้วและเสียงของเธอสั่นด้วยความหวาดกลัว
.
“ทำไม
พวกเขายังไม่ยุติการประลอง ?”
“ผู้อาวุโสเสี่ยวเต๋าจือกำลังทำอะไร
?
ถ้าเขาไม่ยุติการประลอง ศิษย์พี่หลินจะต้องตายแน่ !”
“ท่านอาจารย์ ! ท่านต้องช่วยศิษย์พี่หลินหมิงนะ !”
หญิงสาวหลายคนจากเผ่าฟินิกซ์โบราณ
เริ่มอ้อนวอนอาจารย์ของตน.
เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ
ต่างตกตะลึงและตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน นี่ไม่นับว่าแปลกแต่อย่างใด
การที่จะมีอัจฉริยะผู้ไร้เปรียบปรากฎขึ้นในเผ่า
นับเป็นเรื่องยากอย่างมากสำหรับเผ่าฟินิกซ์โบราณ
แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอัจฉริยะผู้นั้นล่ะ ?
นี่มันไม่ใช่เพียงแค่ทำลายเส้นทางชีวิตของพวกเขาเท่านั้น ?
“พวกเจ้าทั้งหมด หุบปาก !”
ฮัวเล่ยสือถ่ายเทลมปราณแท้ลงในเสียงก่อนที่จะเปล่งเสียงคำรามดังสนั่น
หยุดความวุ่นวายของเหล่าสาวกทั้งหมดบริเวณรอบๆ
.
ถึงแม้เขาเองยังคงตื่นตระหนกเช่นกัน
แต่เขายังรู้สึกว่า เสี่ยวเต๋าจือไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผลบางอย่าง.
“พวกเจ้าคิดว่ามองสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่าท่านเสี่ยวเต๋าจือ
รึ?
หุบปากแล้วนั่งลงซะ !”
หลังจากฮัวเล่ยสือตวาด
เหล่าสาวกเผ่าฟินิกซ์โบราณทั้งหมด เงียบสนิทในทันทีก่อนที่จะนั่งลง.
ดวงตาฉินเชิงเสวียนเปียกไปด้วยน้ำตา
ในขณะที่เธอจับมือมู่เฉียนหยู่ไว้แน่น.
ใกล้ๆกันนางฟ้าเฟิง
กำหมัดแน่นในขณะที่มองไปทางหลินหมิงอย่างใจจดใจจ่อ
ในขณะเดียวกัน พลังงานจาก
กฎ โกลาหลยังคงพุ่งเข้าหาหลินหมิง
ถึงกระนั้นร่างกายของหลินหมิงยังคงต้านทานพลังงานจาก กฎ โกลาหลอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน.
ณ
ยามนี้ร่างกายของหลินหมิงเต็มไปด้วยโลหิต มันราวกับมีใครเทถังน้ำสีแดงราดบนตัวเขา
ไม่ต้องกล่าวถึง ฉินเชิงเสียน มู่เฉียนหยู่ นางฟ้าเฟิง หรือ
เหล่าศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณ แม้แต่เหล่าผู้ชมและผู้เข้าร่วมทังหลาย
ต่างเพ่งมองไปที่ร่างของหลินหมิงด้วยความหวาดกลัว
“หลินหมิงกำลังทำอะไร
?”
“ใช่
ทำไมเขายังไม่ยอมลงมาอีก เขาไม่ควรเอาชีวิตมาล้อเล่นเช่นนี้ !”
“บาดแผลเขาสาหัสเกินเกินไป
เขาจะตายในไม่ช้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป !”
เหล่าศิษย์บางคนกังวลเกี่ยวกับหลินหมิง
ในขณะที่บางคนแสดงออกได้ถึงความสุขเมื่อเห็นหลินหมิงในสภาพนี้.
นี่นับเป็นเรื่องปกติเสมอมาของมนุษย์
ในหมู่พวกเขาย่อมมีหลายคนที่หวังให้คนที่แข็งแกร่งกว่าตนตายไปซะ
โดยเฉพาะกับเหล่าศิษย์จากดินแดนนภาทมิฬที่ถูกทำให้อับอาย
พวกเขาล้วนอยากจะเห็นหลินหมิงทุกข์ทรมานมากกว่านี้.
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า เจ้าโง่หลินหมิง ข้าคิดว่าเขาคงจะตายที่นี่ในไม่ช้า !.”
“ข้ามองไม่เห็นว่าสิ่งใดกำลังโจมตีหลินหมิง
แต่หลินหมิงกับต้านทานด้วยร่างกาย มันช่างโง่เขลายิ่งนัก ฮึ ฮึ ฮึ
แต่มันเป็นเรื่องดีเช่นกัน ตีมัน ตีมันให้หนักกว่านี้ !”
ความเป็นจริงบ่งบอกว่า
เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานจาก กฎ โกลาหล
พวกเขาเพียงแค่เห็นร่างกายของหลินหมิงถูกโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง
มันอาจจะดูแปลกประหลาดไปบ้าง แต่พวกเขายังรู้สึกยินดีบนความทุกข์ของหลินหมิง
ถึงกระนั้นพวกเขาเองยังไม่กล้าที่จะตะโกนเสียงดัง
ทำได้เพียงคุยกันเบาๆในกลุ่มของตนเท่านั้น เสียงของพวกเขาจมหายไปท่ามกลางเสียงตะโกนจากผู้ชมรอบๆนับพันล้าน.
เวลานี้
โยวซูจินก้าวออกจากแท่นผนึกเทวะแล้ว ถึงกระนั้น โยวซูจินยังคงเพ่งมองไปที่หลินหมิง
เช่นเดียวกับผู้อื่น ในขณะที่มองไปที่บาดแผลของหลินหลิง
นัยน์ตาเย็นเยียบไปด้วยความอันตราย ก่อนจะพึมพำเสียงเบาว่า “ แม้ว่าข้าจะยังไม่รู้ว่าสิ่งใดกำลังพยายามทำลายหลินหมิงอยู่ในตอนนี้
และ ไม่รู้ว่าหลินหมิงกำลังทำอะไร แต่สถานการณ์ในตอนนี้ของเขาค่อนข้างอันตรายมาก
ถึงกระนั้นทำไมเสี่ยวเต๋าจือยังไม่เคลื่อนไหว ? แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริงๆ
นั้นมันคงเป็นอะไรที่สบายมากเกินไป ....”
นัยน์ตาสีแดงเข้มของโยวซูจินเรืองแสงประกายด้วยความอำมหิต
ในขณะที่พลังงานจาก กฎ โกลาหลเริ่มรวมตัวกันมากขึ้นด้านหลังหลินหมิง การไหลของพลังงานกลุ่มนี้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าหลายเท่า
อีกทั้งทิศทางของพลังงานนี้กับพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินหมิง !
เหนือแท่นผนึกเทวะ
เสี่ยวเต๋าจือเพ่งความสนใจไปที่หลินหมิงมากขึ้น
สมาธิของเขาจดจ่ออยู่กับหลินหมิงอย่างสมบูรณ์ เขาพร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกเวลา.
แต่ในคราวนี้กับเกิดเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้น
!!
เมื่อกลุ่มก้อนพลังงานจากกฎโกลาหลพุ่งเข้าหาหลินหมิง
มันกับถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กลุ่มก้อนพลังงานกว่า90% เปลี่ยนทิศทางไปด้านข้าง ส่วนกลุ่มก้อนพลังงานที่เหลือ10% กับพุ่งเข้าหาศีรษะของหลินหมิงก่อนจะจมหายไปอย่างไร้ร่องรอย !
“อะไร!?”
เสี่ยวเต๋าจือตกะลึง
ภาพที่เห็นมันดูราวกับหลินหมิงกำลังดูดซับพลังงานจากกฎโกลาหล !
ในกลุ่มผู้ชมทั้งหมดไม่มีแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงจิตวิญญาณสิ่งประดิษฐ์แท่นผนึกเทวะ เสี่ยวเต๋าจือ ราชันสวรรค์เอกอนันต์
หญิงสาวชุดขาว ที่เฝ้ามองจากพระราชวังสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ! .
พลังงานจาก กฎ
โกลาหลที่หลินหมิงดูดซับไป มีชื่ออีกหนึ่งเป็นนามเฉพาะ คือ พลังเทวะ !
BY NSN
Chapter 1253 – ทำความเข้าใจ กฎ
“เขี้ยวมังกร!”
“เขี้ยวมังกร !”
“หลินหมิง !”
“หลินหมิง !”
ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครมาจากไหน ไม่มีระดับชั้นใดใดอีกต่อไป โดยเฉพาะเผ่าฟินิกซ์โบราณนอกจากตะโกนแล้วยังถึงขนาดเปล่งกลิ่นนอายสีแดงเข้มออกมา
ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิส่งเสียงเชียร์
ผู้คนจากพิภพนักสู้ที่แท้จริงโห่ร้อง
แม้กระทั่งผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬยังส่งเสียงเชียร์
ฉากนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ทุกคนหวังว่าชายหนุ่มทั้งสองบนแท่นผนึกเทวะจะสร้างปาฏิหาริย์
ปาฏิหารย์ที่มันจะกลายเป็นความหวังของนักสู้ทุกคน !
โดยเฉพาะความสนใจส่วนใหญ่ของทุกคนจดจ่ออยู่กับเขี้ยวมังกร
นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมดของ100พิภพที่มารวมตัวกันบนดาวคำสาปจันทรา
มันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะทิ้งตำนานไว้เบื้องหลังพระราชวังราชันสวรรค์ !.
ณ
เวลานี้บนแท่นผนึกเทวะ หลินหมิงกับเขี้ยวมังกร ปีนขึ้นมาได้1ใน10ของชั้นที่31แล้ว
นั้นคือ10,000ฟุต !
การประลองต่อสู้ครั้งแรกในพิภพนักสู้ที่แท้จริง เกิดขึ้นหลายครั้งโดยการใช้แท่นผนึกเทวะ
มันยังไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้แม้แต่คนเดียว
นี่แสดงให้เห็นถึงความยากถึงยากมาก !
….
“นี่นับว่าเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะกลายเป็นตำนานบนดาวคำสาปจันทรา
และสิ่งนี้มันยังไม่เคยปรากฏออกมาก่อนในช่วงเวลานับล้านปี ที่ผ่านมา !”
ในสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยผู้คนนับพันล้าน
มันยังมีพื้นที่หวงห้ามที่จัดเตรียมไว้เฉพาะแขกบางกลุ่ม
บริเวณนี้เป็นมิติย่อยแยกออกมา และ บรรดาผู้ที่นั่งรับชมอยู่ ณ ที่นี้
ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีชีวิตมาอย่างยาวนาน และ
แต่ละคนยังเป็นบุคคลสำคัญใน100พิภพอันยิ่งใหญ่อีกด้วย.
ในกลุ่มพวกเขา
ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นระดับผู้ปกครองสูงสุดและยังมีกึ่งราชันพิภพรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามมันไม่มีราชันพิภพที่แท้จริงแม้แต่คนเดียว .
ราชันพิภพโดยเฉพาะมหาราชันพิภพเช่นเทียนหมิงจื่อที่มีสถานะสูงส่ง
เขาสามารถรวมตัวกันกับเหล่าตัวตนในระดับชั้นเดียวกันได้ที่พระราชวังสวรรค์และเฝ้ามองการต่อสู้ของเหล่าผู้เข้าร่วมผ่านกระจกคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางพระราชวังสวรรค์เป็นการส่วนตัว
ในขณะที่เหล่าราชันพิภพทั่วไปเช่นราชันพิภพนักสู้ที่แท้จริง
พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าชมจากบนเรือจิตวิญญาณและนี่ยังเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเหล่าราชันพิภพเท่านั้น
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับชมบนท้องนภา
มิฉะนั้นนภาเหนือแท่นผนึกเทวะมันคงเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนแล้ว
นอกเหนือจากราชันพิภพ
เหล่าตัวตนชนชั้นกึ่งราชันพิภพและชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิสามารถนั่งรับชมในพื้นที่ส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้เท่านั้น.
บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหย่อหยิ่ง
และยังเป็นผู้ปกครองในอาณาเขตของตนด้วย แต่ตอนนี้
เมื่อพวกเขาเห็นเขี้ยวมังกรกับหลินหมิง พวกเขากับเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง
กระแสกาลเวลาชะล้างสิ่งเก่าและนำมาซึ่งสิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า
ดังคำกล่าวคลื่นลูกหลังย่อมแรงกว่าคลื่นลูกหน้า ความสำเร็จในอนาคตของทั้งสอง
มันยากที่จะจินตนาการถึงจริงๆ .
“เหลือเชื่อ! สองคนนี้นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะไร้เปรียบในรุ่นของพวกเขาแล้ว
ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าใครจะแข็งแกร่งมากกว่ากัน”
“อืม! เขี้ยวมังกรนั้นยอดเยี่ยม แต่หลินหมิงเองก็โดดเด่นเช่นกัน
เพียงแค่เทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด เขากับสามารถใล่ตามเขี้ยวมังกรได้ไกลขนาดนี้
มันไม่ง่ายเลย”
หลายคนคิดว่าหลินหมิงย่อมถูกเขี้ยวมังกรทิ้งไว้ข้างหลังอย่างช้าๆ
แต่หลินหมิงกับปีนขึ้นไปถึง 10,000ฟุตโดยไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
…………….
วิ้ว วิ้ว วิ้ว
เสียงลมพัดโหมกระหน่ำ
.
เฮ เฮ เฮ
พร้อมกับเชียรเชียร์ดังกระหึ่ม
.
แท่นผนึกเทวะสูงนับ3.3ล้านฟุตตั้งตระหง่านสูงสุดในพิภพ
เมื่อหลินหมิงกับเขี้ยวมังกรปีนขึ้นไป
ร่างกายของพวกเขาดูราวกับมดตัวน้อยสองตัวกำลังไต่ขึ้นไปบนยอด
มันดูธรรมดาและเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริง
ในอนาคต.......พวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักที่รองรับอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดในพิภพเทวะ !
10,000 ฟุต…
20,000 ฟุต…
30,000 ฟุต…
หลินหมิงปีนสูงขึ้นสูงขึ้นจนเกือบจะตามเขี้ยวมังกรทัน
!
ยิ่งสูงแรงกดดันยิ่งมาก !
สูดดด....
“แท่นผนึกเทวะนี้ช่างดูยิ่งใหญ่อลังการนัก
ทุกร่องรอยบนแผ่นหินกับเต็มไปด้วย กฎ อันยิ่งใหญ่.”
หลินหมิงผ่อนลมหายใจ
ทุกลมหายใจยาวและลึก เขาหายใจเข้าเหมือนอสรพิษ หายใจออกดั่งลูกศร
แต่ละลมหายใจเท่ากับ100การหายใจปกติของมนุษย์สามัญ.
ที่มากกว่านั้น
มนุษย์สามัญทั่วไปหายใจเอาอากาศเข้า
แต่หลินหมิงกับหายใจเอาพลังงานจากสวรรค์และปฐพีเข้า !.
แรงกดดันดั่งน้ำตกโหมกระหน่ำ
มันไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ แต่หลินหมิงกับรู้สึกว่า
บริเวณโดยรอบตัวเขามันเต็มไปด้วย กฎ โกลาหล .
อำนาจจาก กฎ โกลาหล
นี้มันดูไม่สม่ำเสมอไม่มีกฎตายตัว มันแตกต่างจาก กฏต่างๆที่หลินหมิงเคยเข้าใจ.
ถ้าหลินหมิงไม่ใช้ กฎ
ที่เขาเข้าใจต้านทาน กฎ โกลาหล รอบๆตัว เขาคงถูก กฎ โกลาหลบดขยี้และผลักเขาตกลงมาแล้ว.
ทุกย่างก้าวมันเต็มไปด้วยความยากลำบาก.
หนึ่งก้าวเสมือนปีนหน้าผา
หนึ่งก้าวเสมือนเหยียบลงไปในโคลน หนึ่งก้าวเสมือนตกลงไปในสายธารเชี่ยวกราด.
บางครั้งแรงโน้มถ่วงมหาศาลยังพุ่งมาหาเขา
มันทำให้หลินหมิงรู้สึกราวกับแขนของเขาจะขาด
ถ้าไม่ใช่หลินหมิงแต่เป็นนักสู้ทั่วไปที่ไม่มีร่างกายและแก่นแท้ลมปราณที่หนาแน่น
คลื่นแรงโน้มถ่วงนี้คงผลักพวกเขาตกลงจากหน้าผาไปแล้ว
บางครั้ง พลังงานจาก
กฎ โกลาหล ยังโจมตีจิตวิญญาณของหลินหมิงโดยตรง และพลังงานจาก กฎโกลาหลนี้มันยังมีความรุ่นแรงพอๆกับการโจมตีจิตวิญญาณจากเทพสมุทรขั้นปลายอีกด้วย
ในยามปกติหลินหมิงย่อมหลีกเลี่ยงการโจมตีประเภทนี้ได้
แต่ในยามนี้ขณะที่เขายังปีนขึ้นไปชั้น32
นอกจากความแข็งแกร่งจำนวนมากที่เขาต้องใช้ไป
หลินหมิงรู้สึกว่ามันยากที่จะต่อต้านการโจมตีนี้ .
ฮู..... !
หลินหมิงถอนหายใจยาว
เขาปีนขึ้นไปได้เพียง30,000ฟุตเท่านั้น
มันยังมีระยะทางอีก60,000ฟุตที่เขาต้องปีน!
ตามระยะทางนี้
หลินหมิงมั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหาใดที่จะปีนขึ้นไปยังชั้นที่32
แต่ชั้น32มันไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของหลินหมิง !
เขาต้องการจะปีนให้ถึงชั้น33
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันนี้ เขาคงทำได้แค่คลานไปยังชั้น33ในไม่กี่พันฟุตก่อนที่จะถูกผลักตกลงมา !
แท่นผนึกเทวะเป็นที่รู้จักในฐานะสนามทดสอบการต่อสู้ของพิภพนักสู้แท้จริง
และยังเป็นที่สนามทดสอบคุณสมบัติขั้นสูงสุดของเหล่านักสู้อีกด้วย
หลายปีที่ผ่านมาราชันสวรรค์เอกอนันต์ผู้หล่อหลอมแท่นผนึกเทวะขึ้นมา และ
ใช้มันเป็นอาวุธนักบุญขั้นสุดที่มีจิตวิญญาณ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุด
แน่นอนเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่อย่างใด
ที่มากกว่านั้น
เหล่าศิษย์ราชันสวรรค์ที่เคยปีนแท่นผนึกเทวะมาก่อนในเวลานั้น
พวกเขาล้วนอยู่ในระดับบ่มเพาะขั้นเทพสมุทรช่วงปลาย แต่หลินหมิงนั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด
!.
สำหรับหลินหมิงเอง
เขานั้นไม่ได้หวังว่าจะปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดชั้น33
เขาเพียงแค่อยากปีนขึ้นไปให้ไกลที่สุด ขุดศักยภาพและผลักดันขีดจำกัดของตัวเองให้ถึงขีดสุด
!
หลินหมิงหันไปมองเขี้ยวมังกร
ในขณะที่เขี้ยวมังกรปีนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
ทั้งคู่ปีนขึ้นไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน.
ยามนี้รูม่านตาของเขี้ยวมังเล็กลงราวกับจุดเข็ม
ในขณะที่มีอักขระแปลกมากมายรอบๆตาดำ.
“อักขระเหล่านั้น
มัน…”
ความคิดของหลินหมิงสั่นคลอน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นอักขระเหล่านี้.
ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะยังไม่เข้าใจความลึกลับเบื้องหลังอักขระเหล่านี้
แต่สิ่งที่เขาแน่ใจก็คือ เขี้ยวมังกรตระหนักถึง กฎ
โกลาหลโดยรอบมากขึ้นเพราะอักขระรอบดวงตาดำเหล่านี้ ดังนั้นเขี้ยวมังกรจึงต้านทาน
พลังงานจาก กฎ โกลาหลรอบๆตัวเขาน้อยกว่า พลังงานจาก กฎ โกลาหลที่หลินหมิงต้องทน !.
ในขณะเดียวกัน
เขี้ยวมังกรสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากหลินหมิงและหันมามอง
รูม่านตาแปรผันของเขาเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบ
ราวกับว่าเขาสามารถมองผ่านทะลุถึงหัวใจ !
เขี้ยวมังกรเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปีนขึ้นไปต่อ.
แต่ในเวลานี้หลินหมิงเริ่มช้าลง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและตั้งสมาธิรวบรวมความคิด.
หลับตาและทำสมาธิ !
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่หลินหมิงสัมผัสกับแท่นผนึกเทวะ
เขารับรู้ได้ถึงเศษเสี้ยวแนวคิดจาก กฎ โกลาหล - เศษเสี้ยวแนวคิดจากสวรรค์33ชั้น!
เศษเสี้ยวแนวคิด จากกฎ โกลาหลบนแท่นผนึกเทวะนี้
ผู้อื่นอาจจะไม่ได้รับรู้แต่หลินหมิงกับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน !.
สวรรค์ชั้น33คือ ?
หลินหมิงไม่สามารถกล่าวได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร แต่ที่เขาแน่ใจมันไม่ใช่แค่ตำนานหรือคำโกหกแน่นอน !
.
นั้นเพราะหลินหมิงได้ก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาก่อน ซึ่งในนั้นมันยังมี กฎ เต๋าอันยิ่งใหญ่รวมอยู่ด้วย
.
“ดูนั่น! หลินหมิงไม่ขยับแล้ว !”
ทุกคนสามารถมองเห็นหลินหมิงหยุดนิ่งในทันที
หลินหมิงสามารถติดตามความเร็วของเขี้ยวมังกรได้
แต่ตอนนี้เขากับนิ่งเฉยและถูกเขี้ยวมังกรทิ้งห่างออกไป .
“เขาคงพักผ่อนกระมัง ดูเหมือนเขาหมดแรง?”
บนแท่นผนึกเทวะ
เหล่านักสู้ไม่อนุญาตให้ลอยตัวขึ้นไป ในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่านักสู้เปรียบเสมือนมนุษย์ธรรมดากำลังปีนเขา
เมื่อหมดแรงพวกเขาจำเป็นต้องพักเพื่อฟื้นกำลังก่อนจะไปต่อ
“การพักผ่อนนับเป็นเรื่องดี
มิเช่นนั้นหากเขาเผาผลาญลมปราณแท้จนหมด เขาจะถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ.”
“ดูเหมือนเขี้ยวมังกรจะสามารถปีนขึ้นไปชั้น32ได้อย่างราบรื่น
แต่สำหรับหลินหมิง เขาอาจจะรู้สึกว่ามันยากเกินไป
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกกำจัดออกไป มันก็ดีมากแล้ว
อย่าลืมว่าเขานั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุดเท่านั้น !”
ณ หน้าผาระหว่างชั้น31กับชั้น32
หลินหมิงหยุดนิ่งอยู่ที่ความสูง 35,000 ฟุต ที่ความสูงระดับนี้
หากเขาจะถูกกำจัดออกในทันที มันคงไม่มีใครดูถูกเขา
เพราะมันไม่มีใครในที่นี้มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนี้ได้ !
ในอดึตยามแท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นสนามประลองการต่อสู้ในพิภพนักสู้ที่แท้จริง
มันมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนถูกกำจัดออกไปก่อนจะถึงชั้น32 !
“เขาทำได้ดีมากแล้ว
ในช่วงต้นเขาสามารถเอาชนะโยวซูจินได้และปีนขึ้นไปถึง35,000ฟุต ถ้าเขาพักผ่อนเอาแรงเพิ่มและปีนต่อไปได้อีกซัก2ถึง3พันฟุต เขาน่าจะพอใจในความสำเร็จของเขาแล้ว!”
เขี้ยวมังกรปีนขึ้นไปได้45,000ฟุตแล้ว
ในขณะที่หลินหมิงยังอยู่ที่35,000ฟุต.
ระหว่างชั้น31กับชั้น32
แม้แต่เขี้ยวมังกรยังต้องปีนขึ้นไปช้าๆ เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการปีนขึ้นไป10,000ฟุต.
หลินหมิงจมอยู่ในสมาธิครึ่งชั่วโมงแล้ว.
“เขายังพักอยู่หรือไม่
?
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เขายังต้องรับแรงกดดันอยู่ตลอดเวลามิใช่รึ
หรือเขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับแขน?”
“หรือเขาจะหมดสติไปแล้ว แต่ที่เขายังไม่ถูกกำจัดออกมันอาจจะเป็นความแข็งแกร่งเฮือกสุดท้ายของเขาที่ยังฝืนทนไว้…?”
“ศิษย์พี่หลิน...อดทนไว้
!”
“ศิษย์พี่หลินพยายามเข้า
อย่ายอมแพ้ !”
ศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างร่ำร้องและส่งเสียงเชียร์หลินหมิง.
ปัง !
ขณะที่พวกเขาตะโกนเชียร์หลินหมิง
ในที่สุดเกราะลมปราณแท้ของหลินหมิงไม่อาจต้านได้ไหวอีกต่อไป มันถูกพลังจาก กฎ
โกลาหลฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ถึงกระนั้นหลินหมิงยังคงไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้.
เปรียะ เปรียะ !
พลังจากกฎโกลาหลกดทับร่างกายของหลินหมิงในทันที
! หน้าผากของเขาเริ่มเต็มไปด้วยเลือด
!.
ถึงแม้หลินหมิงจะเปิดประตูแห่งการมองเห็นและหลอมรวมกับกระดูกมังกรจักรพรรดิมาก่อน
มันทำให้ร่างกายและผิวหนังของเขามีพลังป้องกันถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
แต่ในยามนี้เขาต้องเผาผลาญลมปราณแท้และใช้ความแข็งแกร่งทางกายไปมากมาย
และยังเป็นสถานการณ์ที่เขายังไม่ได้เปิดใช้กระดูกมังกรจักรพรรดิและประตูแห่งการมองด้วย
เนื่องจากเขายังอยู่ในสมาธิ นี่ถ้าเป็นเทพสมุทรขั้นปลายอยู่ในสถานการณ์เดียวกันพวกเขาย่อมได้รับเจ็บมากกว่านี้แน่นอน
“อ้า...ศิษย์พี่หลิน
!”
เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างเริ่มกรีดร้อง
หลังจากเกราะลมปราณแท้หลินหมิงแตก เขาไม่ได้เรียกใช้การป้องกันใดใดเลย !
“ศิษย์พี่หลิน
ระวัง !”
ถึงแม้เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณจะพยายามร้องบอก
แต่พลังงานจาก กฎ โกลาหลยังคงกดทับและพุ่งเข้าหาหลินหมิง !
หากไม่มีการป้องกันใดใด
หลินหมิงจะต้องทนต่อผลกระทบจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง !
กึก กึก แควก !
ร่างหลินหมิงสั่นไหว เสื้อผ้าบนหลังเขาถูกฉีกขาด
ผิวของเขาปริแตกพร้อมกับโลหิตไหลริน
“พี่หลิน
!”
ฉินชิงเฉวียนร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อมองเห็นฉากนี้
ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นหลินหมิงหรือเขี้ยวมังกร
พวกเขาทั้งสองต่างสร้างเกราะลมปราณแท้ป้องกันพลังงานโกลหลรอบๆตัวไว้อยู่ตลอด
ในขณะที่พลังงานโกลาหลกดทับลงมายังพวกเขาทั้งสองเกราะลมปราณแท้จะทำการป้องกันตลอดเวลา
แต่มันยังจำเป็นต้องให้เจ้าของร่างกายถ่ายเทลมปราณแท้ประคองเกราะป้องกันอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน
แต่บัดนี้หลินดูราวกับหมดสติ
เกราะลมปราณแท้ของเขาขาดการหล่อเลี้ยงจากลมปราณแท้มันจึงทำให้เกราะลมปราณแท้พังทลาย
ดังนั้นร่างเนื้อของเขาจึงต้องทนต่อการโจมตีจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง
หากมันเป็นเพียงนักสู้ทั่วไปร่างของพวกเขาคงถูกทำลายสลายไปแล้ว !.
“หลินหมิงหมดสติจริงๆ !”
“มันต้องมีข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง
เขาจะทนต่อการโจมตีขนาดนี้ได้ยังไงหากเขาหมดสติ
ขาทั้งสองของเขายังตั้งตรงไม่มีวี่แววว่าจะล้มเลย ?”
ในสายตาของเหล่าผู้ชม
หากหมินหมิงหมดสติจริงๆ เขาย่อมถูกกำจัดออกไปแล้ว.
BY nsn
Chapter 1252 – ร่างพิเศษของเขี้ยวมังกร
ท่ามกลางทะเลเมฆที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
ภูเขาสูงหลายหมื่นฟุตล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
บนภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีดอกไม้สดใสนานาพันธุ์
ยังมีน้ำตกที่ไหลหล่นจากยอดเขาแต่ละลูกที่ดูราวกับผ้าไหมหิมะทอดยาวนับหลายแสนฟุต
โปรยปรายในก้อนเมฆก่อนที่จะลับหายไปจากสายตา
ท่ามกลางภูเขาบนท้องฟ้าเหล่านี้
มันยังมีมิติแยกออกจากกันอีกชั้นหนึ่ง ในมิติแยกนี้มันเต็มไปด้วยทะเลสาปขนาดใหญ่ส่องแสงราวกับเพชร
ปลากระโดดเล่นน้ำท่ามกลางทะเลสาบ พร้อมกับดอกบัวบานสะพรั่งดูงดงานไร้ที่ติ
นกวิญญาณนานาชนิด ขับร้องบินอยู่เต็มท้องฟ้าตัดกับสายรุ้งดูงดงามและเป็นมงคลราวกับความอมตะ.
ด้านหน้าทะเลสาบอมตะมีบ้านไม้ไผ่หลังหนึ่งตั้งอยู่ บ้านไม้ไผ่ดูเรียบง่ายและธรรมดามาก
หากอยู่ใกล้ยังได้กลิ่นความสดจากต้นไผ่ลอยมา .
แสงแดดสาดส่องต้องกระทบเรือนไม้ไผ่
ในขณะที่ตอนนี้ประตูเรือนไม้ไผ่เปิดออก พร้อมกับหญิงสาวอายุราว20ปีเดินออกมา
ในมือเธอถือไว้ด้วยถังสำหรับรดน้ำต้นไม้ หญิงสาวนางนี้ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดา กระนั้นกลิ่นอายที่เปล่งออกมาจากร่างกายเธอจากศีรษะจรดเท้า
กับดูศักดิ์สิทธิถึงศักดิ์สิทธิที่สุด
ขณะที่เธอเดินผ่านเหล่าดอกไม้อย่างไม่ตั้งใจ
แสงระยิบระยับนับหมื่นสายดูราวกับริบบิ้นเปล่งประกายออกมาจากร่างกายเธอ
ในขณะที่รูปร่างหน้าตาของเธอปกคลุมไปด้วยหมอกจางๆ ทำให้มองใบหน้าของเธอไม่ชัดเจน
อีกทั้งมันยังมีกลิ่นอายโบราณปกคลุมอยู่รอบๆตัวเธอ ทำให้แม้จะมองเห็นเธอแต่มันเหมือนกับเธอไม่อยู่ที่นี่ในเวลาเดียวกัน
.
ระหว่างที่เธอเดินผ่าน
เหล่าดอกไม้ยังโน้มตัวเข้าหาเธอ
ไม่เว้นแม้แต่เหล่านกวิญญาณที่กำลังบินวนอยู่รอบๆตัวเธอพร้อมกับเสียงร้องเจื้อยแจ๋วของพวกมัน.
หญิงสาวเดินทางถึงแถวของดอกไม้ก่อนที่จะเริ่มรดน้ำลงไป
.
น้ำในกระบวยรดน้ำนี่ไม่ใช่น้ำธรรมดา
มันเป็นถึงน้ำทิพย์อมตะจากฤดูใบไม้ผลิ สำหรับเหล่านักปรุงยาชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิ
น้ำทิพย์นี่ประเมินค่าไม่ได้.
แต่ในตอนนี้
มันกับถูกหญิงสาวนำมาเพียงแค่รดน้ำต้นไม้ .
ดอกไม้เหล่านี้ยังไม่ธรรมดาเช่นกัน
พวกมันถือเป็นสมบัติสวรรค์ที่แม้แต่ราชันพิภพยังต้องอิจฉา
แต่ที่นี่พวกมันเป็นเพียงดอกไม้สวยงามที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น
แน่นอนในด้านความงดงามดอกไม้ที่นับได้ว่าเป็นสมบัติสวรรค์ย่อมงดงามหาใดเปรียบได้อยู่แล้ว.
จ๋อม จ๋อม !
ในเวลานี้ปรากฏปลาสีแดงตัวน้อยสองตัวกระโดดลอยตัวไปบนท้องฟ้าก่อนจะกลายเป็นหญิงสาวสองคนลอยตัวบนท้องฟ้า
.
หญิงสาวทั้งสองดูอายุ16-17ปี
ร่างกายของพวกเธอห่อหุ้มไปด้วยสายน้ำไหล
ยอดปทุมถันทั้งคู่ดูรามกับดอกบัวตูมเต็มที่ ต้นขาเรียวยาว สะโพกกลมมนดูได้รูป
ราวกับประติมากรรม.
กลิ่นอายของหญิงสาวทั้งสองดูบริสุทธิ์และอ่อนเยาว์อย่างมาก
มันดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ความงามและความสง่าของทั้งสองยากที่จะหามนุษย์คนใดเทียบได้
พวกเธอทั้งสองมาจากเผ่าสัตว์ประหลาด
ปลาในทะเลสาปอมตะเหล่านี้ไม่ใช่ปลาธรรมดา แต่พวกมันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้
ถ้าพวกเธอคนใดใคนหนึ่งก้าวเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่
พวกเธอคงถูกนับให้เป็นเช่นธิดาของสวรรค์ที่อาจจะทำให้ทั้งพิภพตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม
พวกมันกลับเป็นเพียงปลาในทะเลสาบอมตะแห่งนี้ พวกมันใช้ชีวิตเรียบง่าย ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์.
“นายหญิง
.... ราชันสวรรค์เอกอนันต์ต้องการพบท่าน .”
หญิงสาวทั้งสองกล่าว.
“อืม…”
หญิงสาวชุดขาวกล่าวตอบเสียงแผ่วเบาก่อนจะยืดตัวตรง.
จ๋อม จ๋อม .
หญิงสาวทั้งสองกับกลายเป็นปลาสีแดงเช่นเดิมก่อนจะกลับลงทะเลสาปอมตะว่ายวนไปมาระหว่างใบบัว
ในเวลาเดียวกันความว่างเปล่าโดยรอบสั่นสะเทือน
ในเวลาเพียงชั่วพริบตาผลึกปริซึ่มหกด้านปรากฎออกมาลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า .
“ฝันเทวะ!”
ผลึกปริซึ่มหกด้านเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นใบหน้าโลหะ
ก่อนที่จะกล่าว.
บนดินแดนศักดิ์สิทธิอันกว้างใหญ่มหาศาล
มันเป็นเรื่องยากที่เหล่าราชันสวรรค์จะได้พบเจอกัน
ส่วนใหญ่ปลีกตัวเข้าสู่ความสัญโดด บ้างกลับไปบ้านเกิด
เมื่อพวกเขาบรรลุถึงระดับชั้นเช่นนี้แล้ว
มันมีเรื่องเล็กน้อยมากที่พวกเขาจะให้ความสนใจ.
สำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนศักดิ์สิทธิ
พวกเขาส่วนใหญ่จะกระหายในการต่อสู้
การประลองครั้งแรกของณาจักรสวรรค์จึงเสมือนเวทีที่พวกเขาจะได้รุ่งโรจน์ และ
แข่งขันกันในรุ่นของพวกเขา ดังนั้นหากผู้ใดได้รับเลือกหรือได้รับชัยชนะ
ทั้งหมดเหล่านี้มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียง เกียรติยศ. แต่สำหรับเหล่าราชันสวรรค์การต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่นับว่าเป็นอันใดได้
บนพิภพเทวะหรือดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมด
มันต้องใช้เวลากี่หมื่นปีถึงจะให้กำเนิกราชันสวรรค์ได้ ? แม้แต่ผู้ที่ได้รับอันดับที่1บนตราประทับสวรรค์
พวกเขายังแทบจะไม่มีโอกาสกลายเป็นราชันสวรรค์ !
หากผู้ใดไม่สามารถเป็นราชันสวรรค์ได้ ความแข็งแกร่งคงจบลงที่มหาราชันพิภพเท่านั้น. และนั้นยังเป็นระดับที่ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากราชันสวรรค์ไได้
ดังนั้นการประลองต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์จึงถูกดำเนินการโดยศิษย์ของพวกเขา
สำหรับตัวตนเช่นพวกเขาทำเพียงแค่เอ่ยปาก .
และนี่คือสิ่งที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กระทำ
ศิษย์ของเขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะส่งเสียงไปถึงสิ่งมีชีวิตทั้งสี่พันล้านในพิภพนักสู้ที่แท้จริง
ถ้าหากศิษย์ของเขามีความสามารถมากพอ เขานั้นคงไม่ปรากฎตัวหรือแม้แต่จะเอ่ยปาก
แต่ในยามนี้ราชันสวรรค์เอกอนันต์ถึงขนาดฉายภาพจากสัมผัสศักดิ์สิทธิไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิของราชันสวรรค์ฝันเทวะ มันย่อมต้องมีเรื่องอันใดเป็นพิเศษแน่
หญิงสาวชุดขาววางกระบวยน้ำก่อนที่จะหันขึ้นไปมองภาพฉายบนท้องนภาของราชันสวรรค์เอกอนันต์
รอฟังเหตุผลที่เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิมาถึงที่นี่
หากสังเกตให้ชัดจะมองเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผิวพรรณดูอ่อนนุ่มราวกับหยกเหลว
แต่ถึงแม้จะมองเห็นเธอยืนอยู่ มันกลับให้ความรู้สึกราวกับเธอไม่มีตัวตน .
“ฝันเทวะ...ถ้าข้าจำไม่ผิดผู้สืบทอดรุ่นที่3ของชายแก่สามภพปรากฎตัวแล้ว.”
ราชันสวรรค์ไม่ได้กล่าววาจาอ้อมค้อม
เปิดประเด็นในทันที.
“ผู้สืบททอดรุ่นที่3ของตาแก่สามภพ…”
หญิงชุดขาวพึมพำเสียงเบาขณะครุ่นคิดถึงชายแก่สามภพ
ชายแก่สามภพผู้นี้เป็นผู้อาวุโสของเธอและราชันสวรรค์เอกอนันต์
ในอดีตเมื่อเธอเริ่มก้าวเดินเข้าสู่เส้นทางต่อสู้ ชายแก่สามภพผู้นี้ก็เป็นราชันสวรรค์แล้ว!
“300ล้านปี” หญิงสาวชุดขาวพึมพำ ในช่วงเวลานี้ราวกับเธอกำลังย้อนคิดไปถึงอดีตที่ยาวนานกว่า300ล้านปี
!
“ใช่!300ล้านปี ! ข้ากลัวว่าชายแก่สามภพจะติดอยู่ในภาวะชะงักงันอย่างน้อย200ล้านปี
! ตั้งแต่ชายแก่สามภพตื่นขึ้นและยังพบผู้สืบทอดของเขาอีกด้วย ข้าเชื่อว่าเขาน่าจะมีรางสังหรณ์เกี่ยวกับอนาคต...”
ในขณะที่ราชันสวรรค์กล่าวบอกเกี่ยวกับความคิดของตน
ภาพฉายโลหะบนนนภาเริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นผู้เยาว์คนหนึ่งในชุดคลุมสีดำ
ชายหนุ่มผู้นี้ถือดาบเขี้ยวมังกรไว้บนบ่า -เขาคือเขี้ยวมังกร
“มันเป็นเค้ารึ
?”
“ใช่
ชายคนนี้มีชื่อพยางเดียวคือ ฝาง แต่นามแฝงของเขาคือเขี้ยวมังกร
ข้าได้ให้ศิษย์ของข้าตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเขาแล้ว
ในช่วงเริ่มต้นการแข่งขันรอบคัดเลือก เขาไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมายนัก
บางทีมันอาจจะยังไม่ถึงเวลาหรือเขาอาจจะเก็บออมกำลังไว้ และยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างคือเขาประสพโชคจากดินแดนศักดิ์สิทธิฝันเทวะของเจ้า
ตัวอย่างเช่นเขาประสพกับแหล่งจิตวิญญาณหลักของตาแก่สามภพ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก!”
“แหล่งจิตวิญญาณหลักของตาแก่สามภพ
!”
สีหน้าหญิงสาวเริ่มเปลี่ยนไป
ศิษย์ตาแก่สามภพ นั้นไม่ใช่ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพหรอกรึ !
นี่เป็นทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดที่มีความพิเศษของราชันสวรรค์สามภพ
เพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจมันไม่ใช่แค่มีทักษะอย่างเดียวมันยังต้องมีร่างกายที่พิเศษอีกด้วย
.
ร่างกายนี้จะปรากฏเฉพาะในสายตระกูลเดียวเท่านั้น
มันจะถูกส่งต่อผ่านรุ่นต่อรุ่นและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ดังนั้นการเข้าใจในทักษะศักดิ์สิทธิสามภพนี้จึงยากมาก
อีกทั้งมันยังต้องมีคำแนะนำส่วนตัวจากราชันสวรรค์สามภพด้วย
เพียงแค่หยกบันทึกทักษะมันยังไม่เพียงพอ.
จากจุดเริ่มต้นการทำความเข้าใจในทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดสามภพ
หากผู้ใดไม่สามารถเปิดใช้ได้อย่างสมบูรณ์
เขาเหล่านั้นล้วนถูกระงับความแข็งแกร่งไว้
ทำให้พวกเขาจะดูคล้ายกับอัจฉริยะธรรมดาทั่วไปในรุ่นของพวกเขา
แต่หากเปิดใช้ทักษะได้ พวกเขาย่อมแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับที่น่ากลัว !
ในพิภพเทวะนี้มันมีเพียงบางสิ่งที่ทำให้หน้าหญิงสาวชุดขาวเปลี่ยนไปได้
และทักษะศักดิ์สิทธิสามภพเป็นหนึ่งในนั้น !.
“จากสิ่งที่ข้ารู้
เขี้ยวมังกรอายุโครงกระดูกอยู่ที่36ปี
และระดับบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ขั้นเทพสมุทรช่วงปลายขั้นสุด
การเปิดใช้ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพ.ในวัยเพียง36ปีมันช่างน่าประทับใจจริงๆ
ข้าแน่ใจว่าเขาจะได้อันดับที่ดีในตราประทับสวรรค์ แต่น่าเสียดายที่เขาดูเหมือนจะเพิ่งเปิดใช้ทักษะศักดิ์สิทธิสามภพ
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังของมันได้เต็มที่
ข้ากลัวว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะราชินีน้ำแข็งมายาและคนอื่นๆได้ “.
“เฮ้อ !”ราชันสวรรค์เอกอนันต์ถอนหายใจ เมื่อเปรียบทียบอายุขัยของตนที่ยืนยาวเหลือล้นกับฝางที่มีอายุไขกระดูกเพียงแค่36ปี
มันเป็นเวลาเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
ขณะที่ราชันสวรรค์เอกอนันต์กำลังกล่าว
หญิงสาวชุดขาวยังคงสังเกตภาพชายหนุ่มอีกคนข้างฝางอยู่
ชายหนุ่มผู้นี้มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆอย่างไม่มีเหตุผล.
“เขา
คือ…”
“อืม
ผู้เยาว์คนนี้ก็มีความพิเศษเช่นกัน เขาเป็นคนที่ขึ้นมาจากพิภพเบื้องล่าง
เขาน่าจะได้รับการสืบทอดมรดกจากราชันสวรรค์บรรพกาลที่เหลือทิ้งไว้
มันน่าจะเป็นเขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล!”
“เขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล ? เขาเป็นผู้สืบทอดราชันสวรรค์บรรพกาลรึ !” หญิงสาวชุดขาวกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
สำหรับเธอชื่อราชันสวรรค์บรรพกาลเป็นนามที่มีความหมายมากเกินไป เธอ
ราชันสวรรค์เอกอนันต์ และ ราชันสวรรค์บรรพกาล เป็นบุคคลในรุ่นเดียวกัน
พวกเขาทั้ง3ได้ชื่อว่ามีศักยภาพสูงสุดไม่มีใครเทียบในยุคนั้น
“ไม่
เขาได้เรียนรู้เพียงส่วนหนึ่งจากราชันสวรรค์บรรพกาล
ข้าเดาว่าเขาคงสะดุดกับโชคและค้นพบมรดกที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังของราชันสวรรค์บรรพกาล
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเขาจะไม่ผ่านการทดสอบที่ถูกทิ้งไว้
ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้รับมรดกที่แท้จริงไป ข้าไม่สามารถเรียกเขาได้ว่าผู้สืบทอด
เขาเป็นเพียงคนที่โชคดีเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของเขาด้อยกว่าฝางและศักยภาพของเขานั้นแย่กว่ามาก.”
ราชันสวรรค์เอกอนันต์คาดเดาจากเขตแดนแรกกำเนิดที่หลินหมิงเปิดเผยออกมาให้เห็น.
แต่เขายังคงคาดเดาได้ถูกต้องเช่นกัน
หลินหมิงได้รับสืบทอดมาเพียงส่วนหนึ่งจริงๆ.
อันที่จริง
เมื่อหลินหมิงก้าวเดินไปบนเส้นทางจักรพรรดิในอดีตที่ผ่านมา
เขายังคงเป็นเพียงนักสู้ระดับล่าง ระดับบ่มเพาะของเขายังไม่ถึงขั้นทำลายชีวิตด้วยซ้ำ
ศักยภาพของเขาด้อยกว่าตอนนี้มาก
ในเวลานั้นหากหลินหมิงไม่ผ่านการทดสอบจากราชันสวรรค์บรรพกาลยังนับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หลินหมิงนั้นมีศักยภาพมากกว่าหลายคนบนดินแดนศักดิ์สิทธิมาก.
“ก่อนที่เจ้าหนุ่มนี้จะผ่านการทดสอบจากราชันสวรรค์บรรพกาลได้อย่างสมบูรณ์
เขายังไม่ถือว่าเป็นผู้สืบทอดของราชันสวรรค์บรรพกาล
การทดสอบของราชันสวรรค์บรรพกาลมันจะง่ายดายได้อย่างไร? เราคงต้องรอดูว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไร”.
“คนที่เราควรกังวลควรจะเป็นฝาง
ความแข็งแกร่งของเขาแย่กว่าที่ควรจะเป็นเล็กน้อย
แต่สำหรับเขาที่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดสามภพด้วยวัยเพียง36ปี
นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าศักยภาพของเขามันน่ากลัวเพียงใด
ในอนาคตยามเมื่อภัยพิบัติใกล้เข้ามา
ฝางน่าจะเป็นหนึ่งในวีรบุรุษแห่งยุคได้อย่างแน่นอน สำหรับหลินหมิง
หากเขาเติบโตได้ดีและประสพโชคมากกว่านี้ เขายังสามารถเป็นผู้ช่วยที่สำคัญได้.”
เมื่อถึงยุดภัยพิบัติน่าจะมีหลายคนที่เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญ
ย้อนกลับไปในอดีตอันไกลโพ้น ราชันสวรรค์เอกอนันต์ไม่ใช่วีรบุรุษเพียงคนเดียวเท่านั้น
วูบ !.
หญิงสาวชุดขาวยังคงเงียบไม่ได้ตอบสนองใดใดต่อคำกล่าวของราชันสวรรค์เอกอนันต์
ก่อนที่เธอจะทำเพียงโบกมือเบาๆ
มิติว่างเปล่ารอบๆตัวเธอหายไปในพริบตาก่อนจะกลายมาเป็นภาพฉายแบบจำลองแท่นผนึกเทวะบนดาวคำสาปจันทรา
!
เฮ เฮ เฮ !
ภาพที่เห็นมันคือทะเลผู้คนหลายพันล้านคนกำลังโห่ร้องส่งเสียงเชียร์
พวกเขากำลังเพ่งมองไปที่เขี้ยวมังกรกับหลินหมิงที่กำลังปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะ
หญิงสาวชุดขาวลอยตัวอยู่เงียบๆบนนภา
เธอยืนอยู่ข้างๆปริซึมฉายภาพของราชันสวรรค์เอกอนันต์ พวกเขาทั้งสองกำลังเฝ้ามองหลินหมิงและเขี้ยวมังกรที่กำลังปีนขึ้นไปบนแท่นผนึกเทวะ
พร้อมกับกำลังเพ่งพิจารณาไปในเวลาเดียวกัน
หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่ามุมมองของทั้งสองนั้นอยู่ใกล้หลินหมิงกับเขี้ยวมังกรมาก.
ราชันสวรรค์เอกอนันต์ยิ้มแผ่วเบาก่อนจะกล่าว”ความสามารถของเจ้าช่างมีประโยชน์
เจ้าสามารถสร้างภาพฉายจากทักษะฝันเทวะให้กลายมาเป็นจริงใหม่ได้แทบจะในทันที ดี
ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาดูผู้สืบทอดของตาแก่สามภพกัน! ข้าอยากรู้ว่าเขาจะปีนขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน ?”
BY NSN