วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1251

 

Chapter 1251 – ปีนแท่นผนึกเทวะ

 

ตึก ! ตึก ! ตึก !

 

มันกับสามารถหลอมรวมกฎมิติเข้ากับดาบได้ เพียงแค่ใช้แรงสั่นสะเทือนจาก กฎมิติ มันกับทำลาย กฎแห่งลมของข้าได้ !”


หลังจากการโจมตีของยอดนักดาบประกายล้มเหลว เขาก้าวถอยห่างออกมาในทันที การโจมตีของเขี้ยวมังกรมันน่าตกตะลึงมากเกินไป ด้วยการโจมตีของเขาที่ผ่านมา เขาได้หลอมรวมกฎแห่งลมเข้ากับดาบ มันทำให้ความแข็งแกร่งของดาบทั้งหมดภายในพื้นทีรุนแรงมากยิ่งขึ้น อีกทั้งทักษะนี้มันยังดูคล้ายเขตแดนประเภทหนึ่ง !

 

ทักษะนี้ของยอดนักดาบประกายโลหิตยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้พื้นแท่นผนึกเทวะสั่นสะเทือน มันเป็นเพียงการสร้างปรากฎการณ์ที่คล้ายคลึงกันเล็กน้อย แต่มันก็ยังนับว่าน่าทึ่งพอแล้ว และ ยอดนักดาบประกายโลหิตยังใช้มันเอาชนะคู่ต่อสู้มากมายนับจากเวลาที่ผ่านมา

.

แต่ในยามนี้ ทักษะดังกล่าวกับถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย โดยเขี้ยวมังกร ความเข้าใจในกฎมิติของเขาช่างน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง

.

น่ากลัวเกินไปแล้ว ! ยอดนักดาบประกายโลหิตกำดาบในมือแน่น ตัวตนของเขี้ยวมังกรตรงหน้าทำให้เขาตระหนักถึงความอ่อนแอของตัวเอง อีกทั้งเขี้ยวมังกรผู้นี้ยังนับเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้าร่วมประลอง


 ควับ !

 

เขี้ยวมังกรยกดาบขึ้นอีกครั้ง !

.

ในขณะที่เขี้ยวมังกรยกดาบขึ้น ดาบของเขาปรากฏแสงเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวกันม่านตาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป มันปรากฎอักขระลึกลับมากมายนับไม่ถ้วนรอบรอบตาดำของเขา ดวงตาของเขาในยามนี้มันเต็มไปด้วยความลึกลับ และ ความมืดมิดไร้ขีดจำกัด นี่ทำให้ไม่มีใครสามารถมองตาของเขาได้โดยตรง !


นี่ คือ !?”


พิ้งงง !


เมื่อยอดนักดาบประกายโลหิตมองเข้าไปในดวงตาของเขี้ยวมังกร เขารู้สึกได้ทันทีว่า ร่างกายของเขาแข็งเกร็งและรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ในเวลาเดียวกันดาบของเขี้ยวมังกรถูกฟันออกมาอีกครั้งแล้ว !


อะไร!?”

 

ยอดนักดาบประกายโลหิตตกใจอย่างแท้จริง !

 

วิ้ง วิ้ง วิ้ง !

 

ภาพเงาสะท้องในความว่างเปล่า แบ่งออกเป็นแปดในพริบตา นี่คือความเข้าใจในกฎมิติระดับ 5!

 

 ระดับ5 กฎมิตินั้นขึ้นชื่อในด้านทำความเข้าใจได้ยากกว่ากฎธาตุใดใด ! แม้กระทั่งโยวซูจินยังทำได้เพียงแตะถึงแค่ธรณีประตูระดับ5เท่านั้น ภาพเงาสะท้อนเพียงแค่4ยังทำให้ผู้คนตกใจ แต่ตอนนี้เขี้ยวมังกรกับเข้าถึงกฎมิติระดับ5 แสดงภาพเงาสะท้อนถึง 8 !

 

เป็นไปได้ยังไง.....


ยอดนักดาบประกายโลหิตรู้สึกราวกับร่างกายถูกแช่แข็ง ในขณะที่เขี้ยวมังกรเปิดเผยความแข็งแกร่งออกมา นี่มันเกือบจะทำให้จิตแห่งดาบของเขาถูกทำลาย อีกทั้งมันยังทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน

 

ความแข็งแกร่งมันแตกต่างกันมากเกินไป !

 

ป้องกัน ต่อต้าน หรือการตอบโต้ใดใดช่างไร้ประโยชน์ !

 

คลื่นดาบทะลายดวงดาว !”


ถึงกระนั้นยอดนักดาบประกายโลหิตยังนับเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่ง เขากัดฟันพร้อมกับเปิดใช้ทักษะคลื่นดาบทะลายดวงดาวในทันที !  มันเป็นการโจมตีด้วยทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ในเวลานี้แสงดาวบนท้องฟ้าดูเหมือนจะรวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อนที่แสงเหล่านี้จะหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับสายธารแสงดาว

 

ปัง ปัง ปัง !

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสายธารแสงดาวปะทะกับการโจมตีของเขี้ยวมังกร มันกับถูกทำลายลงในพริบตาจากร่างเงาสะท้อนทั้ง8 !

 

  

 ฟุบ !


แปดร่างรวมเป็นหนึ่งก่อนที่จะปรากฏตัวด้านหลังยอดนักดาบประกายโลหิต ราวกับภูตผี  พร้อมกับใบมีดโค้งจากดาบเขี้ยวมังกรสัมผัสหลังของยอดนักดาบประกายโลหิต !.

 

เจ้าแพ้แล้ว !.”

 

เขี้ยวมังกรกล่าวเสียงเบา.

 

 ณ เวลาเดียวกันร่างกายของยอดนักดาบสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว ฝ่ามือและหลังของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ !

 

น่าหวาดเสียวยิ่งนัก !

 

นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ ยามที่เขี้ยวมังกรโจมตีเข้ามา ยอดนักดาบประกายโลหิตเผลอสบตากับเขี้ยวมังกร ในขณะนั้นม่านตาของเขาขยายขึ้น มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว

 

ไม่มีทางที่จะขัดขืน !


ติ้ง ติ้ง !

 

หยดเหงื่อตกลงสู่พื้น มันกลิ้งลงมาจากปลายนิ้วของยอดนักดาบประกายโลหิต ในส่วนของคลื่นพลังงานที่ยังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ มันกำลังถูกย่อยสลายโดยแรงกดดันที่มองไม่เห็นจากแท่นผนึกเทวะ ก่อนจะกลายเป็นหมอกและหายไปในที่สุด !

 

 

ยอดนักดาบประกายโลหิตยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้น

 

 

เช่นเดียวกับเหล่าผู้ชมหลายพันล้านคนที่ตกอยู่ในความเงียบโดยสิ้นเชิง !

 

ความแข็งแกร่งของเขี้ยวมังกรช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้ !

 

บนท้องฟ้าในเวลาไม่นานนัก เสี่ยวเต๋าจื่อ ลุกขึ้นแล้ว สายตาของของเพ่งมองไปที่เขี้ยวมังกร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

 

นี่ยังเป็นเพียงรอบรองชนะเลิศเท่านั้น แต่มันกับมีอัจฉริยะไร้ผู้ใดเทียบได้ปรากฏตัวออกมา ศักยภาพของเขี้ยวมังกรผู้นี้ช่างเหนือล้ำเกินบรรยายเสี่ยวเต๋าจื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นี่นับเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง

 

ข้าต้องแจ้งให้ศิษย์พี่เอกไพศาลทราบ แต่....มันยังมีแนวโน้มที่ศิษย์พี่น่าจะให้ความสนใจที่นี่แล้วเช่นกัน...

 

หลังจากความเงียบกินเวลาไปเพียงไม่นาน เสียงสนทนาเริ่่มปะทุ

.

เขี้ยวมังกรแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ถึงแม้ยอดนักดาบประกายโลหิตอาจจะดูด้อยกว่าโยวซูจินเล็กน้อย แต่เขายังนับเป็นอัจฉริยะจากดินแดนแสงศักดิ์สิทธิแห่งใหม่ จาก 100พิภพ อีกทั้งดินแดนแสงศักดิ์สิทธิแห่งใหม่ยังเป็นดินแดนที่มีราชันพิภพปกครองและยังอยู่ในพิภพอันดับ1อีกด้วย ถึงกระนั้นในตอนนี้ดูเหมือนยอดนักดาบประกายโลหิตจะไม่มีความมั่นใจมากพอจะเอาชนะเขี้ยวมังกรได้ !”

 

นี่ไม่สามารถตำหนิยอดนักดาบประกายโลหิตได้ เมื่อโดนการโจมตีจากร่างเงาสะท้อนทั้ง8 มันไม่อาจต้านทานได้อยู่แล้วและนั่นมันเป็นสองเท่าร่างเงาสะท้อนของโยวซูจินเชียวนะ!  อายุของเขายังน้อยอยู่เลย แต่เขากับเข้าถึงกฎมิติระดับห้าได้ นี่มันศักยภาพระดับยอดอัจฉริยะไร้ที่เปรียบแล้ว !”


กฎมิติมันเข้าถึงได้ยากกว่ากฎธาตุทั้ง5 แต่เมื่อเข้าถึงได้แล้ว มันย่อมเพิ่มความแข็งแกร่งได้มาก! มันยากที่จะบอกได้ถึงความสำเร็จในอนาคตของเขี้ยวมังกร แม้แต่เหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ทั่วไปยังเทียบกับเขาได้ยาก


เขี้ยวมังกรดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าหลินหมิงมาก !”


จักรวาลไร้ขอบเขต มันยังมีภูเขาสูงและสูงกว่า เช่นเดียวกับมันย่อมมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ นี่ไม่น่าแปลกใจอันใด ! หากสิ่งนี้เกิดกับเหล่าอัจฉริยะนับพันล้านชีวิตจากดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมด มันย่อมเป็นไปไม่ได้ การรวมตัวกันในการประลองครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ครั้งนี้มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ


การประลองในครั้งนี้ มันมีอัจฉริยะมากมายเหลือเกิน !


เขี้ยวมังกร เสี่ยวโม่เชี่ยน ราชันขาว ธิดาน้ำแข็งมายา หลินหมิง


เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา โยวซูจินถูกบดบังอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากอายุของหลินหมิง เขาจึงดูอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อยในหลายๆด้าน.


ณ ขณะนี้โยวซูจินยังคงยืนอยู่บนแท่นผนึกเทวะ การต่อสู้ของเขี้ยวมังกรกับยอดนักดาบประกายโลหิต เขาเองย่อมมองเห็นได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มอันน่าสังเวชปรากฏอยู่บนใบหน้าเขา


เขารู้ว่าเขี้ยวมังกรอายุน้อยกว่าเขาหลายปี แต่มันยังไม่ใช่แค่นั้น กฎมิติที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดกับอ่อนด้อยกว่าเขี้ยวมังกรอย่างชัดเจน !


หนึ่งในการโจมตีอันยิ่งใหญ่ที่ส่งผลต่อความคิดของตัวเอง นั้นคือการเอาชนะได้อย่างสมบูรณ์แบบในสิ่งที่ตัวเองถนัดและภาคภูมิใจ การแข่งขันบนแท่นผนึกเทวะในครั้งนี้ มันสร้างรอยร้าวอย่างมากบนจิตใจของโยวซูจิน และนี่จะส่งผลต่อความมั่นใจในอนาคตของเขาอีกด้วย !


สุดยอด !”


เยี่ยม !”


เขี้ยวมังกร !.


เขี้ยวมังกร !.

 

 

ในเวลาเดียวกันเสียงตะโกนดังสนั่นทั่วอัศจรรย์ผู้ชม หลังจากเงียบหายไปไม่นาน !

 

 

 ทุกคนต่างขานชื่อเขี้ยวมังกร ทั่วทั้งอัศจรรย์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความบ้าคลั่ง !

 

แข็งแกร่งมาก! บางทีในการประลองครั้งนี้ เขี้ยวมังกรอาจจะได้ต่อสู้กับเสี่ยวเชี่ยนและคนอื่นๆได้


ใช่แล้ว ในรอบรองชนะเลิศบนดาวคำสาปจันทรา เขี้ยวมังกรแข็งแกร่งที่สุด ในยามนี้เขาได้แสดงความเข้าในในกฎมิติถึงระดับห้าและเอาชนะยอดนักดาบประกายโลหิตลงได้อย่างง่ายดาย และนี่ดูเหมือนเขายังไม่ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ใครกล้ากล่าวว่าเขาไม่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดของตัวเองเล่า?!”


เมื่อกล่าวถึงทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด สามอันดับแรกบนตราประทับเทพ ย่อมมีอยู่ในครอบครองแน่นอน และเขี้ยวมังกรย่อมเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน ! อย่างไรก็ตามมันยังไม่แน่ว่าเขาจะเอาชนะบุตรหลานราชันสวรรค์ได้ ในระดับเช่นเสี่ยวโม่เชี่ยนเรายังไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งมาก่อน แต่สำหรับหลินหมิง แม้ศักยภาพของเขาจะสูงมาก แต่ความแข็งแกร่งของเขายังขาดอยู่ มันไม่น่าจะเป็นปัญหาหากเขาจะติด1ใน10อันดับบนตราประทับเทพ แต่การไปถึง10อันดับตราประทับสวรรค์นั้นมันยังยากเกินไป  !”


ในอนาคตเขี้ยวมังกรกับหลินหมิงจะกลายเป็นมหาราชันพิภพได้อย่างแน่นอน สองมหาราชันพิภพในอนาคตทั้งสองมารวมตัวกันที่นี่ ช่างเป็นเรื่องที่ผิดปกติเสียนี่กระไร !?”


ผู้คนหลายพันล้านต่างสนทนากันอย่างเมามันส์ ณ เผ่าฟินิกซ์โบราณ นางฟ้า เฟิง หัวใจเต้นรัว ผู้เยาว์เหล่านี้น่ากลัวเกินไปแล้ว !


เขาแข็งแกร่งจริงๆหลินหมิงกล่าวในใจในขณะที่เขามองไปทางเขี้ยวมังกร แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดในการต่อสู้กับโยวซูจิน แต่เขาก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขี้ยวมังกรยังเก็บซ่อนความแข็งแกร่งไว้มากขนาดไหนเช่นกัน ?


ยอดนักดาบประกายโลหิตยังไม่มีคุณสมบัติมากพอให้เขี้ยวมังกรเปิดเผยความแข็งแกร่งทั้งหมด .


ในความคิดของหลินหมิง เขี้ยวมังกรดูลึกลับมาก อีกทั้งเขายังเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง !


เขี้ยวมังกรผู้นี้ประสบโชคมามากขนาดไหน.


……………….



ผู้เยาว์เหล่านี้…”


พระราชวังสวรรค์ ราชันพิภพเอกไพศาลลูบหน้าผากของเขา หลังจากพยายามครุ่นคิดและกลั่นกรองความทรงจำ.


เหล่าราชันพิภพเองยังตกะลึงเมื่อเห็นการโจมตีสุดท้ายของเขี้ยวมังกร หลินหมิงอาจจะทำให้พวกเขาตกใจแต่เขี้ยวมังกรกับทำให้พวกเขาหวาดกลัว .


พวกเขาไม่มีใครรู้สึกว่าวิธีการของเขี้ยวมังกรมันแปลกตรงไหน ถึงแม้พวกเขาอาจจะสังเกตเห็นแต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก ในดินแดนศักดิ์สิทธิอันกว้างใหญ่ สายโลหิตพิเศษหรือร่างกายพิเศษ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากจะมีดวงตาพิเศษปรากฎออกมา.


ราชันพิภพเอกไพศาลครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนที่เขาจะขยับมือสร้างตราประทับ บันทึกเขตแดนของหลินหมิงกับรายละเอียดเกี่ยวกับดวงตาพิเศษของเขี้ยวมังกร แจ้งเตือนไปยังอาจารย์ของเขา ราชันสวรรค์เอกอนันต์ !

 

 

ณ เวลานี้เสียงตะโกน เสียงสนทนา คำกล่าวชื่นชมอย่างตื่นเต้นยังคงดังต่อเนื่องยาวนานนับ4ชั่วโมงก่อนจะค่อยๆสงบลง  


ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวเต๋าจื่อผู้ควบคุมการแข่งขัน ลอยตัวขึ้นสูงเหนือแท่นผนึกเทวะก่อนที่จะก้มลงมามองหลินหมิงกับเขี้ยวมังกร .


พวกเจ้าทั้งสอง....ทำได้ดีมาก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าเป็นผู้ควบคุมการประลอง แต่ในช่วงหลายแสนปีที่ผ่านมา มีคนน้อยกว่า10คนที่ได้รับคำชมจากข้า แต่ในรอบรองชนะเลิศครั้งนี้มันกับมีถึง2คน!.


ในชีวิตข้า...ข้าได้พบเจออัจฉริยะมากมายนับไม่ถ้วน หลายคนมีศักยภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ในรุ่นของพวกเขา แต่พวกเจ้ากับสร้างความประทับใจให้ข้าได้อย่างลึกซึ้ง และเหตุผลก็คือ.....ภูมิหลังของพวกเจ้า !”


แท่นผนึกเทวะวางอยู๋ตรงหน้าพวกเจ้า ชั้นที่32 ชั้นที่33 ปีนขึ้นไปให้สูงที่สุดเท่าที่พวกเจ้าจะทำได้ ผลักดัน รีดเข้นขีดจำกัดของพวกเจ้า ให้ข้าได้เห็นว่าพวกเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน !”


เสี่ยวเต๋าจื่อไม่เคยกล่าวอะไรมากมายตั้งแต่เริ่มการประลองต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ นอกจากบอกกล่าวเรื่องกติกาแล้ว คำกล่าวของเขาสามารถนับคำได้เลย.


ถึงกระนั้นเสี่ยวเต๋าจื่อกับกล่าวว่า พวกเจ้าสามารถปีนขึ้นไปได้สูงแค่ไหน


แทนที่จะเป็น พวกเจ้าสามารถปีนขึ้นไปได้รึไม่ .


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เสี่ยวเต๋าจื่อยังคงเชื่อว่า ถึงแม้ศักยภาพและความแข็งแกร่งของหลินหมิงกับเขี้ยวมังกรจะยอดเยี่ยมมาก แต่พวกเขายังคงไม่อาจปีนถึงชั้นบนสุดได้ !.


ถึงแม้ว่าแท่นผนึกเทวะจะเป็นเพียงของเลียนแบบแท่นผนึกเทวะที่แท้จริง แต่มันถูกหลอมและขัดเกลาโดยราชันสวรรค์เอกอนันต์ อีกทั้งมันยังเป็นอาวุธนักบุญขั้นสุดที่มีจิตวิญญาณอีกด้วย มันเป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าวแต่มันไม่ง่ายที่จะทำในการปีนขึ้นไปชั้นบนสุด !?


ในที่สุดมันก็เริ่มแล้ว!”


นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ! ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าคิดเสมอว่าการประลองครั้งนี้ มันจะต้องเป็นการต่อสู้ของยอดนักดาบประกายโลหิตกับโยวซูจิน ข้าไม่เคยคิดเลยว่ามันจะกลับกลายมาเป็นการต่อสู้ของม้ามืดทั้งสองเช่นนี้ อีกทั้งมันยังเป็นการต่อสู้ที่น่าชมมากกว่าการต่อสู้ของยอดนักดาบประกายโลหิตกับโยวซูจินอีกด้วย ข้าสงสัยยิ่งนักว่าทั้งสองคนนี้จะปีนขึ้นไปได้สูงขนาดไหน ?”


ข้าว่าเขี้ยวมังกรน่าจะปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุด แต่หลินหมิงน่าจะไม่สามารถขึ้นไปถึงได้ แต่บนชั้น32เขาน่าจะขึ้นไปถึง !”


ในอดีตแทบจะกลายเป็นตำนาน แท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นลานประลองมาก่อนและมันยังไม่มีใครสามารถปีนถึงชั้น32 ไม่ต้องกล่าวถึงชั้น33.


เริ่ม! ไปได้!”


หลินหมิงกับเขี้ยวมังกรมองหน้ากัน ทั้งสองรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณต่อสู้ที่พุ่งสูงขึ้นของกันและกัน ทั้งสองกระโดขึ้นบนหน้าผาแท่นผนึกเทวะชั้น32 แทบจะในเวลาเดียวกัน !


ผาแท่นผนึกเทวะตั้งตระหง่านแทบจะทะลุถึงสวรรค์ ความสูงของมันนับ1000,000ฟุต !


แรงกดดันบนชั้น32 มันรุนแรงมากกว่าชั้น31มาก หลินหมิงรู้สึกได้ทันทีที่แตะสัมผัสผาแท่นผนึกเทวะ !.


ช่างรุนแรงอะไรเช่นนี้ ถ้าปล่อยให้แรงกดดันจากกลิ่นอายราชันสวรรค์กดทับเช่นนี้ มันอาจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นได้ !”



                                                                                BY NSN

 

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1250

 

Chapter 1250 – ราชาหลินหมิง

 

ในฐานะศิษย์หลักราชันสวรร์เอกอนันต์ เสี่ยวเต๋าจือได้เข้าออกพระราชวังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุไขนับล้านปีของเขา เขาได้เห็นอัจฉริยะมากมาย และอัจฉริยะเหล่านั้นล้วนอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !


ราชันสวรรค์มีศิษย์หลักหลายร้อยคน ส่วนราชันสวรรค์อื่นๆยังมีไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นเสี่ยวเต๋าจื่อย่อมได้พบและเห็นเหล่าตัวตนเช่นนี้มานับไม่ถ้วน !


และด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับรอบรองชนะเลิศเล็กๆบนแท่นผนึกเทวะเช่นนี้จะได้รับความสนใจจากเสี่ยวเต๋าจือ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงลอยตัวนั่งสมาธิทำตัวเฉยเมย โดดเดี่ยวอยู่กลางอากาศ แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจินยังไม่อยู่ในสายตาเขา


แต่ในตอนนี้ การเปิดเผยความแข็งแกร่งของหลินหมิง มันเพียงพอที่จะทำให้เสี่ยวเต๋าจื่อตกตะลึง !.


สิ่งที่เขาตกตะลึงมันไม่ใช่ความแข็งแกร่งของหลินหมิง ในความคิดของเขา ความแข็งแกร่งของหลินหมิงยังนับว่าอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม มันไม่น่าประหลาดใจมากนัก แต่ศักยภาพของหลินหมิงนี่สิที่ทำให้เขาตกตะลึง.


อายุเพียง30ปี ระดับบ่มเพาะเพียงเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด แต่กลับเอาชนะโยวซูจิน เทพสมุทรขั้นสูงสุดได้ ศักยภาพเช่นนี้มันสูงพอที่จะทัดเทียมกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ ! และนี้ยังไม่นับรวมเรื่องที่เขาไม่ได้เติบโตมาจากพระราชวังสวรรค์ ไม่ได้มีอาจารย์คอยสอน ไม่ได้มี ทรัพยากร มรดกสืบทอด จากรพระราชวังสวรรค์ เขานั้นดูเสียเปรียบกว่าบุคคลอื่นมากนัก แต่เขากลับสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงระดับนี้ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก !


เจ้าเด็กคนนี้...มันช่างน่าเหลือเชื่อนัก !”


คำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจือเพียงประโยคเดียว ยังนับได้ว่าเป็นการประเมินหลินหมิงไว้สูงมาก ในส่วนของผู้เข้าชมพวกเขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะแสดงออกเช่นไร


สำหรับเหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สทธินภาทมิฬ จากเดิมที่ตื่นเต้น ฮึกเหิม เกรี้ยวกราด พวกเขาราวกับโดนน้ำแข็งราดศีรษะ ความเร่าร้อน ฮึกเหิมใดใดล้วนมอดดับสนิท !


ศิษย์พี่ที่อยู่งคงกระพันในสายตาของพวกเขา ศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้กลับถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เขาสูญเสียความสามารถทั้งหมด สูญเสียความแข็งแกร่ง และถูกทิ้งไว้ราวกับสุนัขตายตัวหนึ่ง !


ศิษย์พี่หลิน ไม่โหดร้ายเกินไปรึ ?!”


เหยียนเสวี่ยเอ่อร์พึมพำเสียงเบา การประลองของเธอมันจบลงนานาแล้ว และเธอยังกลับมายังอัศจรรย์ผู้ชมทันดูการต่อสู้ของหลินหมิง.


เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างตกตะลึง อ้าปากค้าง สำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลินหมิงจะเอาชนะได้แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจิน !


โดยเฉพาะเมื่อได้เห็น กฎธาตุไฟระดับห้า นี่ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่า .

 

 

อายุเพียง30ปีกลับเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับ5 อีกทั้งยังสามารถหลอมรวมกฎเข้าด้วยกันอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสในอดีตและปัจจุบันบางส่วนยังไม่สามารถกระทำตามได้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา !


แม้แต่โยวซูจินที่ขึ้นชื่อว่าอัจฉริยะในเรื่องความเข้าใจในกฎมิติและน้ำเเข็ง แต่เขายังไม่สามารถเข้าถึงระดับห้าได้ !


ราชาหลินหมิง !”


บางคนจากเหล่าผู้ชมเริ่มร้องตะโกนเสียงดัง !


และเมื่อมีผู้เริ่ม มันย่อมมีผู้ตาม คลื่นเสียงร้องตะโกนดังสนั่นทั่วอัศจรรย์ผู้ชมในทันที .


ราชาหลินหมิง !”


ราชาหลินหมิง!”


ในตอนแรกมันเป็นเพียงเสียงศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ แต่ยามนี้มันกับเป็นเสียงจากผู้เข้าชมนับพันล้าน ในน้ำเสียงมันยังแฝงไว้ด้วยความ ปิติยินดี !


ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาพร้อมกัน คลื่นเสียงอันน่ากลัวสะท้อนก้องออกไปนับแสนไมล์ อีกทั้งมันยังกวาดผ่านเมฆกระจายหายไป ราวกับมันจะดังไปถึงสวรรค์ !


สำหรับรอบรองชนะเลิศ ผู้ผ่านเข้ารอบมาได้ศักยภาพของพวกเขามันแทบจะเทียบเท่ากับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !


จากผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่มีอยู่ แม้พวกเขาจะมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันยังไม่ต่างจากพวกวัชพืชเมื่อเทียบกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ แต่หลินหมิงกับใช้ความแข็งแกร่งบอกกับทุกผู้คนว่า ไม่ว่าจะมีภูมิหลังยังไง ไม่ว่าจะมีทรัพยากรมากขนาดไหน หรือแม้แต่พวกเจ้าจะมีมรดกตกทอดดีหรือย่ำแย่ขนาดไหน พวกเจ้ายังสามารถแสดงศักยภาพพอพอกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้  !


ณ ช่วงเวลานี้ หลินหมิงดูเหมือนจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนแท่นผนึกเทวะ เขาดูราวกับวีรบุรุษผู้ปกครองพิภพนี้ ลักษณะการยืนอย่างองอาจ แผ่นหลังตั้งตรงราวกำแพงเหล็ก มันมั่นคงและเต็มไปด้วยความภาคภูมิบนพิภพนี้!


หลินหมิงเอาชนะได้จริงๆ..เขาเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับห้าและยังมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดอีกด้วย …”


ภายในพระราชวังสวรรค์เอกอนันต์ ราชันพิภพเอกไพศาล จมอยู่ในความคิดช่วงหนึ่ง เขาสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะสังเกตรอบๆตัว เขาพบว่ามีราชันพิภพในชุดคลุมสีดำกำลังมองมาที่เขา


ดวงตาของชายผู้นี้ดูลึกลับและน่าหวาดกลัว รูม่านตาของเขาเป็นสีแดง ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มจางๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อราชันพิภพเอกไพศาลมองไปที่เขา เขารู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที เทียนหมิงจื่อ ..เจ้าจะทำอะไร ?”


เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”


เทียงหมิงจื่อยังคงยิ้ม ! ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดรบกวนความรู้สึกเขาได้ แม้แต่โยวซูจินผู้เป็นบุตรหลานของเขาจะถูกหลินหมิง สยบทั้งในด้านศักยภาพและความแข็งแกร่ง เขายังคงสงบและเผยรอยยิ้มออกมาได้ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ราชันพิภพทั่วไปจะสามารถกระทำได้.

 

 

สำหรับเหล่าราชันพิภพหลายคน ยิ่งพวกเขาอายุมากขึ้น พวกเขายิ่งใส่ใจในหน้าตาและชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งจากเดิมได้อีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหันมาสนใจและบ่มเพาะให้กับบุตรหลานของตัวเองมากขึ้น และนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ยามเมื่อเจอเหล่าสหายพวกเขาต่างยกความสำเร็จของบุตรหลานมาแข่งขันกัน

.

โดยปกติหากบุตรหลานของพวกเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ หน้าของพวกเขาจะเขี้ยวคล้ำด้วยความโกรธซะส่วนใหญ่ แต่เทียนหมิงจื่อกับไม่แสดงออกใดใดเลย ยังคงยิ้มและพูดคุยกับคนรอบข้างเช่นเดิม .


อืม?” คิ้วของราชันพิภพเอกไพศาลขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาจมอยู่ในความคิดอีกครั้ง เทียนหมิงจื่อ เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับเขตแดนของหลินหมิงหรือไม่ ? หรือเขากำลังหาเบาะแสบางอย่างจากสีหน้าข้า


ความคิดดังกล่าวโผล่ขึ้นมาในความคิดของราชันพิภพเอกไพศาล สำหรับตัวตนเช่นพวกเขามันง่ายที่จะเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างผ่านทางปฏิกิริยาของพวกเขา


เขตแดนของหลินหมิงมันทำให้ข้านึกถึงใครบางคน...ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงเขาให้ฟัง อีกทั้งท่านอาจารย์ยังชื่นชมบุคคลนั้นอย่างมาก ตามคำกล่าวท่านอาจารย์ เขตแดนของหลินหมิงคล้ายคลึงกับความสามารถพิเศษบางอย่างของบุคคลผู้นั้น !


ข้าต้องบอกท่านอาจารย์ให้ท่านตัดสินใจเอง .”


ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในจิตใจของราชันพิภพเอกไพศาล ถึงกระนั้นภายนอกท่าทีของเขายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมให้ใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.


ช่างน่าเสียดาย หลานโยวซูจินที่รัก เขาแพ้โดยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ราชันพิภพเอกไพศาลลูบเครา กล่าวออกมาพร้อมดวงตาที่ดูเศร้าราวกับโยวซูจินเป็นบุตรหลานของตัวเอง.


อืม...โยวซูจินเข้าใจในกฎ มิติ เวลาและกฎธาตุน้ำในระดับที่สูงพอสมควร แต่กระนั้นมันยังดูเหมือนเขาต้องแบ่งความเข้าใจออกไปศึกษากฎทั้ง3ด้วยเช่นกัน การที่เขาเข้าถึงระดับ4จนเกือบแตะธรณีประตูระดับ5ได้ มันนับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งแล้ว แต่เขากับไม่สามารถเอาชนะหลินหมิงที่เข้าใจในกฎเดียวถึงระดับ5ได้ นี่ถ้าโยวซูจินศึกษากฎเพียงกฎเดียวเขาเองย่อมเข้าถึงระดับ5ได้เช่นกัน และถ้ามันเป็นเช่นนั้นมันคงยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะ .”


ราชันพิภพจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันดับต้นๆอีกคนกล่าวเสียงดังออกมา เขายังมองหาเหตุผลอื่นเพื่ออธิบายความพ่ายแพ้ของโยวซูจินอย่างชัดเจน.


ในความเป็นจริง ในความเห็นของพวกเขา พวกเขาไม่ได้สนใจว่าศักยภาพของหลินหมิงจะเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์หรือไม่ ? แต่ในปัจจุบันศักยภาพของเทียนหมิงจื่อนั้นเหนือกว่าบุตรหลานราชันสวรรค์ส่วนใหญ่ !


ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมมิได้ ดังนั้นการพ่ายแพ้ของโยวซูจินเพียงครั้งเดียวนับเป็นอันใดได้ ? ดังนั้นเหล่าราชันพิภพจึงได้ยกย่องและยกย่องเทียนหมิงจื่อเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา.


เทียนหมิงจื่อคิดเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า ทุกท่านประเมินโยวซูจินไว้สูงเกินไป ทายาทของข้าผู้นี้นับเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี เขามีทรัพยากรมากมาย แต่แค่ความสำเร็จระดับนี้เขายังผ่านมันไปไม่ได้ แต่สำหรับหลินหมิงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิหลังเขาเพียงเท่านั้น แต่เขากลับได้ผลลัพท์ที่น่าประทับใจเช่นนี้ ศักยภาพของเขาน่าทึ่งจริงๆ มันไม่นับเป็นความอยุติธรรมใดใด หากต้องพ่ายแพ้เขา.”


.ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เทียนหมิงจื่อ ช่างใจกว้างยิ่งนัก นี่ทำให้ข้าละอายใจจริงๆ!”


ถูกต้อง ! ชนรุ่นหลังย่อมมีวิธีการของตนเอง ถ้าเราพยายามที่จะกำหนด กฎเกรณ์ตามความต้องการของพวกเรา พวกเขาคงจะเครียดกันมาก และนี่จะทำลายความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาด้วย .”


ทัศนคติและความผ่อนคลายไร้กังวลของศิษย์พี่เทียนหมิงจื่อ ช่างน่ายกย่องจริงๆ.”


ในขณะทุกคนยกย่องเทียนหมิงจื่อ ไม่มีใครกล่าวถึงเขตแดนของหลินหมิง สำหรับพวกเขามันเป็นเสมือนโชคของหลินหมิงที่ได้ประสพพบเจอมา สำหรับหลินหมิงที่ได้ประสพโชดเช่นนี้ยังนับว่าอยูในเหตุและผลเช่นกัน


แต่หากเป็นอัจฉริยะธรรมดาทั่วไป การได้รับโชคเช่นนี้มันจะกลายเป็นหายนะแทน.

 

แต่ศักยภาพของหลินหมิงมันเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้ก็เพียงในนามเท่านั้น ด้วยฐานะเช่นนี้มันยังไม่พอที่จะกระตุ้นความสนใจและความโลภของผู้อื่นมากนัก.


ถึงแม้ว่าราชันพิภพเอกไพศาลจะรู้ถึงโชคของหลินหมิงนั้นช่างดีมากเหลือเกินก็ตาม !


บนสนามประลองการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์  ณ พิภพนักสู้แท้จริงบนดาวคำสาปจันทรา เสียงตะโกนดังสนั่นที่กินเวลายาวนาน ในที่สุดก็สงบลง .


โยวซูจินถูกกำจัดออก ในขณะที่หลินหมิงนั่งลงปรับลมปราณแท้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้คงที่ บนแท่นผนึกเทวะชั้นที่31 .


ส่วนอีกด้นหนึ่ง เขี้ยวมังกรกับนักดาบประกายโลหิตยังคงไม่ได้เริ่มต่อสู้.


ทั้งคู่ต่างเฝ้ามองการต่อสู้ของหลินหมิง.


หลินหมิงเหลือบมองเขี้ยวมังกรในขณะที่เขี้ยวมังกรมองตรงมาที่เขาเช่นกัน.


เขี้ยวมังกรยิ้มก่อนจะกล่าวว่า เจ้าต่อสู้ได้ดี .”


การประเมินของเขี้ยวมังกรหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินหมิง เขามีเพียงความชื่นชม แต่ไม่ได้หวาดกลัวหรือรู้สึกอ่อนด้อยกว่า.


มีเพียงคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเช่นหลินหมิงเท่านั้นที่จะทำให้จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาลุกโชน เขาคาดหวังการต่อสู้เช่นนี้เช่นกัน .


แต่มันไม่ใช่กับนักดาบประกายโลหิต การแสดงออกของเขาค่อนข้างเคร่งขรึมและจริงจัง เขาประเมินตัวเองหากต้องต่อสู้กับหลินหมิง เขาคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน !


ไอ้เด็กเวรนี่ ทำไมมันถึงผิดปกติได้มากขนาดนี้ !?”


นักดาบประกายโลหิตจับดาบในมือแน่น ความรู้สึกหมดหนทางผุดขึ้นกลางใจเขา หลินหมิงแข็งแกร่งเกินไป !


และในเวลานี้ เขี้ยวมังกรหันไปหานักดาบประกายโลหิตก่อนจะกล่าว สหาย มันถึงเวลาของเราแล้ว.”


เขี้ยวมังกรดูสงบมาก แต่เมื่อรูปลักษณ์เช่นนี้ปรากฏในสายตานักดาบประกายโลหิต เขารู้สึกว่ามันเป็นเพียงการเสแสร้ง มันดูราวกับเขาไม่สนใจในการต่อสู้ครั้งนี้เลย !


ไม่เช่นนั้นเขาจะดูสงบได้อย่างไรกัน เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่สำคัญเช่นนี้ ?


เจ้าเด็กนี่ มันคิดว่าข้าเป็นลูกพลับอ่อนรึ ? หรือมันคิดว่ามันอยู่ในระดับเดียวกับหลินหมิงจริงๆ? มันคงคิดว่าจะทุบตีข้าได้ตามใจชอบใช่ไหม ?

 

 

นักดาบประกายโลหิตคิดพยายามระงับความโกรธของตัวเอง เขาต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น ถึงแม้เขาจะด้อยกว่าหลินหมิง แต่ตัวเขายังนับเป็นอัจฉริยะชั้นยอดเช่นกัน และถึงแม้ว่าเขี้ยวมังกรในยามนี้จะดูสง่างามและดูสูงส่งเกินไป แต่เขาคงไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่าข้า !


ฟิ้วววว ฟิ้วววว!



นักดาบประกายโลหิตกวัดแกว่งดาบในมือ !


นักดาบประกายโลหิตมันเป็นเพียงสมญานาม มันไม่ใช่ชื่อจริง นั้นเป็นเพราะภายในพิภพสรวงสวรรค์แห่งใหม่ อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิกำเนิดใหม่ จากการต่อสู้ทุกครั้งดาบของเขาไม่เคยเปื้อนโลหิต นั้นเพราะความเร็วจากดาบของเขานั้นเร็วมากจนโลหิตสาดกระจายไม่อาจเปรอะเปื้อนดาบของเขาได้ทัน ดังนั้นเขาจึงได้รับสมญานามนักดาบประกายโลหิต!


ดังนั้นดาบของนักดาบประกายโลหิตจึงเร็วได้ถึงขีดสุด !


วิ้ว วิ้ว !


กลิ่นอายดาบและดาบแสงเติมเต็มไปทั่วบริเวณลานต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะ พวกมันดูราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่พวกมันจะพัดเข้าหาเขี้ยวมังกร.


นี่คือกฎแห่งลม นักดาบประกายโลหิตหลอมรวมดาบแสงเข้ากับสายลม สายลมกลายเป็นดาบ ดาบกลายเป็นสายลม ! ตั้งแต่เริ่มดาบของเขาแทบจะมองไม่เห็น สิ่งที่มองเห็นมีเพียงดาบแสง แต่ยามนี้ แม้แต่ดาบแสงยังมองไม่เห็น !


แม้แต่ทักษะดาบของโยวซูจินยังดูด้อยกว่าทักษะดาบของยอดนักดาบประกายโลหิตในด้านความเร็ว ! ดาบเล่มนี้รวดเร็วราวกับพายุส่องแสงประกาย แต่มันกับมองไม่เห็นตัวดาบแล้วจะป้องกันได้อย่างไร ?

 

ในเวลาเดียวกัน  อาวุธของเขี้ยวมังกรถูกดึงออกมาเช่นกัน อาวุธของเขาดูคล้ายกับกระบี่และดาบในเวลาเดียวกัน ด้ามตรงแต่ปลายดาบโค้งเหมือนมีดดูแหลมคมมาก ขอบคมส่วนตรงกลางกับมีปุ่มลักษณะคล้ายสันเขา .


ในแง่รูปร่างของมันดูคล้ายเขี้ยวมังกร และสมญานามของเขี้ยวมังกร ก็มาจากดาบของเขานั้นเอง !


อืม ความเร็วพอใช้ได้ แต่แรงโจมตียังไม่เพียงพอ .”

 

 ปัง !

 

เขี้ยวมังกรวาดดาบออกในทันที ! แสงดาบเปล่งประกายปกคลุมไปทั่วในพริบตา เพียงแค่การวาดดาบธรรมดา มันทำให้พื้นแท่นผนึกเทวะสั่นสะเทือน ในวินาทีเดียวกัน ดาบแสงไร้สิ้นสุดของยอดนักดาบประกายโลหิต เริ่มบิดเบี้ยวก่อนที่จะถูกทำลายลงในพริบตา  !


เพียงดาบเดียว จากความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบของเขี้ยวมังกร กับ สยบดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนของยอดนักดาบประกายโลหิตได้อย่างสมบูรณ์!

 

ความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบ สามารถทำลายได้10,000การเคลื่อนไหว เมื่อความแข็งแกร่งแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ มันไม่มีทักษะหรือเทคนิคใดชดเชยได้

.

 อืม ....ความแข็งแกร่งสมบูรณ์  !.”

 

แสงแว้บผ่านดวงตาของหลินหมิง การโจมตีของเขี้ยวมังกรมันดูแปลกประหลาดมากเกินไป นี่ยังเป็นเพียงแค่การโจมตีธรรมดา โดยไม่ได้ใช้ทักษะใดใดด้วยซ้ำ !


ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้ มันจะจบลงอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างระหว่างยอดนักดาบประกายโลหิตกับเขี้ยวมังกร มันกว้างใหญ่มากเกินไป !”

 

                                                                                                                                                                                                                                                       BY NSN

 

 

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีระบุรุษ์ 1249

 

Chapter 1249 – โยวซูจิน แพ้

 

 

ฮ่า ฮ่า  ฮ่า ศักยภาพข้าด้อยกว่า ความแข็งแกร่งของข้ายังด้อยกว่าอีกด้วย ?”! โยวซูจินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อได้ยินคำกล่าวของหลินหมิง


ข้าไม่ได้กล่าวบอกว่าเจ้านั้นมีศักยภาพดีทีสุดในดินแดนศักดิ์สิทธินับร้อยแห่ง เจ้ามันก็แค่มีศักยภาพที่พอพอกับมาตราฐานสูงสุดเท่านั้น ! อะไรทำให้เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถเทียบกับเจ้าได้รึ ? ที่เจ้ากล่าวว่าศักยภาพและความแข็งแกร่งของข้าอ่อนด้อย นี่เจ้าต้องการจะสอนข้ารึ? นี่เจ้าคงไม่คิดว่าแค่ข้าให้บันไดลง เจ้าก็สามารถปีนขึ้นไปได้ง่ายๆซินะ !”


โยวซูจินกล่าวออกมา ในขณะที่กล่าวเขาผสานลมปราณเสียงเข้าไปด้วย มันทำให้เสียงของเขาดังก้องกังวานไปทั่วลานผนึกเทวะ!


อะไร?”


วาจาเขื่องโขนัก!”


มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงกล้ากล่าวเช่นนี้!”


นี่มันจะหยามหน้ากันเกินไปแล้ว!”


เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ สับสนวุ่นวายในทันทีหลังจากได้ยิน หน้าตาของพวกเขาล้วนมืดคล้ำ ปากสบถออกไปทั่ว หลายคนยังลุกขึ้นยืนตะโกนโหวกเหวกแล้วกับนักเลงหัวไม้ .


เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ช่างหยิ่งยโสโดยแท้ !”


ศิษย์พี่ซูจิน จะต้องทุบตีมันจนมารดามันจำไม่ได้ !”


ทุบตีมัน ! โยมมันลงมาจากแท่นผนึกเทวะ ! ตีมันให้เละเหมือนเยื้อกระดาษ !”


ในดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬสถานะโดยรวมค่อนข้างพิเศษ ตัวตนของโยวซุจินก็เช่นกัน ในการประลองการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ส่งผู้เข้าร่วม10,000 คน  ซึ่งมันมีศิษย์น้องของโยวซูจินอยู่ประมาณ8000-9000ตน .


การต่อสู้ครั้งแรกของอาณาสวรรค์มันเป็นการเข้าร่วมของนักสู้ทั่วสารทิศ มันจึงไม่แปลกที่การต่อสู้เช่นนี้จะทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมและเหล่าผู้ชมคลั่งไคล้ นี่เป็นโลกที่ตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่ง แม้แต่ในโลกมนุษย์หากมีการแข่งขันฟุตบอล เมื่อบรรดาFC ลุกขึ้น มันยังทำให้เกิดการเหยียบกันจนตายก็มีให้เห็นเช่นกัน.


เหล่าศิษย์นภาทมิฬราว 8000-9000คน ต่างถูกกระตุ้นอารมณ์โกรธจนแทบเดือดเป็นฟอง แม้แต่ศิษย์จากพิภพปีศาจรุ่งอรุณยังคงเดือดดาลเช่นกัน เดิมทีเหล่าศิษย์หลักจากพิภพปีศาจรุ่งอรุณเองก็เข้าร่วมในรอบรองชนะเลิศเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว ยังคงเหลือเพียงโยวซูจินที่นับได้ว่าเป็นตัวแทนจากพิภพรุ่งอรุณปีศาจเช่นกัน เนื่องด้วยดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬตั้งอยู่บนพิภพรุ่งอรุณปีศาจ อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับพิภพรุ่งอรุณปีศาจเป็นพิเศษอีกด้วย ดังนั้นมันไม่แปลกหากพวกเขาจะให้กำลังใจและเชียร์โยวซูจิน


ฟุบ !


ครืนน!


เสี่ยวเต๋าจือลืมตาและขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปและปรากฏอีกครั้งเหนืออัศจรรย์ผู้ชม โดยไม่มีการกล่าวเตือนใดใด แรงกดดันจากกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง กดทับเหล่าผู้บ้าคลั่งบนอัศจรรย์ในทันที ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงเหล่าผู้บ้าคลั่งสงบลงในทันที มิฉะนั้นหากปล่อยให้เรื่องปลายปลาย เมื่อเหล่าผู้ชมนับพันล้าน อีกทั้งพวกเขายังนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในยุคของพวกเขาเช่นกัน เมื่อพวกเขาก่อความวุ่นวายขึ้นมา นับประสาอะไรกับเสี่ยวเต๋าจื่อเพียงผู้เดียว ต่อให้ราชันพิภพเข้าร่วมปราบปราม ยังคงไม่อาจปราบปรามได้หมด ยกเว้นราชันสวรรค์ลงมือเท่านั้น   .


เช่นเดียวกันกับเหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ เมื่อพวกเขาเห็นศิษย์นภาทมิฬตะโกนอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาเองยังคงตะโกนเชียร์หลินหมิงดังลั่นเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะมีเพียงหลายร้อยคน พวกยังพยายามตะโกนเสียงให้ดังมากที่สุด!


หลินหมิงต้องชนะ!”


ศิษย์พี่หลิน เอาชนะให้ได้!”


ศิษย์พี่ ไร้พ่าย!”


ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าหลินหลิงจะเอาชนะโยวซูจินได้หรือไม่ พวกเขายังคงไม่ยอมแสดงความอ่อนด้อยกว่าออกมาให้เห็น  !


และในความเป็นจริง ด้วยมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิของพวกเขา มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะได้รับผลกระทบกับบรรยากาศรอบรอบตัวพวกเขา ดังนั้นในยามนี้พวกเขาไม่ได้สนใจว่าหลินหมิงจะชนะหรือพ่ายแพ้ ตรงกันข้ามพวกเขากับกำลังพยายามจนถึงที่สุดเพื่อรักษาชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิที่พวกเขาอยู่ และ การแสงดให้เห็นว่าฝ่ายตนดูแข็งแกร่งกว่าจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นในยามนี้ !


โยวซูจินดูไม่ค่อยเต็มใจยอมรับว่าศักยภาพของเขาด้อยกว่าหลินหมิง แต่ความจริงมันยังปรากฏให้เห็นตรงหน้าเขา แต่เขาเองก็กล่าวได้ถูกอย่างหนึ่ง ความแข็งแกร่งของหลินหมิงในปัจจุบันยังคงขาดไปอยู่ และเขาคงเอาชนะโยวซูจินไม่ได้ แต่หากเวลาผ่านไปอีกปีหรือสองสามปี หลินหมิงน่าจะเหนือกว่า ในทั้งสี่คน หลินหมิงอายุน้อยที่สุด อนาคตของเขาในภายภาคหน้ามันย่อมไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน !”


ฮ่า ฮ่า โยวซูจินไม่แพ้อย่างแน่นอน เขาแพ้ในด้านศักยภาพไปแล้ว หากเขาแพ้ด้านความแข็งแกร่งอีก เขาคงไม่อาจเงยหน้ามองระดับที่สูงกว่านี้ได้แน่ !”


ตามหลักแล้ว โยวซูจินควรเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะได้ เขาคงอับอายและไม่มีหน้ามองใครอย่างหยิ่งยโสได้อีก !


บนลานผนึกเทวะ โยวซูจิน เริ่มเดินเข้าหาหลินหมิง บางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุก3ก้าวของโยวซูจิน ขณะเดินไปด้านหน้า มันจะทิ้งเงาของเขาเอาไว้ ! เงานี้เสมือนตัวจริงของโยวซูจินไม่ผิดเพี้ยน เงาทั้งหมดยังถือดาบไว้ในมือเช่นกัน อีกทั้งกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างเงายังดูไม่อ่อนด้อยกว่าร่างจริงอีกด้วย นี่ไม่ใช่ภาพติดตาจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ในความเป็นจริง โยวซูจินก้าวเดินช้ามาก มันไม่ต่างอันใดกับการก้าวเดินของมนุษย์ทั่วไป ถึงกระนั้นเขายังคงทิ้งร่างเงาไว้ถึง3เงา ในยามนี้มันจึงดูเหมือนมีโยวซูจิน4คน !


ทักษะร่างแยก ?”


ไม่ !นี่มันคือ กฎ มิติ


กฎ มิติและ กฎ เวลา  ที่โยวซูจิน เข้าใจ นับได้ว่าอยู่ในระดับสูง และ เมื่อเข้าใจได้ในระดับ1 มันสามารถแสดงภาพสะท้อนในความว่างเปล่าได้ ! .


ร่างเงาสะท้อนเหล่านี้มันแตกต่างจากภาพลวงตา พวกมันสามารถโจมตีได้ ! อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันยังมีความเข้าใจใน กฎ มิติ อีกด้วย ซึ่งความแข็งแกร่งดังกล่าวมันอาจะมีความแตกต่างกับร่างจริง ระหว่าง10เปอร์เซ็นต์ถึง100เปอร์เซ็นต์ !


และถ้าร่างเงาสามารถเข้าใจกฎมิติได้ถึง100เปอร์เซ็นต์ ร่างเงาดังกล่าวจะสามารถสืบทอดกฎ ทักษะต่อสู้ ประสบการณ์ต่อสู้ รวมถึงความทรงจำ ของร่างจริงได้อีกด้วย แต่นั้นมันยังเป็นขอบเขตที่เข้าถึงได้ยากถึงยากมากเช่นกัน .


ที่มากกว่านั้นก็คือ ร่างเงาเหล่านี้ไม่กลัวการโจมตีใดใดทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าการทำลายร่างเงาจะไม่นับเป็นเรื่องยากเกินไป แต่มันยังต้องใช้ลมปราณแท้จำนวนไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญร่างเงาเหล่านี้สามารถเกิดใหม่และเปลี่ยนแปลงได้ตลอด !


"อืม!อันที่จริงร่างเงานี้มันคือการใช้กฎมิติอย่างหนึ่ง มันคือการหลอมรวมกฎมิติระดับ1ถึง4เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งมันยังมีขอบเขตที่ใกล้ถึงระดับ5รวมอยู่ด้วย นี่จึงทำให้เขาสามารถสร้างร่างเงาเหล่านี้ได้ !


หลินหมิงเองก็เป็นสัตว์ประหลาดอัจฉริยะ ซึ่งโยวซูจินเองก็เช่นกัน กฎมิติและเวลานับได้เป็นอันดับที่2จากบรรดากฎที่เข้าใจได้ยากที่สุด พวกเขายังดูเยาว์วัยมากแต่กลับเข้าถึงระดับเช่นนี้ได้ สิ่งนี้มันทำให้เหล่าผู้อาวุโสรุ่นก่อนรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ !”


บนแท่นผนึกเทวะ นี่เท่ากับหลินหลิงต้องต่อสู้กับทั้งสี่ !


ชิ้ง !


ทั้งสี่ร่างโจมตีพร้อมกันในทันที !

 

หิมะโปรย8000ไมล์ ! ”


ดาบสสี่เล่มฟันออกมาพร้อมกันในพริบตา ! บนท้องฟ้า เมฆเริ่มรวมตัวกันก่อนจะกลายเป็นหิมะตกลงมาบนพื้นปฐพี !

 

ในขณะเดียวกัน มันยังมีภาพภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาประกฎออกมาในเวลาเดียวกัน นี่โยวซูจินกำลังใช้ทักษะสังหารโดยกฎน้ำแข็งของเขาอีกด้วย ความสามารถในการผสานทั้งสองกฎเข้าด้วยกันมันช่างน่าชื่นชมอย่างแท้จริง!


ภาพหิมะตกตัดกับแสงดาวบนท้อง มันดูงดงามราวกับภาพวาด แต่ในความสวยงามมันยังมีกลิ่นอายอันน่ากลัวแฝงอยู่ด้วย เกล็ดหิมะแต่ละเกล็ดมันแฝงไว้ด้วยความเข้าใจในกฎมิติอย่างลึกซึ้ง หากเกร็ดหิมะเพียงแค่เกล็ดเดียวสัมผัสกับนักสู้ในขั้นทำลายชีวิต พวกเขาจะถูกแช่แข็งและตายในเวลาแทบจะทันที ด้วยเกล็ดหิมะนับล้านหรืออาจจะหลายพันล้านที่กำลังตกลงมา มันสามารถดับสิ่งมีชีวิตได้หลายพันไมล์ !


สำหรับโยวซูจิน ทักษะนี้คือทักษะสังหารขั้นสูงสุดของเขา เดิมทีเขาต้องการเก็บมันไว้ใช้ในรอบสุดท้ายของรอบรองชนะเลิศ แต่เขาถูกหลินหมิงบังคับให้เขาต้องใช้มันออกมาในยามนี้ .


 

เมื่อเผชิญกับการโจมตีของโยวซูจิน หลินหมิงชี้หอกของเขาลงพื้น พร้อมกับเปิดใช้ดอกบัวจักรพรรดิในทันที ดอกบัวจักรพรรดิด้านหลังหลินหมิงเริ่มเบ่งบานอย่างช้าๆ !.

 

ดอกบัวจักรพรรดิ เขตแดนแรกกำเนิด เปิด !

 

พลังอันแข็งแกร่งไร้ขอบเขตและโบราณ ปะทุขึ้นในทันที เมื่อเกล็ดหิมะล่วงลงยังเขตแดนแรกกำเนิด พวกมันเริ่มละลายหายไป !


การเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิดมันเป็นสิ่งที่หลินหมิงได้ปรึกษากับมู๋เชียนเสวียนไว้ก่อนแล้ว และมันเป็นการตัดสินใจก่อนการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์บนแท่นผนึกเทวะจะเริ่มอีกด้วย .


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เข้าร่วมอัจฉริยะนับไม่ถ้วน รวมถึงเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ หลินหมิงไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิด มิฉะนั้นเขาไม่มีทางจะเอาชนะเหล่าผู้เข้าร่วมชั้นยอดเหล่านี้ได้ นั้นเป็นเพราะระดับบ่มเพาะเขายังอยู่ที่ระดับเทพสมุทรขั้นสูงสุดชั้นต้น.


ถ้าเขาล้มเหลวในการต่อสู้ครั้งแรก เขาจะไม่ได้รับสิทธิในการเข้าถึงพระราชวังสวรรค์ เขานั้นมีความต้องการเป็นอย่างยิ่งในการศึกษา กฎ มายา จาก ราชันสวรรค์มายาเทวะ  .


หลังจากเขตแดนแรกกำเนิดถูกอำพรางโดนมู๋เชียนเสวียน แม้แต่ราชันพิภพยังไม่สามารถมองผ่านได้ โอกาศเดียวที่พวกเขาจะรู้ได้ก็คือ พวกเขาเคยเห็นราชันสวรรค์บรรพกาลเปิดใช้เขตแดนนี้ด้วยตัวเองในอดีต แต่ราชันสวรรค์คือตัวตนเช่นไร พวกเขานั้นคล้ายกับราชันสวรรค์เอกอนันต์หรือราชันสวรรค์มายาเทวะ ที่แม้ใครจะได้อันดับ1บนตราประทับสวรรค์จากการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ พวกเขายังคงไม่อาจได้เจอกับราชันสวรรค์ได้ !


 แม้แต่ราชันพิภพหรือมหาราชันพิภพผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่มีโอกาสพบกับตัวตนเช่นพวกเขาได้ง่ายๆเช่นกัน และนี่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการต่อสู้หรือความแข็งแกร่งของราชันสวรรค์ได้เช่นกัน มีเพียงตัวตนราชันสวรรค์อย่างเช่นราชันสวรรค์มายาเทวะถึงจะสามารถล่วงรู้หรือแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาให้เห็นได้!


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เว้นเสียแต่มีตัวตนระดับราชันสวรรค์หรือคล้ายกับราชันสวรรค์บรรพกาลเท่านั้นที่จะมองออก แม้แต่ศิษย์หลักของราชันพิภพเอกนันต์ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะจำเขตแดนก่อกำเนิดที่ถูกอำพรางโดยมู๋เชียนเสวียนได้.


บางทีมันอาจจะมีคนรู้เกี่ยวกับเขตแดนแรกกำเนิดก็เป็นได้ ลึกลึกแล้วหลินหมิงเชื่อว่าคนเหล่านี้น่าจะรู้เรื่องสงครามเมื่อ100,000ปีก่อน เมื่อราชันสวรรค์เปิดสงครามกับราชันสววรค์ทัณฑ์สายฟ้า มันเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่และรุนแรงมากอย่างแน่นอน.


สงครามในครั้งนั้นมันเกี่ยวข้องกับราชันพิภพและผู้ปกครองศักดิ์สิทธิอีกนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะนับรวมเหล่าสัตวเทวะอีกด้วย และมันยังมีความเป็นไปได้ที่ราชันสวรรค์กับราชันทัณฑ์สายฟ้าจะพินาศลงไปด้วยกัน !


เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ มันจะไม่มีใครรู้ได้ยังไง ?


อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจะคาดเดาได้ว่าราชันสวรรค์บรรพกาลทิ้งมรดกสืบทอดไว้ที่ดินแดนนภาปีศาจอมตะ.


แต่พวกเขากับเมินเฉยต่อเรื่องทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายดายอย่างที่คิด.


กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่จำเขตแดนแรกกำเนิดได้ก็จะรู้เรื่องมรดกสืบทอดของราชันสวรรค์บรรพกาล ส่วนคนที่ไม่เคยเห็น พวกเขาย่อมไม่รู้อะไรเลย มันเลยทำให้เขตแดนแรกกำเนิดไม่นับเป็นอันใดได้ในสายตาพวกเขา.


ถอยกลับไป10,000ก้าว ถึงแม้ว่าจะมีบางคนในราชันพิภพรู้ถึงการคงอยู่ของเขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล แต่มันยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขโมยมันไปจากหลินหมิง เพราะหลินหมิงไม่ได้รับสืบทอดโดยแผ่นหยกบันทึกทักษะ ถึงแม้พวกเขาจะใช้การควาญวิญญาณพวกเขายังคงไม่ได้รับอะไรอยู่ดี.


มันเป็นความจริงที่เขตแดนแรกกำเนิดอาจจะนำอันตรายมาสู่หลินหมิง แต่เขายังต้องเดิมพันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากเขาสามารถเปล่งประกายได้อย่างรุ่งโรจน์ในการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ มันคงไม่มีใครต่อต้านเขาได้อีก.


ทรัพยากรบ่มเพาะจากพระราชวังสวรรค์ รวมถึงกฎ มายา นับเป็นโอกาสที่หลินหมิงไม่มีวันปล่อยผ่านไป!

 

หลังจากหลินหมิงเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิด เหล่าตัวตนราชันพิภพระดับสูงในพระราชวังสวรรค์ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหิมะนับ8,000ไมล์ หลังจากพวกมันล่วงหล่นลงเขตแดนประหลาดมันละลายตัวเองในเวลาแทบจะพริบตา!


อืม ? นี่คือ …”


มันเป็นความสามารถของเขตแดน เขตแดนนี้ทรงพลังมาก มันจะนับเป็นทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดได้หรือไม่ ?”


เหล่าราชันพิภพระดับสูงหลายคน มองเห็นความตกใจที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาของกันและกัน.


มันควรจะเป็นความสามารถในทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด ยิ่งกว่านั้นมันยังค่อนข้างสมบูรณ์ ....มันอาจจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณ 20เปอร์เซ็นต์-30เปอร์เซ็นต์ หลินหมิงผู้นี้นับได้ว่ามีโชคท้าทายสวรรค์อย่างมาก...มันเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าฟินิกซ์โบราณจะมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดเช่นนี้ .”


นี่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน หากไม่ได้รับโชคดีหรือความบังเอิญโดยโชคชะตา เขาจะเติบโตมาถึงขั้นนี้และยืนอยู่บนแท่นผนึกเทวะชั้น31ได้อย่างไร ? ดูเหมือนเขี้ยวมังกรเองก็คงได้รับโชคที่ท้าทายสวรรค์เช่นกัน !”

 

เหล่าราชันพิภพชั้นสูงประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าหลินหมิงมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด แต่พวกเขายังคาดเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นมรดกสืบทอดจากตัวตนยิ่งใหญ่บางคนในอดีต.


ในฐานะเหล่าตัวตนชั้นสูง ใครเล่าจะไม่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด ภายใต้ดินแดนศักดิ์สิทธิอันกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ หากพวกเขาไม่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดฉบับสมบูรณ์ อย่างน้อยพวกเขาย่อมมีส่วนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ สำหรับบุตรหลานราชันสวรรค์ พวกเขาอย่างน้องต้องมีส่วนหนึ่งของทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดไม่สมบูรณ์อย่างแน่นอน !


อย่างไรก็ตาม ณ จุดศูนย์กลางพระราชวังสวรรค์ ชายคนหนึ่งนาม ราชันพิภพเอกไพศาล สีหน้าของเขาดูแปลกๆ ก่อนพึมพำว่า เขตแดนนี้...ดูเหมือน...


ราชันพิภพเอกไพศาล รู้สึกคลับคล้ายคลับคาเขตแดนดังกล่าว แต่มันยังมีบางอย่างคลุมเครือติดอยู่ในใจเขา แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ต่อไป หลินหมิงเริ่มโจมตีโยวซูจินแล้ว !


 หยดโลหิตฟินิกซ็โบราณ เผาไหม้ !

 

ต้นกล้าเทพอสูร เปิด !


 พรึบ !.

 

 

ณ ช่วงเวลานี้ร่างกายทั้งหมดของหลินหมิงลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม ภายในส่วนลึกของหัวใจเปลวเพลิงสีม่วงปะทุขึ้นมาในทันที แม้แต่นัยน์ตาของเขายังดูราวกับกำลังลุกไหม้ !


หลินหมิงเผาผลาญหยดโลหิตฟินิกซ์โบราณทั้งหมด พร้อมกับเปิดใช้ต้นกล้าเทพอสูรจนถึงขีดสุด บนหอกฟินิกซ์โบราณแสงสีม่วงและแดงเริ่มส่องแสง !


สีม่วงคือไฟมายา สีแดงคือธาตุไฟแท้ !


 แสงไฟศักดิ์สิทธิทั้งสองผสานเข้าด้วยกันในพริบตา การโจมตีด้วยหอกนี้มันคือการโจมตีโดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากการประยุกต์ใช้กฎของธาตุไฟ !


โยวซูจิน เข้าถึงระดับสี่จากกฎมิติและกฎธาตุน้ำ และกฎทั้งสองยังเกือบจะก้าวข้ามไปยังธรณีประตูระดับห้าอีกด้วย ด้วยความสำเร็จระดับนี้ของเขายังคงได้รับความชื่นชมไม่รู้จบ .


แต่สำหรับหลินหมิงเขาได้ก้าวผ่านธรณีประตูกฎธาตุไฟเข้าสู่ระดับห้าแล้ว อีกทั้งเขายังเข้าถึงขอบเขตเปลวไฟมายาได้อีกด้วย !


กฎระดับห้านับเป็นระดับใหม่อย่างสมบูรณ์ การก้าวผ่านกับการแตะถึงธรณีประตูระดับห้า มันย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว และนี่คือการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของหลินหมิง หลังจากได้เข้าต่อสู้และกลืนกินพลังวิญญาณในดินแดนมายาศักดิ์สิทธิ !


กฎธาตุไฟระดับ5 = เปลวเพลิงมายาดับสูญ !”


พรึบ !


เปลวเพลิงทั้งหมดรวมถึงเปลวเพลิงรอบกายหลินหมิง ถ่ายเทลงในหอกฟินิกซ์โบราณในพริบตา !.

 

 

เปลวเพลิงม่วงแดงบิดเกลียวเข้าหากันเลี้ยวพันรอบหอกฟินิกซโบราณ ราวกับมังกรไฟสีม่วงแดงขนดเข้าหากัน ตัวหอกทะยานไปด้านหน้าในทันที เมื่อเผชิญหน้ากับโยวซูจิน หากเปรียบเทียบกับดาบแสงนับพันเล่ม เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วน การโจมตีของหลินหมิงดูธรรมดามาก


ทันใดนั้นดอกบัวจักรพรรดิด้านหลังห่อหุ้มหลินหมิงในทันที พร้อมกับร่างหลินหมิงทะยานพุ่งไปด้านหน้าความเร็วของหลินหมิงเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด.ในพริบตา !

 

ปัง !

 

เกล็ดหิมะโดยรอบถูกฉีกกระชากในทันที !

 

 

 

 

ถึงกระนั้นภายใต้การควบคุมของโยวซูจิน เกล็ดหิมะโดยรอบรวมตัวเข้าด้วยกันในทันที ก่อนจะหมุนวนกลายเป็นพายุหิมะสีขาวขนาดใหญ่ กวาดผ่านตรงไปยังหลินหมิง !

 

วู้ว ว้ว !


เสียงสายลมกรีดร้องพร้อมกับความบิดเบี้ยวบนความว่างเปล่าโดยรอบพายุสีขาว ทุกสิ่งรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ก้อนหิน ถูกบดขยี้ทำลายจนกลายเป็นฝุ่นผง.


ปัง ปัง ปัง !


แต่หลินหมิงยังคงไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ทุกสิ่งที่ขวางหน้าถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง !


ด้วยเขตแดนแรกกำเนิด เขาได้ลบทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่กฎมิติของโยวซูจิน !.


อีกทั้งด้วยความเข้าใจในกฎธาตุไฟระดับ5 เหลินหมิงยังยับยั้งเกล็ดหิมะ8000ไมล์ของโยวซูจินได้อย่างสมบูรณ์ !


เนื่องด้วยทั้งสองกฎ เมื่อเปรียบเทียบกฎธาตุน้ำระดับ4กับกฎธาตุไฟระดับ5 มันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครเหนือกว่า !


 

ปัง !


หอกฟินิกซ์โบราณทะลวงผ่านดาบแสงนับพัน พุ่งตรงเข้าหาด้านหน้าของโยวซูจินในทันที !


ถึงแม้จะยังมีร่างเงาของโยวซูจินขวางอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เข้าร่วมทั่วไปจะแยกแยะออกได้ แต่สำหรับหลินหมิงผู้มีเขตแดนแรกกำเนิด สิ่งนี้ยังไม่นับเป็นอันใดได้ ถึงแม้ร่างเงาเหล่านี้จะยังคงไม่ดับสลายไปในทันทีแต่มันยังค่อยๆสลายไป และนี่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินหมิง  !


หอกของหลินหมิงเล็งตรงไปยังหน้าอกร่างจริงของโยวซูจิน ในขณะที่โยวซินเต็มไปด้วยความตกตะลึง ! ในยามนี้สัญชาตณาณของโยวซูจินทำได้เพียงยกดาบกันหอกของหลินหมิง โดยอัตโนมัติ แต่เขาเพิ่งใช้ทักษะสังหารออกไป มันยังไม่มีเวลามากพอให้เขารวบรวมลมปราณแท้ แล้วเขาจะป้องกันการโจมตีของหลินหมิงได้อย่างไร ?


ปัง ! แควก !

 

หอกฟินินกซ์โบราณทำลายผ่านดาบแสงสุดท้ายกอ่นที่จะฉีกเกราะลมปราณออกในพริบตา !


อั่กก !


เกราะลมปราณของโยวซูจินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเปลวไฟมายาพุ่งเข้าสู่ร่างกายของโยวซิจินในทันที  ณ ช่วงเวลานี้ ภายในจิตใจของโยวซูจินเริ่มเติมเต็มไปด้วยความอิจฉาและความโกรธแค้น !


เกลียด !


ไม่ยินยอม !


อิจฉา !


เขาเกลียดความสามารถของหลินหมิง เขาอิจฉาความแข็งแกร่งของหลินหมิง เขาไม่เต็มใจยอมรับศักยภาพของหลินหมิงที่เหนือกว่า เขาแค้นเคืองที่ต้องพ่ายแพ้หลินหมิงท่ามกลางสายตาของทุกคน สภาพในปัจจุบันมันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากผู้ได้รับความอัปยศ !


ไฟแค้นและไฟริษยา นับเป็นส่วนหนึ่งของเปลวไฟมายาเช่นกัน ในยามที่หลินหมิงโจมตีโยวซูจิน แปลวไฟมายาภายในร่างกายโยวซูจินได้กระตุ้นความเคียดแค้นและความริษยาอิจฉาในจิตใจของโยวซูจินถึงขีดสุด ในเวลานี้ ความรู้สึกดังกล่าวมันแทบจะแผดเผาโยวซูจินให้มอดไหม้ในไม่ช้า  !


ดวงตาของโยวซูจินดงราวกับโลหิต ในขณะที่ร่างกายของเขาราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ !

 

ปัก !

 

เจ้าแพ้แล้ว !

 .

ภายใต้กฎการประลอง อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สายตาของเสี่ยวเต๋าจื่อ มันเป็นไปไม่ได้ที่หลินหมิงจะสังหารโยวซูจิน เขาทำได้เพียงใช้ด้ามหอกกวาดผ่านไปบนร่างของโยวซูจิน !


 

อ็อก !


โยวซูจินถูกฟาดร่างกระเด็นหมุนคว้างขึ้นไปก่อนที่จะตกลงบนแท่นผนึกเทวะพร้อมกับเลือดสาดกระจาย !


โยวซูจินพ่าย !


หลินหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเก็บหอกฟินิกซ์โบราณ และเริ่มปรับลมปราณแท้ในทันที การเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิดพร้อมกับกฎธาตุไฟระดับห้า มันจำเป็นต้องใช้ลมปราณแท้ไปไม่น้อย .


ณ เวลาเดียวกัน บนแท่นผนึกเทวะกลับเต็มไปด้วยความเงียบ แม้แต่เสี่ยวเต๋าจื่อที่ดูเฉนเมย

และเข้าใจยาก ยังลืมตาเพ็งมองไปที่หลินหมิง!




                                                                                            BY NSN

Facebook