วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1250

 

Chapter 1250 – ราชาหลินหมิง

 

ในฐานะศิษย์หลักราชันสวรร์เอกอนันต์ เสี่ยวเต๋าจือได้เข้าออกพระราชวังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง ตลอดอายุไขนับล้านปีของเขา เขาได้เห็นอัจฉริยะมากมาย และอัจฉริยะเหล่านั้นล้วนอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !


ราชันสวรรค์มีศิษย์หลักหลายร้อยคน ส่วนราชันสวรรค์อื่นๆยังมีไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นเสี่ยวเต๋าจื่อย่อมได้พบและเห็นเหล่าตัวตนเช่นนี้มานับไม่ถ้วน !


และด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับรอบรองชนะเลิศเล็กๆบนแท่นผนึกเทวะเช่นนี้จะได้รับความสนใจจากเสี่ยวเต๋าจือ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงลอยตัวนั่งสมาธิทำตัวเฉยเมย โดดเดี่ยวอยู่กลางอากาศ แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจินยังไม่อยู่ในสายตาเขา


แต่ในตอนนี้ การเปิดเผยความแข็งแกร่งของหลินหมิง มันเพียงพอที่จะทำให้เสี่ยวเต๋าจื่อตกตะลึง !.


สิ่งที่เขาตกตะลึงมันไม่ใช่ความแข็งแกร่งของหลินหมิง ในความคิดของเขา ความแข็งแกร่งของหลินหมิงยังนับว่าอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม มันไม่น่าประหลาดใจมากนัก แต่ศักยภาพของหลินหมิงนี่สิที่ทำให้เขาตกตะลึง.


อายุเพียง30ปี ระดับบ่มเพาะเพียงเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด แต่กลับเอาชนะโยวซูจิน เทพสมุทรขั้นสูงสุดได้ ศักยภาพเช่นนี้มันสูงพอที่จะทัดเทียมกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ ! และนี้ยังไม่นับรวมเรื่องที่เขาไม่ได้เติบโตมาจากพระราชวังสวรรค์ ไม่ได้มีอาจารย์คอยสอน ไม่ได้มี ทรัพยากร มรดกสืบทอด จากรพระราชวังสวรรค์ เขานั้นดูเสียเปรียบกว่าบุคคลอื่นมากนัก แต่เขากลับสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงระดับนี้ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก !


เจ้าเด็กคนนี้...มันช่างน่าเหลือเชื่อนัก !”


คำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจือเพียงประโยคเดียว ยังนับได้ว่าเป็นการประเมินหลินหมิงไว้สูงมาก ในส่วนของผู้เข้าชมพวกเขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะแสดงออกเช่นไร


สำหรับเหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สทธินภาทมิฬ จากเดิมที่ตื่นเต้น ฮึกเหิม เกรี้ยวกราด พวกเขาราวกับโดนน้ำแข็งราดศีรษะ ความเร่าร้อน ฮึกเหิมใดใดล้วนมอดดับสนิท !


ศิษย์พี่ที่อยู่งคงกระพันในสายตาของพวกเขา ศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้กลับถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ เขาสูญเสียความสามารถทั้งหมด สูญเสียความแข็งแกร่ง และถูกทิ้งไว้ราวกับสุนัขตายตัวหนึ่ง !


ศิษย์พี่หลิน ไม่โหดร้ายเกินไปรึ ?!”


เหยียนเสวี่ยเอ่อร์พึมพำเสียงเบา การประลองของเธอมันจบลงนานาแล้ว และเธอยังกลับมายังอัศจรรย์ผู้ชมทันดูการต่อสู้ของหลินหมิง.


เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างตกตะลึง อ้าปากค้าง สำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลินหมิงจะเอาชนะได้แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจิน !


โดยเฉพาะเมื่อได้เห็น กฎธาตุไฟระดับห้า นี่ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่า .

 

 

อายุเพียง30ปีกลับเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับ5 อีกทั้งยังสามารถหลอมรวมกฎเข้าด้วยกันอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสในอดีตและปัจจุบันบางส่วนยังไม่สามารถกระทำตามได้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา !


แม้แต่โยวซูจินที่ขึ้นชื่อว่าอัจฉริยะในเรื่องความเข้าใจในกฎมิติและน้ำเเข็ง แต่เขายังไม่สามารถเข้าถึงระดับห้าได้ !


ราชาหลินหมิง !”


บางคนจากเหล่าผู้ชมเริ่มร้องตะโกนเสียงดัง !


และเมื่อมีผู้เริ่ม มันย่อมมีผู้ตาม คลื่นเสียงร้องตะโกนดังสนั่นทั่วอัศจรรย์ผู้ชมในทันที .


ราชาหลินหมิง !”


ราชาหลินหมิง!”


ในตอนแรกมันเป็นเพียงเสียงศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ แต่ยามนี้มันกับเป็นเสียงจากผู้เข้าชมนับพันล้าน ในน้ำเสียงมันยังแฝงไว้ด้วยความ ปิติยินดี !


ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาพร้อมกัน คลื่นเสียงอันน่ากลัวสะท้อนก้องออกไปนับแสนไมล์ อีกทั้งมันยังกวาดผ่านเมฆกระจายหายไป ราวกับมันจะดังไปถึงสวรรค์ !


สำหรับรอบรองชนะเลิศ ผู้ผ่านเข้ารอบมาได้ศักยภาพของพวกเขามันแทบจะเทียบเท่ากับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !


จากผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่มีอยู่ แม้พวกเขาจะมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันยิ่งใหญ่ขนาดไหน มันยังไม่ต่างจากพวกวัชพืชเมื่อเทียบกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ แต่หลินหมิงกับใช้ความแข็งแกร่งบอกกับทุกผู้คนว่า ไม่ว่าจะมีภูมิหลังยังไง ไม่ว่าจะมีทรัพยากรมากขนาดไหน หรือแม้แต่พวกเจ้าจะมีมรดกตกทอดดีหรือย่ำแย่ขนาดไหน พวกเจ้ายังสามารถแสดงศักยภาพพอพอกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้  !


ณ ช่วงเวลานี้ หลินหมิงดูเหมือนจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนแท่นผนึกเทวะ เขาดูราวกับวีรบุรุษผู้ปกครองพิภพนี้ ลักษณะการยืนอย่างองอาจ แผ่นหลังตั้งตรงราวกำแพงเหล็ก มันมั่นคงและเต็มไปด้วยความภาคภูมิบนพิภพนี้!


หลินหมิงเอาชนะได้จริงๆ..เขาเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับห้าและยังมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดอีกด้วย …”


ภายในพระราชวังสวรรค์เอกอนันต์ ราชันพิภพเอกไพศาล จมอยู่ในความคิดช่วงหนึ่ง เขาสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก่อนจะสังเกตรอบๆตัว เขาพบว่ามีราชันพิภพในชุดคลุมสีดำกำลังมองมาที่เขา


ดวงตาของชายผู้นี้ดูลึกลับและน่าหวาดกลัว รูม่านตาของเขาเป็นสีแดง ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มจางๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อราชันพิภพเอกไพศาลมองไปที่เขา เขารู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที เทียนหมิงจื่อ ..เจ้าจะทำอะไร ?”


เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”


เทียงหมิงจื่อยังคงยิ้ม ! ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดรบกวนความรู้สึกเขาได้ แม้แต่โยวซูจินผู้เป็นบุตรหลานของเขาจะถูกหลินหมิง สยบทั้งในด้านศักยภาพและความแข็งแกร่ง เขายังคงสงบและเผยรอยยิ้มออกมาได้ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ราชันพิภพทั่วไปจะสามารถกระทำได้.

 

 

สำหรับเหล่าราชันพิภพหลายคน ยิ่งพวกเขาอายุมากขึ้น พวกเขายิ่งใส่ใจในหน้าตาและชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งจากเดิมได้อีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหันมาสนใจและบ่มเพาะให้กับบุตรหลานของตัวเองมากขึ้น และนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ยามเมื่อเจอเหล่าสหายพวกเขาต่างยกความสำเร็จของบุตรหลานมาแข่งขันกัน

.

โดยปกติหากบุตรหลานของพวกเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ หน้าของพวกเขาจะเขี้ยวคล้ำด้วยความโกรธซะส่วนใหญ่ แต่เทียนหมิงจื่อกับไม่แสดงออกใดใดเลย ยังคงยิ้มและพูดคุยกับคนรอบข้างเช่นเดิม .


อืม?” คิ้วของราชันพิภพเอกไพศาลขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาจมอยู่ในความคิดอีกครั้ง เทียนหมิงจื่อ เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับเขตแดนของหลินหมิงหรือไม่ ? หรือเขากำลังหาเบาะแสบางอย่างจากสีหน้าข้า


ความคิดดังกล่าวโผล่ขึ้นมาในความคิดของราชันพิภพเอกไพศาล สำหรับตัวตนเช่นพวกเขามันง่ายที่จะเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างผ่านทางปฏิกิริยาของพวกเขา


เขตแดนของหลินหมิงมันทำให้ข้านึกถึงใครบางคน...ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงเขาให้ฟัง อีกทั้งท่านอาจารย์ยังชื่นชมบุคคลนั้นอย่างมาก ตามคำกล่าวท่านอาจารย์ เขตแดนของหลินหมิงคล้ายคลึงกับความสามารถพิเศษบางอย่างของบุคคลผู้นั้น !


ข้าต้องบอกท่านอาจารย์ให้ท่านตัดสินใจเอง .”


ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในจิตใจของราชันพิภพเอกไพศาล ถึงกระนั้นภายนอกท่าทีของเขายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมให้ใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.


ช่างน่าเสียดาย หลานโยวซูจินที่รัก เขาแพ้โดยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ราชันพิภพเอกไพศาลลูบเครา กล่าวออกมาพร้อมดวงตาที่ดูเศร้าราวกับโยวซูจินเป็นบุตรหลานของตัวเอง.


อืม...โยวซูจินเข้าใจในกฎ มิติ เวลาและกฎธาตุน้ำในระดับที่สูงพอสมควร แต่กระนั้นมันยังดูเหมือนเขาต้องแบ่งความเข้าใจออกไปศึกษากฎทั้ง3ด้วยเช่นกัน การที่เขาเข้าถึงระดับ4จนเกือบแตะธรณีประตูระดับ5ได้ มันนับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งแล้ว แต่เขากับไม่สามารถเอาชนะหลินหมิงที่เข้าใจในกฎเดียวถึงระดับ5ได้ นี่ถ้าโยวซูจินศึกษากฎเพียงกฎเดียวเขาเองย่อมเข้าถึงระดับ5ได้เช่นกัน และถ้ามันเป็นเช่นนั้นมันคงยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะ .”


ราชันพิภพจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันดับต้นๆอีกคนกล่าวเสียงดังออกมา เขายังมองหาเหตุผลอื่นเพื่ออธิบายความพ่ายแพ้ของโยวซูจินอย่างชัดเจน.


ในความเป็นจริง ในความเห็นของพวกเขา พวกเขาไม่ได้สนใจว่าศักยภาพของหลินหมิงจะเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์หรือไม่ ? แต่ในปัจจุบันศักยภาพของเทียนหมิงจื่อนั้นเหนือกว่าบุตรหลานราชันสวรรค์ส่วนใหญ่ !


ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมมิได้ ดังนั้นการพ่ายแพ้ของโยวซูจินเพียงครั้งเดียวนับเป็นอันใดได้ ? ดังนั้นเหล่าราชันพิภพจึงได้ยกย่องและยกย่องเทียนหมิงจื่อเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา.


เทียนหมิงจื่อคิดเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า ทุกท่านประเมินโยวซูจินไว้สูงเกินไป ทายาทของข้าผู้นี้นับเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี เขามีทรัพยากรมากมาย แต่แค่ความสำเร็จระดับนี้เขายังผ่านมันไปไม่ได้ แต่สำหรับหลินหมิงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิหลังเขาเพียงเท่านั้น แต่เขากลับได้ผลลัพท์ที่น่าประทับใจเช่นนี้ ศักยภาพของเขาน่าทึ่งจริงๆ มันไม่นับเป็นความอยุติธรรมใดใด หากต้องพ่ายแพ้เขา.”


.ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เทียนหมิงจื่อ ช่างใจกว้างยิ่งนัก นี่ทำให้ข้าละอายใจจริงๆ!”


ถูกต้อง ! ชนรุ่นหลังย่อมมีวิธีการของตนเอง ถ้าเราพยายามที่จะกำหนด กฎเกรณ์ตามความต้องการของพวกเรา พวกเขาคงจะเครียดกันมาก และนี่จะทำลายความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาด้วย .”


ทัศนคติและความผ่อนคลายไร้กังวลของศิษย์พี่เทียนหมิงจื่อ ช่างน่ายกย่องจริงๆ.”


ในขณะทุกคนยกย่องเทียนหมิงจื่อ ไม่มีใครกล่าวถึงเขตแดนของหลินหมิง สำหรับพวกเขามันเป็นเสมือนโชคของหลินหมิงที่ได้ประสพพบเจอมา สำหรับหลินหมิงที่ได้ประสพโชดเช่นนี้ยังนับว่าอยูในเหตุและผลเช่นกัน


แต่หากเป็นอัจฉริยะธรรมดาทั่วไป การได้รับโชคเช่นนี้มันจะกลายเป็นหายนะแทน.

 

แต่ศักยภาพของหลินหมิงมันเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้ก็เพียงในนามเท่านั้น ด้วยฐานะเช่นนี้มันยังไม่พอที่จะกระตุ้นความสนใจและความโลภของผู้อื่นมากนัก.


ถึงแม้ว่าราชันพิภพเอกไพศาลจะรู้ถึงโชคของหลินหมิงนั้นช่างดีมากเหลือเกินก็ตาม !


บนสนามประลองการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์  ณ พิภพนักสู้แท้จริงบนดาวคำสาปจันทรา เสียงตะโกนดังสนั่นที่กินเวลายาวนาน ในที่สุดก็สงบลง .


โยวซูจินถูกกำจัดออก ในขณะที่หลินหมิงนั่งลงปรับลมปราณแท้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้คงที่ บนแท่นผนึกเทวะชั้นที่31 .


ส่วนอีกด้นหนึ่ง เขี้ยวมังกรกับนักดาบประกายโลหิตยังคงไม่ได้เริ่มต่อสู้.


ทั้งคู่ต่างเฝ้ามองการต่อสู้ของหลินหมิง.


หลินหมิงเหลือบมองเขี้ยวมังกรในขณะที่เขี้ยวมังกรมองตรงมาที่เขาเช่นกัน.


เขี้ยวมังกรยิ้มก่อนจะกล่าวว่า เจ้าต่อสู้ได้ดี .”


การประเมินของเขี้ยวมังกรหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินหมิง เขามีเพียงความชื่นชม แต่ไม่ได้หวาดกลัวหรือรู้สึกอ่อนด้อยกว่า.


มีเพียงคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเช่นหลินหมิงเท่านั้นที่จะทำให้จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาลุกโชน เขาคาดหวังการต่อสู้เช่นนี้เช่นกัน .


แต่มันไม่ใช่กับนักดาบประกายโลหิต การแสดงออกของเขาค่อนข้างเคร่งขรึมและจริงจัง เขาประเมินตัวเองหากต้องต่อสู้กับหลินหมิง เขาคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน !


ไอ้เด็กเวรนี่ ทำไมมันถึงผิดปกติได้มากขนาดนี้ !?”


นักดาบประกายโลหิตจับดาบในมือแน่น ความรู้สึกหมดหนทางผุดขึ้นกลางใจเขา หลินหมิงแข็งแกร่งเกินไป !


และในเวลานี้ เขี้ยวมังกรหันไปหานักดาบประกายโลหิตก่อนจะกล่าว สหาย มันถึงเวลาของเราแล้ว.”


เขี้ยวมังกรดูสงบมาก แต่เมื่อรูปลักษณ์เช่นนี้ปรากฏในสายตานักดาบประกายโลหิต เขารู้สึกว่ามันเป็นเพียงการเสแสร้ง มันดูราวกับเขาไม่สนใจในการต่อสู้ครั้งนี้เลย !


ไม่เช่นนั้นเขาจะดูสงบได้อย่างไรกัน เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่สำคัญเช่นนี้ ?


เจ้าเด็กนี่ มันคิดว่าข้าเป็นลูกพลับอ่อนรึ ? หรือมันคิดว่ามันอยู่ในระดับเดียวกับหลินหมิงจริงๆ? มันคงคิดว่าจะทุบตีข้าได้ตามใจชอบใช่ไหม ?

 

 

นักดาบประกายโลหิตคิดพยายามระงับความโกรธของตัวเอง เขาต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น ถึงแม้เขาจะด้อยกว่าหลินหมิง แต่ตัวเขายังนับเป็นอัจฉริยะชั้นยอดเช่นกัน และถึงแม้ว่าเขี้ยวมังกรในยามนี้จะดูสง่างามและดูสูงส่งเกินไป แต่เขาคงไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่าข้า !


ฟิ้วววว ฟิ้วววว!



นักดาบประกายโลหิตกวัดแกว่งดาบในมือ !


นักดาบประกายโลหิตมันเป็นเพียงสมญานาม มันไม่ใช่ชื่อจริง นั้นเป็นเพราะภายในพิภพสรวงสวรรค์แห่งใหม่ อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิกำเนิดใหม่ จากการต่อสู้ทุกครั้งดาบของเขาไม่เคยเปื้อนโลหิต นั้นเพราะความเร็วจากดาบของเขานั้นเร็วมากจนโลหิตสาดกระจายไม่อาจเปรอะเปื้อนดาบของเขาได้ทัน ดังนั้นเขาจึงได้รับสมญานามนักดาบประกายโลหิต!


ดังนั้นดาบของนักดาบประกายโลหิตจึงเร็วได้ถึงขีดสุด !


วิ้ว วิ้ว !


กลิ่นอายดาบและดาบแสงเติมเต็มไปทั่วบริเวณลานต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะ พวกมันดูราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่พวกมันจะพัดเข้าหาเขี้ยวมังกร.


นี่คือกฎแห่งลม นักดาบประกายโลหิตหลอมรวมดาบแสงเข้ากับสายลม สายลมกลายเป็นดาบ ดาบกลายเป็นสายลม ! ตั้งแต่เริ่มดาบของเขาแทบจะมองไม่เห็น สิ่งที่มองเห็นมีเพียงดาบแสง แต่ยามนี้ แม้แต่ดาบแสงยังมองไม่เห็น !


แม้แต่ทักษะดาบของโยวซูจินยังดูด้อยกว่าทักษะดาบของยอดนักดาบประกายโลหิตในด้านความเร็ว ! ดาบเล่มนี้รวดเร็วราวกับพายุส่องแสงประกาย แต่มันกับมองไม่เห็นตัวดาบแล้วจะป้องกันได้อย่างไร ?

 

ในเวลาเดียวกัน  อาวุธของเขี้ยวมังกรถูกดึงออกมาเช่นกัน อาวุธของเขาดูคล้ายกับกระบี่และดาบในเวลาเดียวกัน ด้ามตรงแต่ปลายดาบโค้งเหมือนมีดดูแหลมคมมาก ขอบคมส่วนตรงกลางกับมีปุ่มลักษณะคล้ายสันเขา .


ในแง่รูปร่างของมันดูคล้ายเขี้ยวมังกร และสมญานามของเขี้ยวมังกร ก็มาจากดาบของเขานั้นเอง !


อืม ความเร็วพอใช้ได้ แต่แรงโจมตียังไม่เพียงพอ .”

 

 ปัง !

 

เขี้ยวมังกรวาดดาบออกในทันที ! แสงดาบเปล่งประกายปกคลุมไปทั่วในพริบตา เพียงแค่การวาดดาบธรรมดา มันทำให้พื้นแท่นผนึกเทวะสั่นสะเทือน ในวินาทีเดียวกัน ดาบแสงไร้สิ้นสุดของยอดนักดาบประกายโลหิต เริ่มบิดเบี้ยวก่อนที่จะถูกทำลายลงในพริบตา  !


เพียงดาบเดียว จากความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบของเขี้ยวมังกร กับ สยบดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนของยอดนักดาบประกายโลหิตได้อย่างสมบูรณ์!

 

ความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบ สามารถทำลายได้10,000การเคลื่อนไหว เมื่อความแข็งแกร่งแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ มันไม่มีทักษะหรือเทคนิคใดชดเชยได้

.

 อืม ....ความแข็งแกร่งสมบูรณ์  !.”

 

แสงแว้บผ่านดวงตาของหลินหมิง การโจมตีของเขี้ยวมังกรมันดูแปลกประหลาดมากเกินไป นี่ยังเป็นเพียงแค่การโจมตีธรรมดา โดยไม่ได้ใช้ทักษะใดใดด้วยซ้ำ !


ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้ มันจะจบลงอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างระหว่างยอดนักดาบประกายโลหิตกับเขี้ยวมังกร มันกว้างใหญ่มากเกินไป !”

 

                                                                                                                                                                                                                                                       BY NSN

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Facebook