Chapter 1250 – ราชาหลินหมิง
ในฐานะศิษย์หลักราชันสวรร์เอกอนันต์
เสี่ยวเต๋าจือได้เข้าออกพระราชวังสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
ตลอดอายุไขนับล้านปีของเขา เขาได้เห็นอัจฉริยะมากมาย
และอัจฉริยะเหล่านั้นล้วนอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !
ราชันสวรรค์มีศิษย์หลักหลายร้อยคน
ส่วนราชันสวรรค์อื่นๆยังมีไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นเสี่ยวเต๋าจื่อย่อมได้พบและเห็นเหล่าตัวตนเช่นนี้มานับไม่ถ้วน
!
และด้วยเหตุนี้
มันจึงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับรอบรองชนะเลิศเล็กๆบนแท่นผนึกเทวะเช่นนี้จะได้รับความสนใจจากเสี่ยวเต๋าจือ
ดังนั้นเขาจึงทำเพียงลอยตัวนั่งสมาธิทำตัวเฉยเมย โดดเดี่ยวอยู่กลางอากาศ
แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจินยังไม่อยู่ในสายตาเขา
แต่ในตอนนี้
การเปิดเผยความแข็งแกร่งของหลินหมิง มันเพียงพอที่จะทำให้เสี่ยวเต๋าจื่อตกตะลึง !.
สิ่งที่เขาตกตะลึงมันไม่ใช่ความแข็งแกร่งของหลินหมิง
ในความคิดของเขา ความแข็งแกร่งของหลินหมิงยังนับว่าอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
มันไม่น่าประหลาดใจมากนัก แต่ศักยภาพของหลินหมิงนี่สิที่ทำให้เขาตกตะลึง.
อายุเพียง30ปี
ระดับบ่มเพาะเพียงเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด แต่กลับเอาชนะโยวซูจิน
เทพสมุทรขั้นสูงสุดได้
ศักยภาพเช่นนี้มันสูงพอที่จะทัดเทียมกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !
และนี้ยังไม่นับรวมเรื่องที่เขาไม่ได้เติบโตมาจากพระราชวังสวรรค์
ไม่ได้มีอาจารย์คอยสอน ไม่ได้มี ทรัพยากร มรดกสืบทอด จากรพระราชวังสวรรค์
เขานั้นดูเสียเปรียบกว่าบุคคลอื่นมากนัก
แต่เขากลับสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงระดับนี้ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก !
“เจ้าเด็กคนนี้...มันช่างน่าเหลือเชื่อนัก
!”
คำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจือเพียงประโยคเดียว
ยังนับได้ว่าเป็นการประเมินหลินหมิงไว้สูงมาก
ในส่วนของผู้เข้าชมพวกเขาในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะแสดงออกเช่นไร
สำหรับเหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สทธินภาทมิฬ
จากเดิมที่ตื่นเต้น ฮึกเหิม เกรี้ยวกราด พวกเขาราวกับโดนน้ำแข็งราดศีรษะ
ความเร่าร้อน ฮึกเหิมใดใดล้วนมอดดับสนิท !
ศิษย์พี่ที่อยู่งคงกระพันในสายตาของพวกเขา
ศิษย์พี่ที่ยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้กลับถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์
เขาสูญเสียความสามารถทั้งหมด สูญเสียความแข็งแกร่ง
และถูกทิ้งไว้ราวกับสุนัขตายตัวหนึ่ง !
“ศิษย์พี่หลิน
ไม่โหดร้ายเกินไปรึ ?!”
เหยียนเสวี่ยเอ่อร์พึมพำเสียงเบา
การประลองของเธอมันจบลงนานาแล้ว
และเธอยังกลับมายังอัศจรรย์ผู้ชมทันดูการต่อสู้ของหลินหมิง.
เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างตกตะลึง
อ้าปากค้าง สำหรับพวกเขา ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงจริงๆว่าหลินหมิงจะเอาชนะได้แม้แต่ตัวตนเช่นโยวซูจิน !
โดยเฉพาะเมื่อได้เห็น
กฎธาตุไฟระดับห้า นี่ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงมากกว่า .
อายุเพียง30ปีกลับเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับ5
อีกทั้งยังสามารถหลอมรวมกฎเข้าด้วยกันอีกด้วย
นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสในอดีตและปัจจุบันบางส่วนยังไม่สามารถกระทำตามได้ตลอดชีวิตที่ผ่านมา
!
แม้แต่โยวซูจินที่ขึ้นชื่อว่าอัจฉริยะในเรื่องความเข้าใจในกฎมิติและน้ำเเข็ง แต่เขายังไม่สามารถเข้าถึงระดับห้าได้ !
“ราชาหลินหมิง
!”
บางคนจากเหล่าผู้ชมเริ่มร้องตะโกนเสียงดัง
!
และเมื่อมีผู้เริ่ม
มันย่อมมีผู้ตาม คลื่นเสียงร้องตะโกนดังสนั่นทั่วอัศจรรย์ผู้ชมในทันที .
“ราชาหลินหมิง
!”
“ราชาหลินหมิง!”
ในตอนแรกมันเป็นเพียงเสียงศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ
แต่ยามนี้มันกับเป็นเสียงจากผู้เข้าชมนับพันล้าน ในน้ำเสียงมันยังแฝงไว้ด้วยความ
ปิติยินดี !
ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาพร้อมกัน
คลื่นเสียงอันน่ากลัวสะท้อนก้องออกไปนับแสนไมล์
อีกทั้งมันยังกวาดผ่านเมฆกระจายหายไป ราวกับมันจะดังไปถึงสวรรค์ !
สำหรับรอบรองชนะเลิศ ผู้ผ่านเข้ารอบมาได้ศักยภาพของพวกเขามันแทบจะเทียบเท่ากับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ !
จากผู้เข้าร่วมทั้งหมดที่มีอยู่
แม้พวกเขาจะมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันยิ่งใหญ่ขนาดไหน
มันยังไม่ต่างจากพวกวัชพืชเมื่อเทียบกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์
แต่หลินหมิงกับใช้ความแข็งแกร่งบอกกับทุกผู้คนว่า ไม่ว่าจะมีภูมิหลังยังไง
ไม่ว่าจะมีทรัพยากรมากขนาดไหน หรือแม้แต่พวกเจ้าจะมีมรดกตกทอดดีหรือย่ำแย่ขนาดไหน
พวกเจ้ายังสามารถแสดงศักยภาพพอพอกับเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้ !
ณ ช่วงเวลานี้
หลินหมิงดูเหมือนจะเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวบนแท่นผนึกเทวะ
เขาดูราวกับวีรบุรุษผู้ปกครองพิภพนี้ ลักษณะการยืนอย่างองอาจ
แผ่นหลังตั้งตรงราวกำแพงเหล็ก มันมั่นคงและเต็มไปด้วยความภาคภูมิบนพิภพนี้!
“หลินหมิงเอาชนะได้จริงๆ..เขาเข้าถึงกฎธาตุไฟระดับห้าและยังมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดอีกด้วย
…”
ภายในพระราชวังสวรรค์เอกอนันต์
ราชันพิภพเอกไพศาล จมอยู่ในความคิดช่วงหนึ่ง เขาสูดลมหายใจเข้าเบาๆ
ก่อนจะสังเกตรอบๆตัว เขาพบว่ามีราชันพิภพในชุดคลุมสีดำกำลังมองมาที่เขา
ดวงตาของชายผู้นี้ดูลึกลับและน่าหวาดกลัว
รูม่านตาของเขาเป็นสีแดง ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มจางๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง
เมื่อราชันพิภพเอกไพศาลมองไปที่เขา เขารู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาในทันที “เทียนหมิงจื่อ
..เจ้าจะทำอะไร ?”
“เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
เทียงหมิงจื่อยังคงยิ้ม ! ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดรบกวนความรู้สึกเขาได้
แม้แต่โยวซูจินผู้เป็นบุตรหลานของเขาจะถูกหลินหมิง
สยบทั้งในด้านศักยภาพและความแข็งแกร่ง เขายังคงสงบและเผยรอยยิ้มออกมาได้
นี่มันไม่ใช่สิ่งที่ราชันพิภพทั่วไปจะสามารถกระทำได้.
สำหรับเหล่าราชันพิภพหลายคน ยิ่งพวกเขาอายุมากขึ้น พวกเขายิ่งใส่ใจในหน้าตาและชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งจากเดิมได้อีกแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงหันมาสนใจและบ่มเพาะให้กับบุตรหลานของตัวเองมากขึ้น และนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ยามเมื่อเจอเหล่าสหายพวกเขาต่างยกความสำเร็จของบุตรหลานมาแข่งขันกัน
.
โดยปกติหากบุตรหลานของพวกเขาถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์
หน้าของพวกเขาจะเขี้ยวคล้ำด้วยความโกรธซะส่วนใหญ่
แต่เทียนหมิงจื่อกับไม่แสดงออกใดใดเลย ยังคงยิ้มและพูดคุยกับคนรอบข้างเช่นเดิม .
“อืม?” คิ้วของราชันพิภพเอกไพศาลขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
เขาจมอยู่ในความคิดอีกครั้ง “ เทียนหมิงจื่อ
เขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับเขตแดนของหลินหมิงหรือไม่ ? หรือเขากำลังหาเบาะแสบางอย่างจากสีหน้าข้า “
ความคิดดังกล่าวโผล่ขึ้นมาในความคิดของราชันพิภพเอกไพศาล
สำหรับตัวตนเช่นพวกเขามันง่ายที่จะเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างผ่านทางปฏิกิริยาของพวกเขา
“เขตแดนของหลินหมิงมันทำให้ข้านึกถึงใครบางคน...ถึงแม้ข้าจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน
แต่ท่านอาจารย์เคยกล่าวถึงเขาให้ฟัง อีกทั้งท่านอาจารย์ยังชื่นชมบุคคลนั้นอย่างมาก
ตามคำกล่าวท่านอาจารย์ เขตแดนของหลินหมิงคล้ายคลึงกับความสามารถพิเศษบางอย่างของบุคคลผู้นั้น
!
“ข้าต้องบอกท่านอาจารย์ให้ท่านตัดสินใจเอง
.”
ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในจิตใจของราชันพิภพเอกไพศาล
ถึงกระนั้นภายนอกท่าทีของเขายังคงแข็งกร้าวไม่ยอมให้ใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่.
“ช่างน่าเสียดาย
หลานโยวซูจินที่รัก เขาแพ้โดยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว “ ราชันพิภพเอกไพศาลลูบเครา
กล่าวออกมาพร้อมดวงตาที่ดูเศร้าราวกับโยวซูจินเป็นบุตรหลานของตัวเอง.
“อืม...โยวซูจินเข้าใจในกฎ
มิติ เวลาและกฎธาตุน้ำในระดับที่สูงพอสมควร
แต่กระนั้นมันยังดูเหมือนเขาต้องแบ่งความเข้าใจออกไปศึกษากฎทั้ง3ด้วยเช่นกัน
การที่เขาเข้าถึงระดับ4จนเกือบแตะธรณีประตูระดับ5ได้
มันนับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งแล้ว แต่เขากับไม่สามารถเอาชนะหลินหมิงที่เข้าใจในกฎเดียวถึงระดับ5ได้
นี่ถ้าโยวซูจินศึกษากฎเพียงกฎเดียวเขาเองย่อมเข้าถึงระดับ5ได้เช่นกัน
และถ้ามันเป็นเช่นนั้นมันคงยากที่จะบอกว่าใครเป็นผู้ชนะ .”
ราชันพิภพจากดินแดนศักดิ์สิทธิอันดับต้นๆอีกคนกล่าวเสียงดังออกมา
เขายังมองหาเหตุผลอื่นเพื่ออธิบายความพ่ายแพ้ของโยวซูจินอย่างชัดเจน.
ในความเป็นจริง
ในความเห็นของพวกเขา
พวกเขาไม่ได้สนใจว่าศักยภาพของหลินหมิงจะเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์หรือไม่ ?
แต่ในปัจจุบันศักยภาพของเทียนหมิงจื่อนั้นเหนือกว่าบุตรหลานราชันสวรรค์ส่วนใหญ่ !
ความสำเร็จในอนาคตของเขาจะน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมมิได้
ดังนั้นการพ่ายแพ้ของโยวซูจินเพียงครั้งเดียวนับเป็นอันใดได้ ?
ดังนั้นเหล่าราชันพิภพจึงได้ยกย่องและยกย่องเทียนหมิงจื่อเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา.
เทียนหมิงจื่อคิดเพียงเล็กน้อย
ก่อนจะกล่าวว่า “ทุกท่านประเมินโยวซูจินไว้สูงเกินไป
ทายาทของข้าผู้นี้นับเป็นบุคคลที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี เขามีทรัพยากรมากมาย
แต่แค่ความสำเร็จระดับนี้เขายังผ่านมันไปไม่ได้ แต่สำหรับหลินหมิงนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขามาจากดินแดนศักดิ์สิทธิหลังเขาเพียงเท่านั้น
แต่เขากลับได้ผลลัพท์ที่น่าประทับใจเช่นนี้ ศักยภาพของเขาน่าทึ่งจริงๆ
มันไม่นับเป็นความอยุติธรรมใดใด หากต้องพ่ายแพ้เขา.”
.”ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่เทียนหมิงจื่อ ช่างใจกว้างยิ่งนัก
นี่ทำให้ข้าละอายใจจริงๆ!”
“ถูกต้อง ! ชนรุ่นหลังย่อมมีวิธีการของตนเอง ถ้าเราพยายามที่จะกำหนด
กฎเกรณ์ตามความต้องการของพวกเรา พวกเขาคงจะเครียดกันมาก และนี่จะทำลายความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาด้วย
.”
“ทัศนคติและความผ่อนคลายไร้กังวลของศิษย์พี่เทียนหมิงจื่อ
ช่างน่ายกย่องจริงๆ.”
ในขณะทุกคนยกย่องเทียนหมิงจื่อ
ไม่มีใครกล่าวถึงเขตแดนของหลินหมิง
สำหรับพวกเขามันเป็นเสมือนโชคของหลินหมิงที่ได้ประสพพบเจอมา สำหรับหลินหมิงที่ได้ประสพโชดเช่นนี้ยังนับว่าอยูในเหตุและผลเช่นกัน
แต่หากเป็นอัจฉริยะธรรมดาทั่วไป
การได้รับโชคเช่นนี้มันจะกลายเป็นหายนะแทน.
แต่ศักยภาพของหลินหมิงมันเทียบเท่าบุตรหลานราชันสวรรค์ได้ก็เพียงในนามเท่านั้น
ด้วยฐานะเช่นนี้มันยังไม่พอที่จะกระตุ้นความสนใจและความโลภของผู้อื่นมากนัก.
ถึงแม้ว่าราชันพิภพเอกไพศาลจะรู้ถึงโชคของหลินหมิงนั้นช่างดีมากเหลือเกินก็ตาม
!
บนสนามประลองการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ ณ พิภพนักสู้แท้จริงบนดาวคำสาปจันทรา เสียงตะโกนดังสนั่นที่กินเวลายาวนาน
ในที่สุดก็สงบลง .
โยวซูจินถูกกำจัดออก
ในขณะที่หลินหมิงนั่งลงปรับลมปราณแท้ฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้คงที่ บนแท่นผนึกเทวะชั้นที่31 .
ส่วนอีกด้นหนึ่ง
เขี้ยวมังกรกับนักดาบประกายโลหิตยังคงไม่ได้เริ่มต่อสู้.
ทั้งคู่ต่างเฝ้ามองการต่อสู้ของหลินหมิง.
หลินหมิงเหลือบมองเขี้ยวมังกรในขณะที่เขี้ยวมังกรมองตรงมาที่เขาเช่นกัน.
เขี้ยวมังกรยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“เจ้าต่อสู้ได้ดี
.”
การประเมินของเขี้ยวมังกรหลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งของหลินหมิง
เขามีเพียงความชื่นชม แต่ไม่ได้หวาดกลัวหรือรู้สึกอ่อนด้อยกว่า.
มีเพียงคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเช่นหลินหมิงเท่านั้นที่จะทำให้จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาลุกโชน
เขาคาดหวังการต่อสู้เช่นนี้เช่นกัน .
แต่มันไม่ใช่กับนักดาบประกายโลหิต
การแสดงออกของเขาค่อนข้างเคร่งขรึมและจริงจัง เขาประเมินตัวเองหากต้องต่อสู้กับหลินหมิง
เขาคงพ่ายแพ้อย่างแน่นอน !
“ไอ้เด็กเวรนี่
ทำไมมันถึงผิดปกติได้มากขนาดนี้ !?”
นักดาบประกายโลหิตจับดาบในมือแน่น
ความรู้สึกหมดหนทางผุดขึ้นกลางใจเขา หลินหมิงแข็งแกร่งเกินไป !
และในเวลานี้
เขี้ยวมังกรหันไปหานักดาบประกายโลหิตก่อนจะกล่าว “สหาย
มันถึงเวลาของเราแล้ว.”
เขี้ยวมังกรดูสงบมาก
แต่เมื่อรูปลักษณ์เช่นนี้ปรากฏในสายตานักดาบประกายโลหิต
เขารู้สึกว่ามันเป็นเพียงการเสแสร้ง มันดูราวกับเขาไม่สนใจในการต่อสู้ครั้งนี้เลย !
ไม่เช่นนั้นเขาจะดูสงบได้อย่างไรกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่สำคัญเช่นนี้ ?
“เจ้าเด็กนี่
มันคิดว่าข้าเป็นลูกพลับอ่อนรึ ?
หรือมันคิดว่ามันอยู่ในระดับเดียวกับหลินหมิงจริงๆ? มันคงคิดว่าจะทุบตีข้าได้ตามใจชอบใช่ไหม ? ”
นักดาบประกายโลหิตคิดพยายามระงับความโกรธของตัวเอง เขาต้องการพิสูจน์ให้คนอื่นเห็น
ถึงแม้เขาจะด้อยกว่าหลินหมิง แต่ตัวเขายังนับเป็นอัจฉริยะชั้นยอดเช่นกัน
และถึงแม้ว่าเขี้ยวมังกรในยามนี้จะดูสง่างามและดูสูงส่งเกินไป
แต่เขาคงไม่ได้แข็งแกร่งมากไปกว่าข้า !
ฟิ้วววว ฟิ้วววว!
นักดาบประกายโลหิตกวัดแกว่งดาบในมือ
!
นักดาบประกายโลหิตมันเป็นเพียงสมญานาม
มันไม่ใช่ชื่อจริง นั้นเป็นเพราะภายในพิภพสรวงสวรรค์แห่งใหม่
อันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิกำเนิดใหม่ จากการต่อสู้ทุกครั้งดาบของเขาไม่เคยเปื้อนโลหิต
นั้นเพราะความเร็วจากดาบของเขานั้นเร็วมากจนโลหิตสาดกระจายไม่อาจเปรอะเปื้อนดาบของเขาได้ทัน
ดังนั้นเขาจึงได้รับสมญานามนักดาบประกายโลหิต!
ดังนั้นดาบของนักดาบประกายโลหิตจึงเร็วได้ถึงขีดสุด
!
วิ้ว วิ้ว !
กลิ่นอายดาบและดาบแสงเติมเต็มไปทั่วบริเวณลานต่อสู้บนแท่นผนึกเทวะ
พวกมันดูราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ก่อนที่พวกมันจะพัดเข้าหาเขี้ยวมังกร.
นี่คือกฎแห่งลม
นักดาบประกายโลหิตหลอมรวมดาบแสงเข้ากับสายลม สายลมกลายเป็นดาบ ดาบกลายเป็นสายลม !
ตั้งแต่เริ่มดาบของเขาแทบจะมองไม่เห็น สิ่งที่มองเห็นมีเพียงดาบแสง แต่ยามนี้
แม้แต่ดาบแสงยังมองไม่เห็น !
แม้แต่ทักษะดาบของโยวซูจินยังดูด้อยกว่าทักษะดาบของยอดนักดาบประกายโลหิตในด้านความเร็ว
! ดาบเล่มนี้รวดเร็วราวกับพายุส่องแสงประกาย
แต่มันกับมองไม่เห็นตัวดาบแล้วจะป้องกันได้อย่างไร ?
ในเวลาเดียวกัน อาวุธของเขี้ยวมังกรถูกดึงออกมาเช่นกัน
อาวุธของเขาดูคล้ายกับกระบี่และดาบในเวลาเดียวกัน
ด้ามตรงแต่ปลายดาบโค้งเหมือนมีดดูแหลมคมมาก
ขอบคมส่วนตรงกลางกับมีปุ่มลักษณะคล้ายสันเขา .
ในแง่รูปร่างของมันดูคล้ายเขี้ยวมังกร
และสมญานามของเขี้ยวมังกร ก็มาจากดาบของเขานั้นเอง !
“อืม ความเร็วพอใช้ได้ แต่แรงโจมตียังไม่เพียงพอ .”
ปัง !
เขี้ยวมังกรวาดดาบออกในทันที
! แสงดาบเปล่งประกายปกคลุมไปทั่วในพริบตา เพียงแค่การวาดดาบธรรมดา
มันทำให้พื้นแท่นผนึกเทวะสั่นสะเทือน ในวินาทีเดียวกัน
ดาบแสงไร้สิ้นสุดของยอดนักดาบประกายโลหิต
เริ่มบิดเบี้ยวก่อนที่จะถูกทำลายลงในพริบตา
!
เพียงดาบเดียว
จากความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบของเขี้ยวมังกร กับ
สยบดาบแสงจำนวนนับไม่ถ้วนของยอดนักดาบประกายโลหิตได้อย่างสมบูรณ์!
ความแข็งแกร่งอันสมบูรณ์แบบ
สามารถทำลายได้10,000การเคลื่อนไหว เมื่อความแข็งแกร่งแตกต่างกันโดยสมบูรณ์
มันไม่มีทักษะหรือเทคนิคใดชดเชยได้
.
“ อืม ....ความแข็งแกร่งสมบูรณ์ !.”
แสงแว้บผ่านดวงตาของหลินหมิง
การโจมตีของเขี้ยวมังกรมันดูแปลกประหลาดมากเกินไป
นี่ยังเป็นเพียงแค่การโจมตีธรรมดา โดยไม่ได้ใช้ทักษะใดใดด้วยซ้ำ !
“ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งนี้ มันจะจบลงอย่างรวดเร็ว
ความแตกต่างระหว่างยอดนักดาบประกายโลหิตกับเขี้ยวมังกร มันกว้างใหญ่มากเกินไป !”
BY
NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น