Chapter 1246 – หลินหมิงปะทะโยวซูจิน
“นักดาบม่วง
ดูผิดปกติ?”
“เขายังพยายามปีนขึ้นไป
แต่ทำไมเขาเซไปมาเช่นนั้น!”
บนอัศจรรย์หลายคนสังเกตเห็นนักดาบม่วงมีอาการผิดไปจากปกติ
เขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลังจาก4คนด้านหน้าอย่างชัดเจน
“ศิษย์พี่
ท่านทำได้ พยายามเข้า!”
“ศิษย์พี่พยายามเข้า อย่ายอมแพ้ !”
เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องจากดินแดนศักดิ์เดียวกันกับนักดาบม่วง
ตะโกนให้กำลังใจนักดาบม่วงดังก้องทั่วอัศจรรย์
อย่างไรก็ตามนักดาบม่วงไม่ได้ยินเสียงของพวกเขาเลย
ณ ยามนี้เหงื่อปกคลุมเต็มใบหน้าและนัยน์ตาของเขา
แม้แต่จิตสำนึกของเขายังพร่ามัวอีกด้วย.
“เลือด...มือข้าเต็มไปด้วยเลือด ?ข้า...ข้ากำลังคลานไปในทะเลเลือด....จุดสิ้นสุด...ข้ามองไม่เห็นจุดสิ้นสุด...”
ทุกครั้งยามนักดาบม่วงก้าวไปข้างหน้า
เขารู้สึกราวกับปีนขึ้นไปบนภูเขาดาบ ฝ่ามือและขาของเขาราวกับถูกแทงอยู่ตลอดเวลา.
ความเหนื่อยล้าของเขามันถึงขีดจำกัดแล้ว
เขารู้สึกราวกับน้ำหนักตัวเขาเพิ่มขึ้นนับ10,000จิ้น อีกทั้งความเจ็บปวดที่ได้รับมันเสมือนจริงราวกับจะตายได้ในทุกวินาที...
ด้วยจิตสำนึกที่จางหายไปในที่สุด
เขาพยายามและทำเท่าที่จะทำได้แล้ว
แต่ในยามนี้เขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีกแล้ว
ปัง !
ยอดนักดาบม่วงสูญเสียสติในเวลาไม่นานนัก เมื่อพลังลมปราณในร่างกายหยุดลง
เขาไม่สามารถทนต่อแรงกดดันอันหนักหน่วงจากแท่นผนึกเทวะระหว่างปีนขึ้นชั้นที่31ได้
ถึงแม้ร่างกายของนักสู้จะเต็มไปด้วยระบบที่ซับซ้อนภายในมากมาย
แต่เมื่อไร้การป้องกันจากเกราะลมปราณร่างกายของพวกเขาจึงไม่แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปมากนัก
ดังนั้นผลกระทบเช่นไร ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนชัดเจน
พร้อมกับเลือดที่พุ่งออกจากปากราวกับสายฝน
ยอดนักดาบม่วงหล่นลงมาในที่สุด.
กลิ่นอายจากร่างกายของเขาเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ
พยุงร่างของเขาก่อนที่ล่วงลงชั้นที่30 เขาพ่ายแพ้แล้ว!
“ยอดนักดาบม่วงแพ้แล้ว
เขาเป็นคนที่3ที่สามารถขึ้นไปบนชั้น22ได้ แต่เขากลับไม่อาจปีนขึ้นชั้น31ได้!”
“สวรรค์ !
นี่มันยากเกินไปแล้ว !
แล้วมันจะมีใครขึ้นไปถึงชั้น32หรือชั้น33ได้กัน!?”
ในตอนแรกหลายคนยังคิดว่า นักดาบม่วงอาจจะมีความแข็งแกร่งด้อยกว่าโยวซูจินเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะใกล้เคียงหลินหมิงและเขี้ยวมังกร
แต่ตอนนี้พวกเขากับตระหนักได้ถึงความเหลื่อมล้ำนั้นมากมายเพียงใด
“โอ้.! อีก4คนใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว
!”
“หลินหมิง เขี้ยวมังกร และ โยวซูจิน
เป็นผู้นำ ยอดนักดาบประกายโลหิต ตามหลังพวกเขาเพียงเล็กน้อย
สิ่งนี้มันสามารถบอกถึงความแตกต่างด้านจุดแข็งของพวกเขารึไม่?”
“นั้นอาจจะไม่ใช่ความจริง
การเปรียบเทียบความแข็งแกร่ง จุดอ่อนและ จุดแข็งมันต้องเกิดจากการต่อสู้
แท่นผนึกเทวะมันเพียงทดสอบความสามารถรอบด้าน มันทดสอบความแข็งแกร่งทางร่างกาย
จิตวิญญาณ และแก่นแท้.”
“ดูเหมือนพวกเขาทั้งสี่จะสามารถปีนขึ้นชั้นที่31ได้
หลังจากนี้พวกเขาต้องต่อสู้กัน !”
“ช่างน่ารอคอยยิ่งนัก
ไม่ว่าใครจะต่อสู้กับใคร มันต้องสุดยอดเป็นแน่ !!”
“เจ้า2คนนั้น!...” โยวซูจินจ้องมองไปที่หลินหมิงและเขี้ยวมังกร ด้วยสายตาไม่น่าเชื่อ
“ทำไมพวกเขาทั้ง2ปีนขึ้นไปได้เร็วขนาดนั้น
พวกเขาทำได้ยังไง ข้าต้องใช้ความแข็งแกร่งมากขนาดไหนกว่าจะตามได้ทัน?” โยวซูจินลอบกล่าวในใจ
“มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีการป้องกันการโจมตีผ่านภาพมายาทั้งหลายเหล่านี้
ใช่ไหม?”
เมื่อคิดถึงเความเป็นไปได้เหล่านี้
โยวซูจินรู้สึกเย็นแผ่นหลังวาบ แท่นผนึกเทวะมันไม่เพียงแค่ประเมินความแข็งแกร่งจากการต่อสู้เท่านั้น
มันยังรวมถึงการทดสอบพรสวรรค์ ร่างกาย จิตวิญญาณรวมถึงแก่นแท้อีกด้วย
หลายอย่างสำหรับเขายังนับว่ายากยิ่งนัก !
โยวซูจินค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งและแก่นแท้ที่ลึกซึ้งของตัวเอง
อีกทั้งเขายังมั่นใจว่าเขานั้นแข็งแกร่งกว่าหลินหมิงและเขี้ยวมังกร
หรือมันจะเป็นพรสวรรค์หรือศักยภาพโดยรวมเขานั้นด้อยกว่าทั้ง2คน
ถึงกระนั้นภาพรวมมันก็น่าเท่าเทียมกันและรักษาระดับความเร็วได้พอๆกันสิ ?
“แก้นแท้และศักยภาพของข้า มันด้อยกว่าพวกเขาทั้งสองจริงรึ?”
โยวซูจินพบว่ามันยากที่จะเชื่อ
หากมันเปลี่ยนเป็นเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์ มันยังยอมรับได้บ้าง
พวกเขาเหล่านั้นอุดมไปด้วยทรัพยากร ทักษะและมรดกสืบทอดจากราชันสวรรค์
แต่สำหรับเหล่าผู้เข้าร่วมที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิระดับต่ำ
ถึงแม้พวกเขาจะดูเหมือนม้ามืดค่อยๆโดดเด่นขึ้นมาจากผู้เข้าร่วมอื่นๆนับพันล้านคน
โยวซูจินยังไม่อาจยอมรับได้ว่าคนเหล่านี้ทัดเทียมกับเขา!
ต้องทราบว่าในช่วงชีวิตเกือบ40ปีของโยวซูจิน
เขานั้นได้ใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากมายยิ่งนัก เมื่อรวบรวมทรัพยากรทั้งหมดที่เขาใช้ไป
มูลค่าของมันไม่อาจวัดได้ด้วยหินตะวันม่วง แต่มันถูกนับด้วยผลึกหยกเก้าดวงตะวัน
ผลึกหยกเก้าดวงตะวันมันถูกกลั่นโดยครึ่งก้าวราชันสวรรค์โดยการรวบรวมดวงตะวันทั้งเก้าชนิดหลอมกลั่นออกมาจนได้ผลึกหยกเก้าดวงตะวัน
ผนึกหยกเก้าดวงตะวัน1ชิ้นเทียบเท่าผลึกหยกตะวันม่วง100ล้านชิ้น
หรือพันล้านหินตะวันม่วง
โย่วซูจินใช้ทรัพยากรไปมากมายและเขายังคงบ่มเพาะทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดอีกด้วย
ถึงอย่างนั้นเขานั้นกับไม่ได้ดูเก่งกาจกว่าทั้ง2คนด้านหน้ามากนัก
แล้วโย่วซูจินจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร? นี่ไม่เท่ากับว่าทรัพยากรที่เขาใช้ไปมันสูญเปล่าหรอกรึ ? มันให้ความรู้สึกราวกับทรัพยากรดังกล่าวมันถูกใช้กับสุนัข
“มันเป็นไปไม่ได้
! พวกเขาไม่ได้เก่งกาจมากกว่าข้า ข้าไม่เชื่อ!? มันต้องเป็นเพราะพวกเขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อที่จะต้านทานแรงกดดันวิญญาณและภาพมายาเหล่านี้ได้
ดังนั้นพวกเขาจึงก้าวขึ้นไปได้มากกว่าข้า....
โยวซูจินคาดเดา
อันที่จริงการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง.
หลินหมิงกับเขี้ยวมังกร
ทั้งสองมีความสามารถต้านทานแรงกดดันวิญญาณอย่างมาก คนหนึ่งบ่มเพาะทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดด้านวิญญาณ
และอีกคนหนึ่งมีร่างกายผันแปรพิเศษ
1ชั่วโมงต่อมา เขี้ยวมังกรเป็นคนแรกที่ปีนขึ้นแท่นผนึกเทวะไปถึงชั้น31
และหลังจากผ่านไป20ลมหายใจ โยวซูจิน และ
หลินหมิง ปีนขึ้นมาถึงได้ในที่สุด พวกเขาทั้งสองแทบจะขึ้นมาถึงพร้อมกัน
ในยามนี้
เขี้ยวมังกรดูเหมือนจะฟื้นกำลังกลับมาเป็นปกติแล้ว
เพียงแต่ใบหน้าของเขายังคงดูซีดเซียวกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย
เขายังคงดูบอบบางเช่นเดิม มันเป็นการยากที่จะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัว
ภายใต้ร่างกายบอบบางเช่นนี้
“พวกเขาทั้ง2คนดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งไปมากนัก
พวกเขาต้องมีทักษะพิเศษบางอย่างที่ใช้ต้านทานแรงกดดันวิญญาณได้” เมื่อโยวซูจินเห็นหลินหมิงกับเขี้ยวมังกรชัดๆ เขาเริ่มมั่นใจในการคาดเดาของเขามากขึ้น
“ ถ้ามันเป็นดังที่ข้าคาดเดา ข้าแค่ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้าเอาชนะพวกเขา
!”
หลังจากผ่านไปอีก4ชั่วโมง
ยอดนักดาบประกายโลหิต ปีนขึ้นมาถึงชั้น31ได้ในที่สุด
สภาพของเขาแทบจะคลานขึ้นมามันช่างดูยากลำบากเป็นอย่างมาก .
พวกเขาทั้ง4ปีนขึ้นมาถึงชั้นที่31ได้สำเร็จในที่สุด
แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่านอกจากพวกเขาทั้ง4แล้ว
มันคงไม่มีใครปีนขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้อีก !
อีกไม่นาน
การต่อสู้อันดุเดือดและรุนแรงจะปมุในเร็วๆนี้ !
“นี่มันออกจะน่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว
พวกเขาทั้ง4นับได้ว่าเป็นผู้สุดยอดที่สุดในกลุ่มผู้เข้าร่วม แล้วใครจะสู้กับใครล่ะ
?”
“ข้ารู้สึกว่า
ยอดนักดาบประกายโลหิตแข็งแกร่งน้อยกว่าผู้อื่น
หลินหลิงกับเขี้ยวมังกรน่าจะแข็งแกร่งพอๆกัน ส่วนโยวซูจินน่าจะแข็งแกร่งมากที่สุด!”
จากผลงานตั้งแต่ชั้นที่21
ยอดนักดาบประกายโลหิตค่อนข้างอ่อนด้วยกว่าเล็กน้อยหากเทียบกับทั้ง3คน
ในสายตาของผู้ชมพวกเขาทั้ง3ดูแกร่งกว่ายอดนักดาบประกายโลหิตอีกทั้งหากเทียบด้านพรสวรรค์และศักยภาพ
หลินหมิงกับเขี้ยวมังกรดูจะได้เปรียบโยวซูจินมากกว่าเล็กน้อยเช่นกัน
ถึงกระนั้นหากเกิดการต่อสู้จริง โยวซูจินย่อมดูได้เปรียบกว่า
เนื่องจากเขานั้นอยู่ในขั้นเทพสมุรช่วงปลาย ดังนั้นแก่นแท้ ลมปราณแท้
ของเขาย่อมดูหนาแน่นและลึกซึ้งมากกว่า
“หลินหมิงผู้นี้ค่อนข้างแปลกประหลาดจริงๆ
เขานั้นอยู่เพียงขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุดเพียงเท่านั้น
แต่เขากับแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเขาบ่มเพาะมาเช่นไร?.”
…………..
ณ เวลานี้
ห่างจากแท่นผนึกเทวะออกไปหลาย100ไมล์ เรือวิญญาณลำ1กำลังลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า
ภายในเรือวิญญาณ
ปรากฏแท่นบัลลังก์หินสีดำขนาดใหญ่
บนบัลลังก์มีชายร่างสูงใหญ่สวมใส่ชุดคลุมสีดำนั่งอยู่
สายตาของเขาเพ่งมองตรงไปยังแท่นผนึกเทวะ
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกมาหลายร้อยไมล์
แต่เรื่องราวและทุกเหตุการณ์บนแท่นผนึกเทวะกลับไม่อาจหลุดรอดพ้นจากสายตาเขาได้ .
“ในสี่คน
มี2คนลงทะเบียนเข้าร่วมการต่อสู้อาณาจักรสวรรค์ครั้งแรก
ในนามโลกนักสู้ที่แท้จริงของข้า ถึงกระนั้นพวกเขาทั้ง2กลับไม่ได้มาจากโลกนักสู้ที่แท้จริงโดยตรง
อีกทั้งพวกเขายังไม่ใช่ศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิในโลกแท้จริงอีกด้วย
คนหนึ่งเป้นนักสู้สัญจร เพิ่งปรากฏตัวออกมาไม่นาน อาจารย์ของเขายังคงเป็นปริศนา ส่วนอีกคนเป็นศิษย์จากเผ่าฟินิกซ์โบราณจากพิภพแสงสีชาด
อีกทั้งทั้ง2กลับสามารถปีนขึ้นมาถึงชั้นที่31ได้ แต่บรรดาศิษย์ข้าซึ่งได้รับการฝึกฝนจากข้า
ได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากข้า ได้เข้าไปในตำหนักพิภพของข้าเพื่อฝึกฝน
อีกทั้งยังได้รับทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดที่ไม่สมบูรณ์จากข้า
ทั้งหมดทั้งมวลที่ข้าพอจะทำได้ ข้าทำให้ไปหมดแล้ว แต่พวกเจ้ากับถูกกำจัดออกเพียงแค่ชั้นที่27
ผลที่ได้รับกลับเป็นเพียงพวกขยะ !”
ชายผู้นี้ก็คือ
ราชันพิภพโลกนักสู้ที่แท้จริง เขานับเป็นราชันผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ในความเป็นจริงโลกนักสู้ที่แท้จริงนั้นนับเป็นโลกอันดับที่2
ดังนั้นโดยปกติแล้วผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่จึงไม่อาจปีนขึ้นไปถึงชั้นที่30ได้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มันกลับมาถึง4คนที่ปีนขึ้นไปถึงชั้น31ได้
ถึงแม้ว่าจะมี2คนลงทะเบียนในนามโลกนักสู้ที่แท้จริง แต่พวกเขากับไม่ใช่ศิษย์หลักจากโลกนักสู้แท้จริง นี่นับเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามาก
ในขณะที่ชายชุดดำกำลังกล่าว
อดีตผู้เข้าร่วมด้านหน้าเขากำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น พวกเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
มันไม่มีแม้แต่ผู้เดียวกล้ากล่าวคำใดใดออกมา
.”เฮ้อ.” ชายชุดดำถอนหายใจก่อนจะกล่าวต่อว่า “เวลากว่าล้านปีที่ผ่านมา ข้าใช้ทรัพยากรไปจำนวนมากมายมหาศาลแทบจะนับไม่ไหว
แต่หากเวลาผ่านไปอีกล้านปีแล้ว
ข้าในฐานะราชั้นพิภพจากโลกนักสู้ที่แท้จริงยังคงไม่สามารถบ่มเพาะราชันพิภพขึ้นมาได้.
มันคงต้องปล่อยไปตามโชคชะตาแล้ว....ข้าคงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว..?.”
ชายชุดดำส่ายศีรษะ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพิ่ม
เขานั้นนับได้ว่าเป็นเสาหลักเพียงผู้เดียวที่ค้ำจุ้นโลกนักสู้ที่แท้จริงทั้งหมด
แต่เขาเองก้ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไปเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันบนแท่นผนึกเทวะชั้นที่31
การต่อสู้ของทั้ง4คนยังคงไม่เกิดขึ้น
ในช่วงเวลานี้พวกเขาทั้ง4กำลังฟื้นฟูความแข็งแกร่ง ในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้
นับเป็นประโยชน์ต่อยอดนักดาบประกายโลหิตมาก
เพราะเขานั้นใช้ความแข็งแกร่งไปมากที่สุดแรงกดดันจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ชั้นที่31นั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่ายอดนักดาบประกายโลหิตจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขายังรู้สึกว่าเขานั้นสามารถใช้ความแข้งแกร่งออกมาได้เพียงแค่40%เท่านั้น
“เจ้าพวกเวรเหล่านี้
มันปีนขึ้นมาได้เร็วกว่าข้า มันเป็นเพราะแรงกดดันบ้านี่
ทำให้ข้าไม่สามารถใช้ความสามารถที่แท้จริงออกมาได้ ถึงยังงั้นในการต่อสู้จริง
ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะอ่อนด้อยกว่าเจ้าพวกเทพสมุทรขั้นต้นกับเทพสมุทรขั้นกลาง!”
ในความเป็นจริงเหล่าราชันพิภพแต่ละโลก
จงใจส่งเหล่าศิษย์หลักเข้าร่วมต่อสู้ในการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ และเพื่อรับประกันว่าพวกเขาเหล่านี้จะสามารถได้อันดับดีๆ
พวกเขาส่วนใหญ่จะส่งตัวตนระดับเทพสมุทรช่วงปลายเข้าร่วมมากกว่า
นั้นเป็นเพราะมันมีโอกาสชนะมากกว่า.
ดังเช่น ซือหยูอวิ้น หวูกุ๋ยอวิ้น โยวซูจินและยอดนักดาบประกายโลหิต
พวกเขาเหล่านี้ล้วนอยู่ในระดับเทพสมุทรขั้นปลายทั้งสิ้น
และหากผู้เข้าร่วมคนใดระดับการบ่มเพาะไม่ถึงเทพสมุทรช่วงปลาย
มันย่อมง่ายต่อการสูญเสียครั้งใหญ่
มันจะมีก็แต่ดินแดนเล็กๆส่วนมากที่จะส่งผู้เข้าร่วมระดับเทพสมุทรขั้นต้นหรือเทพสมุทรขั้นกลาง
และพวกเขาส่วนใหญ่มักกลายเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า
อีกทั้งมันยังคงไม่ได้รับผลตอบแทนดีดีอะไรอีกด้วย.
“เลือกคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าซะ!”เสี่ยวเต๋าจื่อกล่าว ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาราวกับน้ำแข้ง10000ปี
ไม่ว่าผู้เข้าร่วมบนแท่นผนึกเทวะจะน่าทึ่งมากเพียงใด เขายังคงวางท่าเฉยเมย
ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องธรรมชาติ ในความคิดของเขา ชั้นที่31
ยังไม่นับเป็นอันใดได้ !
ขณะเสี่ยวเต๋าจื่อกล่าวคำเหล่านี้ออกไป
ผู้คนหลายล้านบนอัศจรรย์ต่างกลั้นลมหายใจ
เปรี้ยะ เปรี้ยะ !
หลังจากคำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจือจบ
บนแท่นผนึกเทวะ หลินหลิง เขี้ยวมังกร โยวซูจินและยอดนักดาบประกายโลหิต
ต่างเริ่มชำเลืองมองหน้ากัน เจตจำนงในการต่อสู้พุ่งสูงและปะทะกันในพริบตา เพียงแค่เจตจำนงในการต่อสู้ของพวกเขาทั้ง4ปะทะกัน
มันยังทำให้บรรยากาศรอบๆตัวพวกเขาแทบจะลุกไหม้ในเวลาเดียวกัน
“พวกเจ้าทั้ง2มีทักษะลึกลับที่ดี
และนั้นมันทำให้พวกเจ้าทั้ง2ต้านทานแรงกดดันวิญญาณได้ ฮึ..พวกเจ้าคงไม่คิดถึงว่าทักษะต่ำๆเช่นนั้นมันจะช่วยให้พวกเจ้าคลานขึ้นมาถึงชั้นนี้ได้กระมัง ?...ก็แค่ทักษะต่ำๆเท่านั้น..บนชั้นนี้พวกเจ้าคงไม่อาจใช้ทักษะต่ำๆได้อีกต่อไป”โยวซูจินเป็นคนแรกที่กล่าวออกมา
“โอ้? เจ้ากำลังจะบอกอะไร?”.หลินหมิงขมวดคิ้วก่อนจะกล่าวถามออกมา
“ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ยอมรับ
แต่มันก็ไม่อาจหลบพ้นไปจากสายตาข้าได้
นับจากนี้ต่อไปมันจะเป็นการต่อสู้ที่ต้องใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริง
ความแข็งแกร่งใดใดที่พวกเจ้าเก็บซ่อนไว้มันสมควรเปิดเผยออกมาได้แล้ว พวกเจ้าจะเลือกเองหรือให้ข้าเลือกก่อน?”.โยวซูจินกล่าว เขาแสดงออกอย่างมั่นใจเป็นอย่างมาก
ราวกับตัวเขาเป็นนักสู้ระดับปรมาจารย์
เขี้ยวมังกรเงียบในขณะที่หลินหมิงยิ้มและหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า
“ ในเมื่อให้ข้าเลือกก่อน
ดังนั้นข้าย่อมตอบสนอง ข้าเลือกเจ้า!!”
หลินหมิงชี้หอกไปทางโยวซูจิน !
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในทันที
!
ในบรรดาผู้เข้าร่วมที่เหลืออยู่ทั้ง4คน
ไม่ว่าจะมองยังไงยอดนักดาบประกายโลหิต ดูอ่อนด้อยกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นหากมีโอกาสได้เลือกก่อนยอดนักดาบประกายโลหิตย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่หลินหมิงกับเลือกโยวซูจินที่แข็งแกร่งที่สุด !
“หลินหมิงผู้นี้บ้าไปแล้ว !”
“เชี่ย..อะไรว่ะเนี่ย!”
เมื่อโยวซูจินเห็นหอกฟินิกซ์ชี้ตรงมาที่เขา
เจตนาสังหารฉายชัดในดวงตาเขาในทันที “ เจ้าช่างกล้า!”
BY NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น