Chapter 1249 – โยวซูจิน แพ้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ศักยภาพข้าด้อยกว่า ความแข็งแกร่งของข้ายังด้อยกว่าอีกด้วย ?”! โยวซูจินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อได้ยินคำกล่าวของหลินหมิง
“ข้าไม่ได้กล่าวบอกว่าเจ้านั้นมีศักยภาพดีทีสุดในดินแดนศักดิ์สิทธินับร้อยแห่ง
เจ้ามันก็แค่มีศักยภาพที่พอพอกับมาตราฐานสูงสุดเท่านั้น !
อะไรทำให้เจ้าคิดว่าไม่มีใครสามารถเทียบกับเจ้าได้รึ ?
ที่เจ้ากล่าวว่าศักยภาพและความแข็งแกร่งของข้าอ่อนด้อย นี่เจ้าต้องการจะสอนข้ารึ?
นี่เจ้าคงไม่คิดว่าแค่ข้าให้บันไดลง เจ้าก็สามารถปีนขึ้นไปได้ง่ายๆซินะ !”
โยวซูจินกล่าวออกมา
ในขณะที่กล่าวเขาผสานลมปราณเสียงเข้าไปด้วย
มันทำให้เสียงของเขาดังก้องกังวานไปทั่วลานผนึกเทวะ!
“อะไร?”
“วาจาเขื่องโขนัก!”
“มันคิดว่ามันเป็นใคร ถึงกล้ากล่าวเช่นนี้!”
“นี่มันจะหยามหน้ากันเกินไปแล้ว!”
เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ
สับสนวุ่นวายในทันทีหลังจากได้ยิน หน้าตาของพวกเขาล้วนมืดคล้ำ ปากสบถออกไปทั่ว
หลายคนยังลุกขึ้นยืนตะโกนโหวกเหวกแล้วกับนักเลงหัวไม้ .
“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้
ช่างหยิ่งยโสโดยแท้ !”
“ศิษย์พี่ซูจิน
จะต้องทุบตีมันจนมารดามันจำไม่ได้ !”
“ทุบตีมัน
!
โยมมันลงมาจากแท่นผนึกเทวะ ! ตีมันให้เละเหมือนเยื้อกระดาษ !”
ในดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬสถานะโดยรวมค่อนข้างพิเศษ
ตัวตนของโยวซุจินก็เช่นกัน ในการประลองการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์
ดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ ส่งผู้เข้าร่วม10,000 คน ซึ่งมันมีศิษย์น้องของโยวซูจินอยู่ประมาณ8000-9000ตน
.
การต่อสู้ครั้งแรกของอาณาสวรรค์มันเป็นการเข้าร่วมของนักสู้ทั่วสารทิศ
มันจึงไม่แปลกที่การต่อสู้เช่นนี้จะทำให้เหล่าผู้เข้าร่วมและเหล่าผู้ชมคลั่งไคล้
นี่เป็นโลกที่ตัดสินกันด้วยความแข็งแกร่ง แม้แต่ในโลกมนุษย์หากมีการแข่งขันฟุตบอล
เมื่อบรรดาFC ลุกขึ้น มันยังทำให้เกิดการเหยียบกันจนตายก็มีให้เห็นเช่นกัน.
เหล่าศิษย์นภาทมิฬราว
8000-9000คน ต่างถูกกระตุ้นอารมณ์โกรธจนแทบเดือดเป็นฟอง
แม้แต่ศิษย์จากพิภพปีศาจรุ่งอรุณยังคงเดือดดาลเช่นกัน เดิมทีเหล่าศิษย์หลักจากพิภพปีศาจรุ่งอรุณเองก็เข้าร่วมในรอบรองชนะเลิศเช่นกัน
เพียงแต่พวกเขาทั้งหมดถูกกำจัดออกไปหมดแล้ว
ยังคงเหลือเพียงโยวซูจินที่นับได้ว่าเป็นตัวแทนจากพิภพรุ่งอรุณปีศาจเช่นกัน
เนื่องด้วยดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬตั้งอยู่บนพิภพรุ่งอรุณปีศาจ
อีกทั้งยังมีความใกล้ชิดกับพิภพรุ่งอรุณปีศาจเป็นพิเศษอีกด้วย ดังนั้นมันไม่แปลกหากพวกเขาจะให้กำลังใจและเชียร์โยวซูจิน
ฟุบ !
ครืนน!
เสี่ยวเต๋าจือลืมตาและขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปและปรากฏอีกครั้งเหนืออัศจรรย์ผู้ชม
โดยไม่มีการกล่าวเตือนใดใด แรงกดดันจากกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง กดทับเหล่าผู้บ้าคลั่งบนอัศจรรย์ในทันที
ด้วยแรงกดดันอันหนักหน่วงเหล่าผู้บ้าคลั่งสงบลงในทันที
มิฉะนั้นหากปล่อยให้เรื่องปลายปลาย เมื่อเหล่าผู้ชมนับพันล้าน
อีกทั้งพวกเขายังนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในยุคของพวกเขาเช่นกัน
เมื่อพวกเขาก่อความวุ่นวายขึ้นมา นับประสาอะไรกับเสี่ยวเต๋าจื่อเพียงผู้เดียว
ต่อให้ราชันพิภพเข้าร่วมปราบปราม ยังคงไม่อาจปราบปรามได้หมด
ยกเว้นราชันสวรรค์ลงมือเท่านั้น .
เช่นเดียวกันกับเหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ
เมื่อพวกเขาเห็นศิษย์นภาทมิฬตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาเองยังคงตะโกนเชียร์หลินหมิงดังลั่นเช่นกัน ถึงแม้พวกเขาจะมีเพียงหลายร้อยคน
พวกยังพยายามตะโกนเสียงให้ดังมากที่สุด!
“หลินหมิงต้องชนะ!”
“ศิษย์พี่หลิน
เอาชนะให้ได้!”
“ศิษย์พี่ ไร้พ่าย!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ว่าหลินหลิงจะเอาชนะโยวซูจินได้หรือไม่
พวกเขายังคงไม่ยอมแสดงความอ่อนด้อยกว่าออกมาให้เห็น !
และในความเป็นจริง
ด้วยมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิของพวกเขา
มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะได้รับผลกระทบกับบรรยากาศรอบรอบตัวพวกเขา
ดังนั้นในยามนี้พวกเขาไม่ได้สนใจว่าหลินหมิงจะชนะหรือพ่ายแพ้
ตรงกันข้ามพวกเขากับกำลังพยายามจนถึงที่สุดเพื่อรักษาชื่อเสียงของดินแดนศักดิ์สิทธิที่พวกเขาอยู่
และ การแสงดให้เห็นว่าฝ่ายตนดูแข็งแกร่งกว่าจึงกลายเป็นเรื่องจำเป็นในยามนี้ !
“โยวซูจินดูไม่ค่อยเต็มใจยอมรับว่าศักยภาพของเขาด้อยกว่าหลินหมิง
แต่ความจริงมันยังปรากฏให้เห็นตรงหน้าเขา แต่เขาเองก็กล่าวได้ถูกอย่างหนึ่ง
ความแข็งแกร่งของหลินหมิงในปัจจุบันยังคงขาดไปอยู่ และเขาคงเอาชนะโยวซูจินไม่ได้
แต่หากเวลาผ่านไปอีกปีหรือสองสามปี หลินหมิงน่าจะเหนือกว่า ในทั้งสี่คน
หลินหมิงอายุน้อยที่สุด อนาคตของเขาในภายภาคหน้ามันย่อมไม่มีสิ้นสุดเช่นกัน !”
“ฮ่า ฮ่า โยวซูจินไม่แพ้อย่างแน่นอน เขาแพ้ในด้านศักยภาพไปแล้ว
หากเขาแพ้ด้านความแข็งแกร่งอีก เขาคงไม่อาจเงยหน้ามองระดับที่สูงกว่านี้ได้แน่ !”
ตามหลักแล้ว
โยวซูจินควรเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าเขาไม่สามารถเอาชนะได้
เขาคงอับอายและไม่มีหน้ามองใครอย่างหยิ่งยโสได้อีก !
บนลานผนึกเทวะ โยวซูจิน
เริ่มเดินเข้าหาหลินหมิง บางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุก3ก้าวของโยวซูจิน
ขณะเดินไปด้านหน้า มันจะทิ้งเงาของเขาเอาไว้ !
เงานี้เสมือนตัวจริงของโยวซูจินไม่ผิดเพี้ยน เงาทั้งหมดยังถือดาบไว้ในมือเช่นกัน
อีกทั้งกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างเงายังดูไม่อ่อนด้อยกว่าร่างจริงอีกด้วย
นี่ไม่ใช่ภาพติดตาจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ในความเป็นจริง
โยวซูจินก้าวเดินช้ามาก มันไม่ต่างอันใดกับการก้าวเดินของมนุษย์ทั่วไป
ถึงกระนั้นเขายังคงทิ้งร่างเงาไว้ถึง3เงา ในยามนี้มันจึงดูเหมือนมีโยวซูจิน4คน !
“ทักษะร่างแยก ?”
“ไม่
!นี่มันคือ กฎ มิติ ”
กฎ มิติและ กฎ เวลา ที่โยวซูจิน เข้าใจ นับได้ว่าอยู่ในระดับสูง
และ เมื่อเข้าใจได้ในระดับ1 มันสามารถแสดงภาพสะท้อนในความว่างเปล่าได้ ! .
ร่างเงาสะท้อนเหล่านี้มันแตกต่างจากภาพลวงตา
พวกมันสามารถโจมตีได้ !
อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันยังมีความเข้าใจใน กฎ มิติ อีกด้วย
ซึ่งความแข็งแกร่งดังกล่าวมันอาจะมีความแตกต่างกับร่างจริง
ระหว่าง10เปอร์เซ็นต์ถึง100เปอร์เซ็นต์ !
และถ้าร่างเงาสามารถเข้าใจกฎมิติได้ถึง100เปอร์เซ็นต์
ร่างเงาดังกล่าวจะสามารถสืบทอดกฎ ทักษะต่อสู้ ประสบการณ์ต่อสู้ รวมถึงความทรงจำ
ของร่างจริงได้อีกด้วย แต่นั้นมันยังเป็นขอบเขตที่เข้าถึงได้ยากถึงยากมากเช่นกัน
.
ที่มากกว่านั้นก็คือ
ร่างเงาเหล่านี้ไม่กลัวการโจมตีใดใดทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าการทำลายร่างเงาจะไม่นับเป็นเรื่องยากเกินไป
แต่มันยังต้องใช้ลมปราณแท้จำนวนไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญร่างเงาเหล่านี้สามารถเกิดใหม่และเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
!
"อืม!อันที่จริงร่างเงานี้มันคือการใช้กฎมิติอย่างหนึ่ง
มันคือการหลอมรวมกฎมิติระดับ1ถึง4เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
อีกทั้งมันยังมีขอบเขตที่ใกล้ถึงระดับ5รวมอยู่ด้วย
นี่จึงทำให้เขาสามารถสร้างร่างเงาเหล่านี้ได้ !”
“หลินหมิงเองก็เป็นสัตว์ประหลาดอัจฉริยะ
ซึ่งโยวซูจินเองก็เช่นกัน
กฎมิติและเวลานับได้เป็นอันดับที่2จากบรรดากฎที่เข้าใจได้ยากที่สุด
พวกเขายังดูเยาว์วัยมากแต่กลับเข้าถึงระดับเช่นนี้ได้
สิ่งนี้มันทำให้เหล่าผู้อาวุโสรุ่นก่อนรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ
!”
บนแท่นผนึกเทวะ นี่เท่ากับหลินหลิงต้องต่อสู้กับทั้งสี่
!
ชิ้ง !
ทั้งสี่ร่างโจมตีพร้อมกันในทันที
!
“หิมะโปรย8000ไมล์ ! ”
ดาบสสี่เล่มฟันออกมาพร้อมกันในพริบตา
! บนท้องฟ้า เมฆเริ่มรวมตัวกันก่อนจะกลายเป็นหิมะตกลงมาบนพื้นปฐพี
!
ในขณะเดียวกัน มันยังมีภาพภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาประกฎออกมาในเวลาเดียวกัน
นี่โยวซูจินกำลังใช้ทักษะสังหารโดยกฎน้ำแข็งของเขาอีกด้วย
ความสามารถในการผสานทั้งสองกฎเข้าด้วยกันมันช่างน่าชื่นชมอย่างแท้จริง!
ภาพหิมะตกตัดกับแสงดาวบนท้อง
มันดูงดงามราวกับภาพวาด แต่ในความสวยงามมันยังมีกลิ่นอายอันน่ากลัวแฝงอยู่ด้วย
เกล็ดหิมะแต่ละเกล็ดมันแฝงไว้ด้วยความเข้าใจในกฎมิติอย่างลึกซึ้ง
หากเกร็ดหิมะเพียงแค่เกล็ดเดียวสัมผัสกับนักสู้ในขั้นทำลายชีวิต
พวกเขาจะถูกแช่แข็งและตายในเวลาแทบจะทันที ด้วยเกล็ดหิมะนับล้านหรืออาจจะหลายพันล้านที่กำลังตกลงมา
มันสามารถดับสิ่งมีชีวิตได้หลายพันไมล์ !
สำหรับโยวซูจิน
ทักษะนี้คือทักษะสังหารขั้นสูงสุดของเขา
เดิมทีเขาต้องการเก็บมันไว้ใช้ในรอบสุดท้ายของรอบรองชนะเลิศ
แต่เขาถูกหลินหมิงบังคับให้เขาต้องใช้มันออกมาในยามนี้ .
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของโยวซูจิน
หลินหมิงชี้หอกของเขาลงพื้น พร้อมกับเปิดใช้ดอกบัวจักรพรรดิในทันที
ดอกบัวจักรพรรดิด้านหลังหลินหมิงเริ่มเบ่งบานอย่างช้าๆ !.
ดอกบัวจักรพรรดิ เขตแดนแรกกำเนิด
เปิด !
พลังอันแข็งแกร่งไร้ขอบเขตและโบราณ
ปะทุขึ้นในทันที
เมื่อเกล็ดหิมะล่วงลงยังเขตแดนแรกกำเนิด พวกมันเริ่มละลายหายไป !
การเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิดมันเป็นสิ่งที่หลินหมิงได้ปรึกษากับมู๋เชียนเสวียนไว้ก่อนแล้ว
และมันเป็นการตัดสินใจก่อนการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์บนแท่นผนึกเทวะจะเริ่มอีกด้วย
.
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้เข้าร่วมอัจฉริยะนับไม่ถ้วน
รวมถึงเหล่าบุตรหลานราชันสวรรค์
หลินหมิงไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิด
มิฉะนั้นเขาไม่มีทางจะเอาชนะเหล่าผู้เข้าร่วมชั้นยอดเหล่านี้ได้
นั้นเป็นเพราะระดับบ่มเพาะเขายังอยู่ที่ระดับเทพสมุทรขั้นสูงสุดชั้นต้น.
ถ้าเขาล้มเหลวในการต่อสู้ครั้งแรก
เขาจะไม่ได้รับสิทธิในการเข้าถึงพระราชวังสวรรค์
เขานั้นมีความต้องการเป็นอย่างยิ่งในการศึกษา กฎ มายา จาก ราชันสวรรค์มายาเทวะ .
หลังจากเขตแดนแรกกำเนิดถูกอำพรางโดนมู๋เชียนเสวียน
แม้แต่ราชันพิภพยังไม่สามารถมองผ่านได้ โอกาศเดียวที่พวกเขาจะรู้ได้ก็คือ
พวกเขาเคยเห็นราชันสวรรค์บรรพกาลเปิดใช้เขตแดนนี้ด้วยตัวเองในอดีต
แต่ราชันสวรรค์คือตัวตนเช่นไร
พวกเขานั้นคล้ายกับราชันสวรรค์เอกอนันต์หรือราชันสวรรค์มายาเทวะ ที่แม้ใครจะได้อันดับ1บนตราประทับสวรรค์จากการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์ พวกเขายังคงไม่อาจได้เจอกับราชันสวรรค์ได้
!
แม้แต่ราชันพิภพหรือมหาราชันพิภพผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่มีโอกาสพบกับตัวตนเช่นพวกเขาได้ง่ายๆเช่นกัน
และนี่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นการต่อสู้หรือความแข็งแกร่งของราชันสวรรค์ได้เช่นกัน
มีเพียงตัวตนราชันสวรรค์อย่างเช่นราชันสวรรค์มายาเทวะถึงจะสามารถล่วงรู้หรือแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาให้เห็นได้!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
เว้นเสียแต่มีตัวตนระดับราชันสวรรค์หรือคล้ายกับราชันสวรรค์บรรพกาลเท่านั้นที่จะมองออก
แม้แต่ศิษย์หลักของราชันพิภพเอกนันต์ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะจำเขตแดนก่อกำเนิดที่ถูกอำพรางโดยมู๋เชียนเสวียนได้.
บางทีมันอาจจะมีคนรู้เกี่ยวกับเขตแดนแรกกำเนิดก็เป็นได้ ลึกลึกแล้วหลินหมิงเชื่อว่าคนเหล่านี้น่าจะรู้เรื่องสงครามเมื่อ100,000ปีก่อน
เมื่อราชันสวรรค์เปิดสงครามกับราชันสววรค์ทัณฑ์สายฟ้า มันเป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่และรุนแรงมากอย่างแน่นอน.
สงครามในครั้งนั้นมันเกี่ยวข้องกับราชันพิภพและผู้ปกครองศักดิ์สิทธิอีกนับไม่ถ้วน
อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะนับรวมเหล่าสัตวเทวะอีกด้วย
และมันยังมีความเป็นไปได้ที่ราชันสวรรค์กับราชันทัณฑ์สายฟ้าจะพินาศลงไปด้วยกัน !
เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้
มันจะไม่มีใครรู้ได้ยังไง ?
อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจะคาดเดาได้ว่าราชันสวรรค์บรรพกาลทิ้งมรดกสืบทอดไว้ที่ดินแดนนภาปีศาจอมตะ.
แต่พวกเขากับเมินเฉยต่อเรื่องทั้งหมด
จะเห็นได้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายดายอย่างที่คิด.
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่จำเขตแดนแรกกำเนิดได้ก็จะรู้เรื่องมรดกสืบทอดของราชันสวรรค์บรรพกาล
ส่วนคนที่ไม่เคยเห็น พวกเขาย่อมไม่รู้อะไรเลย
มันเลยทำให้เขตแดนแรกกำเนิดไม่นับเป็นอันใดได้ในสายตาพวกเขา.
ถอยกลับไป10,000ก้าว
ถึงแม้ว่าจะมีบางคนในราชันพิภพรู้ถึงการคงอยู่ของเขตแดนแรกกำเนิดของราชันสวรรค์บรรพกาล
แต่มันยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะขโมยมันไปจากหลินหมิง
เพราะหลินหมิงไม่ได้รับสืบทอดโดยแผ่นหยกบันทึกทักษะ
ถึงแม้พวกเขาจะใช้การควาญวิญญาณพวกเขายังคงไม่ได้รับอะไรอยู่ดี.
มันเป็นความจริงที่เขตแดนแรกกำเนิดอาจจะนำอันตรายมาสู่หลินหมิง
แต่เขายังต้องเดิมพันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
หากเขาสามารถเปล่งประกายได้อย่างรุ่งโรจน์ในการต่อสู้ครั้งแรกของอาณาจักรสวรรค์
มันคงไม่มีใครต่อต้านเขาได้อีก.
ทรัพยากรบ่มเพาะจากพระราชวังสวรรค์
รวมถึงกฎ มายา นับเป็นโอกาสที่หลินหมิงไม่มีวันปล่อยผ่านไป!
หลังจากหลินหมิงเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิด
เหล่าตัวตนราชันพิภพระดับสูงในพระราชวังสวรรค์
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหิมะนับ8,000ไมล์
หลังจากพวกมันล่วงหล่นลงเขตแดนประหลาดมันละลายตัวเองในเวลาแทบจะพริบตา!
“อืม
?
นี่คือ …”
“มันเป็นความสามารถของเขตแดน เขตแดนนี้ทรงพลังมาก มันจะนับเป็นทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดได้หรือไม่
?”
เหล่าราชันพิภพระดับสูงหลายคน
มองเห็นความตกใจที่สะท้อนผ่านนัยน์ตาของกันและกัน.
“มันควรจะเป็นความสามารถในทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด
ยิ่งกว่านั้นมันยังค่อนข้างสมบูรณ์ ....มันอาจจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณ
20เปอร์เซ็นต์-30เปอร์เซ็นต์ หลินหมิงผู้นี้นับได้ว่ามีโชคท้าทายสวรรค์อย่างมาก...มันเป็นไปไม่ได้ที่เผ่าฟินิกซ์โบราณจะมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดเช่นนี้
.”
“นี่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
หากไม่ได้รับโชคดีหรือความบังเอิญโดยโชคชะตา
เขาจะเติบโตมาถึงขั้นนี้และยืนอยู่บนแท่นผนึกเทวะชั้น31ได้อย่างไร ? ดูเหมือนเขี้ยวมังกรเองก็คงได้รับโชคที่ท้าทายสวรรค์เช่นกัน
!”
เหล่าราชันพิภพชั้นสูงประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าหลินหมิงมีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด
แต่พวกเขายังคาดเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นมรดกสืบทอดจากตัวตนยิ่งใหญ่บางคนในอดีต.
ในฐานะเหล่าตัวตนชั้นสูง
ใครเล่าจะไม่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุด
ภายใต้ดินแดนศักดิ์สิทธิอันกว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้
หากพวกเขาไม่มีทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดฉบับสมบูรณ์
อย่างน้อยพวกเขาย่อมมีส่วนหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ สำหรับบุตรหลานราชันสวรรค์
พวกเขาอย่างน้องต้องมีส่วนหนึ่งของทักษะศักดิ์สิทธิสูงสุดไม่สมบูรณ์อย่างแน่นอน !
อย่างไรก็ตาม ณ
จุดศูนย์กลางพระราชวังสวรรค์ ชายคนหนึ่งนาม ราชันพิภพเอกไพศาล สีหน้าของเขาดูแปลกๆ
ก่อนพึมพำว่า “ เขตแดนนี้...ดูเหมือน...”
ราชันพิภพเอกไพศาล
รู้สึกคลับคล้ายคลับคาเขตแดนดังกล่าว แต่มันยังมีบางอย่างคลุมเครือติดอยู่ในใจเขา
แต่ก่อนที่เขาจะมีเวลาคิดถึงเรื่องนี้ต่อไป หลินหมิงเริ่มโจมตีโยวซูจินแล้ว !
หยดโลหิตฟินิกซ็โบราณ เผาไหม้ !
ต้นกล้าเทพอสูร เปิด !
พรึบ !.
ณ
ช่วงเวลานี้ร่างกายทั้งหมดของหลินหมิงลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีแดงเข้ม
ภายในส่วนลึกของหัวใจเปลวเพลิงสีม่วงปะทุขึ้นมาในทันที
แม้แต่นัยน์ตาของเขายังดูราวกับกำลังลุกไหม้ !
หลินหมิงเผาผลาญหยดโลหิตฟินิกซ์โบราณทั้งหมด
พร้อมกับเปิดใช้ต้นกล้าเทพอสูรจนถึงขีดสุด บนหอกฟินิกซ์โบราณแสงสีม่วงและแดงเริ่มส่องแสง
!
สีม่วงคือไฟมายา
สีแดงคือธาตุไฟแท้ !
แสงไฟศักดิ์สิทธิทั้งสองผสานเข้าด้วยกันในพริบตา
การโจมตีด้วยหอกนี้มันคือการโจมตีโดยใช้ประโยชน์สูงสุดจากการประยุกต์ใช้กฎของธาตุไฟ
!
โยวซูจิน
เข้าถึงระดับสี่จากกฎมิติและกฎธาตุน้ำ และกฎทั้งสองยังเกือบจะก้าวข้ามไปยังธรณีประตูระดับห้าอีกด้วย
ด้วยความสำเร็จระดับนี้ของเขายังคงได้รับความชื่นชมไม่รู้จบ .
แต่สำหรับหลินหมิงเขาได้ก้าวผ่านธรณีประตูกฎธาตุไฟเข้าสู่ระดับห้าแล้ว
อีกทั้งเขายังเข้าถึงขอบเขตเปลวไฟมายาได้อีกด้วย !
กฎระดับห้านับเป็นระดับใหม่อย่างสมบูรณ์
การก้าวผ่านกับการแตะถึงธรณีประตูระดับห้า มันย่อมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว
และนี่คือการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของหลินหมิง
หลังจากได้เข้าต่อสู้และกลืนกินพลังวิญญาณในดินแดนมายาศักดิ์สิทธิ !
“กฎธาตุไฟระดับ5 = เปลวเพลิงมายาดับสูญ !”
พรึบ !
เปลวเพลิงทั้งหมดรวมถึงเปลวเพลิงรอบกายหลินหมิง
ถ่ายเทลงในหอกฟินิกซ์โบราณในพริบตา !.
เปลวเพลิงม่วงแดงบิดเกลียวเข้าหากันเลี้ยวพันรอบหอกฟินิกซโบราณ
ราวกับมังกรไฟสีม่วงแดงขนดเข้าหากัน ตัวหอกทะยานไปด้านหน้าในทันที
เมื่อเผชิญหน้ากับโยวซูจิน หากเปรียบเทียบกับดาบแสงนับพันเล่ม เกล็ดหิมะนับไม่ถ้วน
การโจมตีของหลินหมิงดูธรรมดามาก
ทันใดนั้นดอกบัวจักรพรรดิด้านหลังห่อหุ้มหลินหมิงในทันที
พร้อมกับร่างหลินหมิงทะยานพุ่งไปด้านหน้าความเร็วของหลินหมิงเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด.ในพริบตา !
ปัง !
เกล็ดหิมะโดยรอบถูกฉีกกระชากในทันที
!
ถึงกระนั้นภายใต้การควบคุมของโยวซูจิน
เกล็ดหิมะโดยรอบรวมตัวเข้าด้วยกันในทันที
ก่อนจะหมุนวนกลายเป็นพายุหิมะสีขาวขนาดใหญ่ กวาดผ่านตรงไปยังหลินหมิง !
วู้ว ว้ว !
เสียงสายลมกรีดร้องพร้อมกับความบิดเบี้ยวบนความว่างเปล่าโดยรอบพายุสีขาว
ทุกสิ่งรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ก้อนหิน ถูกบดขยี้ทำลายจนกลายเป็นฝุ่นผง.
ปัง ปัง ปัง !
แต่หลินหมิงยังคงไม่มีอะไรหยุดยั้งได้
ทุกสิ่งที่ขวางหน้าถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง !
ด้วยเขตแดนแรกกำเนิด
เขาได้ลบทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ไม่เว้นแม้แต่กฎมิติของโยวซูจิน !.
อีกทั้งด้วยความเข้าใจในกฎธาตุไฟระดับ5
เหลินหมิงยังยับยั้งเกล็ดหิมะ8000ไมล์ของโยวซูจินได้อย่างสมบูรณ์ !
เนื่องด้วยทั้งสองกฎ
เมื่อเปรียบเทียบกฎธาตุน้ำระดับ4กับกฎธาตุไฟระดับ5
มันจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครเหนือกว่า !
ปัง !
หอกฟินิกซ์โบราณทะลวงผ่านดาบแสงนับพัน
พุ่งตรงเข้าหาด้านหน้าของโยวซูจินในทันที !
ถึงแม้จะยังมีร่างเงาของโยวซูจินขวางอยู่
มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เข้าร่วมทั่วไปจะแยกแยะออกได้
แต่สำหรับหลินหมิงผู้มีเขตแดนแรกกำเนิด สิ่งนี้ยังไม่นับเป็นอันใดได้
ถึงแม้ร่างเงาเหล่านี้จะยังคงไม่ดับสลายไปในทันทีแต่มันยังค่อยๆสลายไป
และนี่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินหมิง !
หอกของหลินหมิงเล็งตรงไปยังหน้าอกร่างจริงของโยวซูจิน
ในขณะที่โยวซินเต็มไปด้วยความตกตะลึง ! ในยามนี้สัญชาตณาณของโยวซูจินทำได้เพียงยกดาบกันหอกของหลินหมิง
โดยอัตโนมัติ แต่เขาเพิ่งใช้ทักษะสังหารออกไป
มันยังไม่มีเวลามากพอให้เขารวบรวมลมปราณแท้
แล้วเขาจะป้องกันการโจมตีของหลินหมิงได้อย่างไร ?
ปัง ! แควก !
หอกฟินินกซ์โบราณทำลายผ่านดาบแสงสุดท้ายกอ่นที่จะฉีกเกราะลมปราณออกในพริบตา
!
อั่กก !
เกราะลมปราณของโยวซูจินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
พร้อมกับเปลวไฟมายาพุ่งเข้าสู่ร่างกายของโยวซิจินในทันที ณ ช่วงเวลานี้
ภายในจิตใจของโยวซูจินเริ่มเติมเต็มไปด้วยความอิจฉาและความโกรธแค้น !
เกลียด !
ไม่ยินยอม !
อิจฉา !
เขาเกลียดความสามารถของหลินหมิง
เขาอิจฉาความแข็งแกร่งของหลินหมิง
เขาไม่เต็มใจยอมรับศักยภาพของหลินหมิงที่เหนือกว่า เขาแค้นเคืองที่ต้องพ่ายแพ้หลินหมิงท่ามกลางสายตาของทุกคน
สภาพในปัจจุบันมันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากผู้ได้รับความอัปยศ !
ไฟแค้นและไฟริษยา นับเป็นส่วนหนึ่งของเปลวไฟมายาเช่นกัน
ในยามที่หลินหมิงโจมตีโยวซูจิน แปลวไฟมายาภายในร่างกายโยวซูจินได้กระตุ้นความเคียดแค้นและความริษยาอิจฉาในจิตใจของโยวซูจินถึงขีดสุด
ในเวลานี้ ความรู้สึกดังกล่าวมันแทบจะแผดเผาโยวซูจินให้มอดไหม้ในไม่ช้า !
ดวงตาของโยวซูจินดงราวกับโลหิต
ในขณะที่ร่างกายของเขาราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ !
ปัก !
“เจ้าแพ้แล้ว
! ”
.
ภายใต้กฎการประลอง อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สายตาของเสี่ยวเต๋าจื่อ
มันเป็นไปไม่ได้ที่หลินหมิงจะสังหารโยวซูจิน เขาทำได้เพียงใช้ด้ามหอกกวาดผ่านไปบนร่างของโยวซูจิน
!
อ็อก !
โยวซูจินถูกฟาดร่างกระเด็นหมุนคว้างขึ้นไปก่อนที่จะตกลงบนแท่นผนึกเทวะพร้อมกับเลือดสาดกระจาย
!
โยวซูจินพ่าย !
หลินหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเก็บหอกฟินิกซ์โบราณ
และเริ่มปรับลมปราณแท้ในทันที
การเปิดใช้เขตแดนแรกกำเนิดพร้อมกับกฎธาตุไฟระดับห้า
มันจำเป็นต้องใช้ลมปราณแท้ไปไม่น้อย .
ณ เวลาเดียวกัน บนแท่นผนึกเทวะกลับเต็มไปด้วยความเงียบ แม้แต่เสี่ยวเต๋าจื่อที่ดูเฉนเมย
และเข้าใจยาก
ยังลืมตาเพ็งมองไปที่หลินหมิง!
BY NSN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น