Chapter 1244 – 15 คน
“หวูกุ๋ยอวิ้น! ความอัปยศในครั้งนี้ข้าจะจำมันไว้!”
ชายหนุ่มผมเขียวกล่าวออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะโดดลงจากแท่นผนึกเทวะชั้น26
นอกจากสายตาเยาะเย้ย
หวูกุ๋ยอวิ๋นยังคงเงียบ เขานั้นไม่กลัว โจว ฮง เบื้องหลังเขานั้นดีกว่า โจว ฮง
เล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาจะมาจากดินแดนศักดิ์อันดับ2จากโลกนักสู้ที่แท้จริง
แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิของหวูกุ๋ยอวิ้นร่ำรวยมหาศาล
อันที่จริงในความคิดเขาหลินหมิงยังลงมือเบาไปด้วยซ้ำ
กล่าวถึงบรรดา
ญาติ สหายและเหล่าศิษย์หลายพันคนบนอัศจรรย์นอกแท่นผนึกเทวะ จากดินแดนศักดิ์เดียวกันกับ
โจว ฮง พวกเขทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ
แต่ละคนสีหน้ามืดมนสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ในขณะเดียวกัน
มีผู้คนกลุ่มหนึ่งเสียใจ มันย่อมมีอีกกลุ่มหนึ่ง ตื่นเต้น ดีใจ สะใจ เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ
แต่ละคนต่างตะโกนร่ำร้องดังก้องไปทั่วอัศจรรย์ เสียงมันดังต่อกันเป็นทอดทอดราวกับกระแสน้ำ
ในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้
เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณเกือบจะเป็นกลุ่มเดียวที่ส่งเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วอัศจรรย์แห่งนี้
นอกจากพวกเขายังมีเหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ เสียงตะโกนของพวกเขาดังกังวานแทบจะสะเทือนไปถึงสวรรค์
.
“ศิษย์พี่หลิน สู้ สู้!”
“ศิษย์พี่หลิน แข็งแกร่งมาก!”
“ศิษย์พี่หลิน..ท่านทำได้!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนดังลั่น
หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นชั้น27แล้ว!
หลิมหมิงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มแรกที่ปีนขึ้นไปชั้น27 ก่อนหน้าเขายังมี
โยวซูจินและยอดนักดาบประกายโลหิตรวมอยู่ด้วย
แท่นผนึกเทวะชั้นที่27แรงกดดันที่ปกคลุมจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ย่อมไม่สามารถจินตนาการได้
หากเปรียบเทียบกับชั้นที่26 อีกทั้งมันยังอยู่ใกล้ชั้นสูงสุดมากยิ่งขึ้น
หลินหมิงเองยังอยากรู้ว่า
ด้วยความแข็งแกร่งในขณะนี้ของเขาจะสามารถก้าวปีนขึ้นไปถึงชั้นไหน?
ตำนานกล่าวกันว่าหากสามารถก้าวปีนขึ้นไปชั้นสูงสุดหรือชั้นที่33ของแท่นผนึกเทวะได้
จะได้เป็นราชันสวรรค์! หากคำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริง
แท่นผนึกเทวะย่อมมีความพิเศษบางอย่างแน่นอน
ถึงแม้แท่นผนึกเทวะอันนี้
มันจะเป็นเพียงของเลียนแบบ แต่หลินหมิงเชื่อว่าเขาสามารถแอบดู กฎ
อันเบาบางบางอย่างบนแท่นผนึกเทวะได้!
เปรี้ยะ
เปรี้ยะ!
เมื่อถึงชั้นที่27
แรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ยิ่งมีคนเพิ่มมากขึ้นแรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้น!
ขณะที่หลินหมิงปีนขึ้นไปได้สูงถึง50,000ฟุต
เหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะด้านหลังเขาเริ่มปีนขึ้นชั้นที่27เช่นกัน
ในหมู่พวกเขาเหล่านี้มันยังมีบางคนที่หลินหมิงรู้จัก
หนึ่งในนั้น
มันคือหญิงสาวสวมหมวกไม้ไผ่ เธอผู้นี้เสียงแหบแห้งและหลินหมิงเคยพบเธอไม่กี่ครั้งในรอบคัดเลือกดินแดนศักดิ์สิทธิมายา
ยายแก่เบื้องหลังเธอเป็นตัวตนระดับราชันพิภพ
พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเธอน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เธอสามารถต่อสู้และเอาชนะผู้เข้าร่วมคนอื่นตลอดทางที่ผ่านมา
แต่เมื่อเธอเริ่มปีนขึ้นแท่นผนึกเทวะชั้นที่27 มันดูเหมือนเธอจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว
“แรงกดดันรุนแรงมากขึ้น...ดูแล้วมันคงมีประมาณ200คนที่จะปีนขึ้นไปถึงชั้น27
!”
หลังจากเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากขึ้น
หลินหมิงคิดขึ้นมา ซึ่งนี่หมายความว่าผู้เข้าร่วมคนใดปีนขึ้นมาถึงชั้น27ได้
พวกเขาย่อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้
และหากผู้ใดไม่สามารถปีนขึ้นมาบนชั้นที่27ได้
พวกเขาย่อมเจอกับการต่อสู้อันดุเดือดบนชั้นที่26
อีกทั้งมันยังมีผู้เข้าร่วมจากชั้นที่25กำลังพยายามปีนขึ้นมาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ย่อมมีผู้ถูกกำจัดออกไปอีกหลายร้อนคนเช่นกัน
ดังนั้นการแย่งชิงอันดับที่เหลือประมาณ100คนนี้จะรุนแรงและโหดหี้ยมมากขึ้นอย่างแน่นอน
ณ
ยามนี้
แรงกดดันแข็งแกร่งมากขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนผู้ที่ปีนขึ้นมาบนชั้นที่27! ดังนั้นการปีนขึ้นไป100,000ฟุตในครั้งเดียวมันพูดง่ายมากกว่าทำ
ดังนั้นในขณะนี้
ผู้เข้าร่วมจึงได้ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง!
บนชั้นที่26ผู้เข้าร่วมเกือบ250คน
เอาชนะคู่ต่อสู้ได้พวกเขาเหล่านี้ได้รับคุณสมบัติในการปีนต่อไปยังชั้นที่27
แต่เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น มันเหลือผู้เข้าร่วมเพียง210คน และ
ในท้ายที่สุดคงเหลือแค่202คนที่สามารถปีนขึ้นไปบนชั้นที่27ได้!
เพียงแค่ปีนขึ้นไปยังชั้นที่27
มันกลับมีผู้เข้าร่วมถูกกำจัดออกไปถึง1ใน5จากทั้งหมด!
“แฮ่ก แฮ่ก !.ในที่สุด..ข้าก็ทำได้!”
หวูกุ๋ยอวิ้น
ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ใช่น้อยหากเทียบกับผู้อื่นในระดับเดียวกัน
แต่เขายังพบว่ามันยากมากในการปีนขึ้นมา!
หวูกุ๋ยอวิ้น
พักสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ตึก ตึก ! ทันใดนั้นสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเสียวสันหลังวาบ.ในทันที !.
เขามองเห็นชายหนุ่มหน้าซีดชุดดำนัยน์ตาสีแดงราวกับเลือด
กำลังเดินตรงมาหา !
ชายหนุ่มหน้าซีดชุดดำนัยน์ตาสีแดงผู้นี้ก็คือ
โยวซูจิน!.
อึก
! หวูกุ๋ยอวิ้นกลืนน้ำลายและคิดในใจ
โชคของข้าคงไม่ได้แย่ขนาดนี้กระมัง !?
หวูกุ๋ยอวิ้นพยายามคิดเขาข้างตัวเองหวังว่าโยวซูจินจะเพียงแค่เดินผ่านเขาไป
แต่เขากลับเห็นนัยน์ตาของโยวซูจินกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา!.
“ข้า...ข้า...เจ้าช่วยให้เกียรติข้าหน่อยได้ไหม..ข้าใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะปีนขึ้นมาได้…”
หวูกุ๋ยอวิ้นกล่าวตะกุกตะกัก
น้ำเสียงดูขาดความมั่นใจมาก.
สีหน้าโยวซูจินยังคงดูซีดเซียวแต่นัยน์ตากลับแฝงความเหยียดหยามก่อนจะกล่าวว่า
.”เจ้าจะลงไปเอง...หรือให้ข้าช่วยส่งลงไปดี”
“เจ้า..!” สีหน้าหวูกุ๋ยอวิ๋นดูบิดเบี้ยวมากขึ้น
หน้าเขาดูราวกับลูกแพร์แห้งเหี่ยว
เขาต้องใช้ความพยายามและอดทนมากขนาดไหนกว่าจะปีนขึ้นมาได้
นี่ยังแทบไม่ทันได้พักหายใจ เขากับตรงกลับลงไปแล้ว
มันยังมีอะไรน่าหดหู่มากกว่านี้ไหม?
“ข้า...ข้าจะลงไปเอง....!.”
ในยามนี้หวูกุ๋ยอวื้นทำได้เพียงมองไปยังหน้าผาสูง100,000ฟุตด้านหลังเขา เขาแทบจะบ้าตาย
และนี่ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง มันอ่อนแอมากถึงขนาดไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้และถูกบีบให้กลับลงไปเช่นนี้
มันเป็นความเสียใจของคนที่อ่อนแอกว่า.
ไม่ใช่แค่หวูกุ๋ยอวิ๋นที่เลือกจะยอมแพ้
คู่ต่อสู้ของหลินหมิงเองก็ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นกัน ถึงแม้ผู้เข้าร่วมเหล่านี้จะได้ชื่อว่าอัจฉริยะชั้นยอดในโลกนักสู้ที่แท้จริง
แต่พวกเขายังคงรู้ตัวดีว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะหลินหมิงได้
เมื่อโยวซูจินเห็นฉากนี้
ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นในทันที รอยยิ้มของเขาออกจะดูโหดร้ายเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว “หลินหมิง!”
หลินเหมิงเองก็หันไปมองโยวซูจินเช่นกัน
“เจ้า..ค่อนข้างน่าสนใจ ยังมีเขี้ยวมังกร และ ยอดนักดาบประกายโลหิต. พวกเจ้าทั้ง3คน
คงทำให้ข้าเอาจริงขึ้นมาได้บ้าง อ่อ ยังมีนักดาบม่วงอีกคนที่ฝีมือค่อนข้างดี
บนชั้นที่31หรือชั้นที่32 ข้าจะตั้งตารอต่อสู้กับพวกเจ้า
แต่นั้นหากเจ้าสามารถปีนขึ้นไปถึงก่อนนะ!?”
หลินหมิงยิ้มก่อนจะกล่าวว่า
“ถึงเจ้าจะไม่พล่ามอะไร...ข้ายังคงต่อสู้กับเจ้าอยู่แล้ว..และข้าคิดว่ามันคงเกิดขึ้นในไม่ช้าไม่เร็วนี้”
ในรอบรองชนะเลิศ
การเอาชนะโยวซูจินมันเป็นเพียงเป้าหมายหนึ่งของหลินหมิง
อีกทั้งมันยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเอาชนะเทียนหมิงจือ!
“โอ้ ! น่าสนใจ?
หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
โยวซูจินกล่าวก่อนจะหันหลังก้าวปีนขึ้นชั้นที่28
หลินหมิงเองก็เริ่มปีนขึ้นไปเช่นกัน!
ท่ามกลางแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะ
ทั้งสองยังคงสงบเหมือนก่อนหน้าเช่นเดิม
มีเพียงผู้เข้าร่วม202คนเท่านั้นที่สามารถปีนขั้นมาบนชั้นที่27ได้
และดูเหมือนมันจะถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันจะมีเพียง100คนที่จะปีนขึ้นไปชั้นที่28
ในความเป็นจริงแล้ว ในระดับชั้นนี้ มันคงไม่มีผู้เข้าร่วมจากดินแดนศักดิ์สิทธิระดับล่างสามารถขึ้นมาถึงได้
ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงผู้เข้าร่วมจากดินแดนศักดิ์สิทธิระดับสูงเท่านั้นในตอนนี้!
“โอ้! สุดยอดอัจฉริยะทั้งสองกำลังปีนขึ้นไปชั้นที่28แล้ว!?”
“เขี้ยวมังกรกับยอดนักดาบประกายโลหิตเริ่มปีนขึ้นไปเช่นกัน
ยังมีนักดาบม่วงอีกคน ! .”
“ข้าสงสัยยิ่งนัก! ในหมู่พวกเขาใครแข็งแกร่งที่สุด!ข้าคิดว่าโยวซุจินน่าจะแข็งแกร่งที่สุด !”
“การจัดอันดับในตราประทับเทพมันไม่ได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตัวบุคคลเลย
ดูอย่างหลินหมิงผู้นั้น เขาอยู่ในอันดับที่10,000 บนตราประทับเทพ!
แต่ความแข็งแกร่งที่เขาเผยออกมาช่างน่าตกใจ
นี่มันเท่ากับว่ายังคงมีอีกหลายคนที่เก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้
ถึงกระนั้นข้ายังคงคิดว่าโยวซูจินดูแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น
ข้ายังได้ยินมาว่าเขานั้นมีโอกาศสูงมากที่จะเป็นราชันพิภพและยังเป็นถึงระดับมหาราชันพิภพอีกด้วย!”
มหาราชันพิภพ
ผู้ปกครองโลกนักสู้ที่แท้จริง เนื่องจากการดำรงอยู่ของบุตรหลานราชันสวรรค์
ชื่อเสียงของพวกเขาอาจจะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน
เป็นเพราะเหตุนี้อัจฉริยะผู้มาจากโลกนักสู้ที่แท้จริงอันดับ1
ยังพบว่ามันเป็นการยากเกินไปที่จะไปเปรียบเทียบกับอัจฉริยะระดับสูงอย่างโยวซูจินจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬที่ตั้งอยู่ในพิภพรุ่งอรุณปิศาจ
หรือ ยอดนักดาบประกายโลหิต ผู้มาจากดินแดนศักดิสิทธิเอกไพศาลจากพิภพเอกอนันต์
พวกเขาเหล่านี้มีพร้อมทั้งทรัพยากรและโอกาสดีดีอีกมากมายในฐานะเป็นพิภพของราชันสวรรค์!
ชั้นที่28
!
สุดท้ายคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง
80คน !
หลังการต่อสู้อันดุเดือด
ผู้เข้าร่วมกว่าครึ่งถูกกำจัดออกก่อนจะขึ้นชั้นที่29!!
ชั้นที่29
เหลือเพียง30คนเท่านั้น !
จากผู้เข้าร่วมนับ100
ตอนนี้มีเพียง30คนเท่านั้นที่ก้าวมาไกลสุด! อัตราการกำจัดออกเช่นนี้มันออกจะไร้แก่นสารเกินไป !
ณ
ยามนี้หลินหมิงมองเห็นเขี้ยวมังกรแล้ว เขานั้นปีนขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
ดังนั้นพวกเขาทั้งสองยังคงไม่ได้เจอกัน
แต่บนชั้นที่29นี้มันมีผู้เข้าร่วมเพียง30คนเท่านั้น
หลังจากปีนขั้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆพื้นที่บนแท่นผนึกเทวะยิ่งแคบลงมากขึ้น ไม่นานนักไม่ว่าจะเป็นทิศใต้และทิศตะวันออกเหล่าผู้เข้าร่วมเริ่มร่วมตัวเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ
“เจ้าทำได้”เขี้ยวมังกรกล่าวขณะมองไปที่หลินหมิง
เขาคาดไว้แล้วว่าหลินหมิงจะสามารถขึ้นมาถึงได้
“เจ้าก็เช่นกัน.” หลินหมิงกล่าว
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด... เป้าหมายของข้าคือการขึ้นไปยังชั้น32
ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น ถ้าเจ้าขึ้นไปถึงเราคงได้ปะมือกัน?”
พับ
พับ !
เขี้ยวมังกรกล่าวออกมาเรียบเรียบ ในขณะที่เขาต้องเผชิญกับพายุดวงดาวที่กำลังพัดอยู่ในความสูง2.9ล้านฟุต เสื้อผ้าของเขากระพือพัดอยู่รอบตัวเขา รูปร่างเขาดูบอบบางแต่กลิ่นอายความดื้อรั้นและเร่าร้อนราวกับผู้เยาว์อายุ17-18ปีล้อมรอบอยู่รอบกายเขา คำกล่าวของเขาดูเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เมื่อได้พูดคุยกับเขามันทำให้รู้สึกสบายใจ
.
“ปีนขึ้นไปไม่ถึง?.”หลินหมิงตกใจ เป้าหมายของเขี้ยวมังกรกับเป็นเพียงแค่ชั้น32? “ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักแท่นผนึกเทวะเป็นอย่างดี?”
“ข้าเคยได้ยินเรื่องราวบางอย่างมา แท่นผนึกเทวะจำลองนี้
นับเป็นการสร้างที่น่าภูมิใจมากที่สุดของราชันสวรรค์เอกอนันต์
นับแต่เขาจำลองแท่นผนึกเทวะจากแท่นผนึกผนึกเทวะที่แท้จริงซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่
เหล่าบุตรหลานของราชันสวรรค์เอกอนันต์กว่า100คน ได้ปีนขึ้นมาก่อนหน้านี่แล้ว และ
มันจบลงที่ไม่มีผู้ใดปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ไม่เว้นแม้แต่อดีตบุตรหลานราชันสวรรค์และตัวตนทรงพลังในกาลก่อน!”
“จริงรึ?”
หลินหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยวเต๋าจือถึงดูมั่นใจในความคิดของเขามาก
ยามที่กล่าวว่าไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดได้
ดูเหมือนมันจะเป็นมุมมองที่สมเหตุสมผลมาก
อย่างไรก็ตาม
เขี้ยวมังกรสามารถล่วงรู้ถึงเรื่องราวภายในพิภพเอกนันต์ได้เช่นนี้
มันย่อมบ่งบอกได้ว่าตัวตนของเขาเองย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ! สำหรับนักสู้สัญจรไม่มีผู้หนุนหลังคงไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้เป็นแน่
!
สำหรับหลินหมิงเอง
เขานั้นยังประสพกับโชคอยู่หลายครั้งเช่นกัน เขานั้นนับได้ว่ามีอาจารย์และอาจจะมากกว่า1ด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เริ่มต้นมันเป็นเศษชิ้นส่วนความทรงจำและทักษะต่างๆในลูกบาศก์เทพเจ้าจากผู้ทรงพลังในกาลก่อน
และ มู่เชียนเสวียนเองก็แนะนำในหลายๆเรื่อง รวมถึงราชันสวรรค์บรรพกาล
ยังนับได้ว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่ง ขนาดหลินหมิงยังเป็นเช่นนี้ ผู้ที่มีผู้หนุนหลังเช่นกันย่อมสามารถจินตนาการได้
บนชั้นที่29
ผู้เข้าร่วมเหลือเพียงแค่30คน พวกเชาทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ
ในที่นี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้
ที่ความสูงระดับนี้
ถึงแม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขายังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ ยิ่งกว่านั้นผู้เข้าร่วมเหล่านี้
ไม่มีใครไม่หยิ่งและภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตน
ถึงแม้พวกเขาจะต้องต่อสู้กับหลินหมิง พวกเขายังพร้อมที่จะทุมเทสุดฝีมือ !
และเมื่อหลินหมิงต้องเผชิญหน้ากับกับผู้เข้าร่วมเหล่านี้
เขานั้นคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เฉกเช่นเดียวกับการเอาชนะซือหวูอวิ้นและโจว
ฮง เขาต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งมากขึ้น และ
เขาอาจจะต้องใช้เวลาซักพักในการต่อสู้ระดับนี้ !
ฝ่ายตรงข้ามที่หลินหมิงลือก
เป็นชายหนุ่มผู้หนี่ง เขาผู้นี้ถือกระบี่พร้อมกับชุดสีแดง กระบี่ของชายผู้นี้มันมีสายฟ้าเล็ดรอดเอกมาเป็นระยะระยะ
อีกทั้งยังมีอาณาเขตกระบี่รอบๆตัวเขาอีกด้วย !
“การต่อสู้ในระดับชั้นนี้ อาณาเขตและสนามพลัง ไม่นับเป็นอะไรได้เลย
ดูเหมือนใครใครก็มีทั้งนั้น ทุกคนในที่นี้ย่อมมีอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอย่างน้อย!” หลินหมิงกล่าวในใจ
หลินหมิงถอนหายใจเข้าลึก
ในที่นี้มันย่อมมีผู้เข้าร่วมที่มี1สนามพลัง1อาณาเขตด้วยเป็นแน่.
นอกจากนั้น
ณ ชั้นนี้ อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิของเขา ยังดูเหมือนจะไร้ประโยชน์
ระหว่างทั้งสองไม่มีการกล่าวใดใด
การต่อสู้เริ่มขึ้นในทันที !
อาณาเขตกระบี่ เปิด !
อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิ เปิด !
ต้นกล้าเทพอสูร เปิด !
หยดโลหิตฟินิกซ์โบราณ เปิด !
แปดประตูเร้นลับ เปิด !
ปัง! ปัง!
เคร้ง
! เคร้ง !
ฉึก
!
จิตวิญญาณต่อสู้ของนักดาบชุดแดงทะยานสูงแทบจะทะลุฟ้า เขาต่อสู้กับหลินหมิงอย่างดุเดือนหลายสิบรอบ ท้ายที่สุด หลินหมิงเปิดใช้อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิ พร้อมเปิดใช้งานต้นกล้าเทพอสูร หยดโลหิตฟินิกซ์โบราณและเปิดใช้ประตูเร้นลับทั้ง8จึงสามารถเอาชนะมาได้
ณ
ช่วงเวลาสุดท้าย มันคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง15คนที่มีคุณสมบัติปีนขึ้นไปชั้นที่30 !
มาถึง
ณ จุดนี้ มันเริ่มปรากฏเค้าโครงร่างของแท่นผนึกเทวะชั้นสูงสุดแล้ว !
“โอ้....หลังจบการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน
มันเหลือผู้เข้าร่วมเพียง15คนเท่านั้น อยากรู้จังว่าจะมีสักกี่คนประสบความสำเร็จ ?”
ในกลุ่มผู้ชมการต่อสู้
ฮัวเล่ยสือ พึมพำกับตัวเองเบาๆ ใน15คนนี้ไม่ว่าจะย่ำแย่ขนาดไหม
อย่างน้อยพวกเขาย่อมก้าวไปถึงระดับครึ่งก้าวราชันได้อย่างแน่นอน
การต่อสู้ของพวกเขาเหล่านี้มันช่างทำให้เลือดลมเดือดพล่านจริงๆ!