วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ 1244

 

Chapter 1244 – 15 คน


หวูกุ๋ยอวิ้น! ความอัปยศในครั้งนี้ข้าจะจำมันไว้!” ชายหนุ่มผมเขียวกล่าวออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะโดดลงจากแท่นผนึกเทวะชั้น26


นอกจากสายตาเยาะเย้ย หวูกุ๋ยอวิ๋นยังคงเงียบ เขานั้นไม่กลัว โจว ฮง เบื้องหลังเขานั้นดีกว่า โจว ฮง เล็กน้อย ถึงแม้พวกเขาจะมาจากดินแดนศักดิ์อันดับ2จากโลกนักสู้ที่แท้จริง แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิของหวูกุ๋ยอวิ้นร่ำรวยมหาศาล อันที่จริงในความคิดเขาหลินหมิงยังลงมือเบาไปด้วยซ้ำ 


กล่าวถึงบรรดา ญาติ สหายและเหล่าศิษย์หลายพันคนบนอัศจรรย์นอกแท่นผนึกเทวะ จากดินแดนศักดิ์เดียวกันกับ โจว ฮง พวกเขทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ แต่ละคนสีหน้ามืดมนสายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ


ในขณะเดียวกัน มีผู้คนกลุ่มหนึ่งเสียใจ มันย่อมมีอีกกลุ่มหนึ่ง ตื่นเต้น ดีใจ สะใจ  เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณ แต่ละคนต่างตะโกนร่ำร้องดังก้องไปทั่วอัศจรรย์ เสียงมันดังต่อกันเป็นทอดทอดราวกับกระแสน้ำ


ในรอบก่อนรองชนะเลิศนี้ เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณเกือบจะเป็นกลุ่มเดียวที่ส่งเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วอัศจรรย์แห่งนี้  นอกจากพวกเขายังมีเหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬ เสียงตะโกนของพวกเขาดังกังวานแทบจะสะเทือนไปถึงสวรรค์ .


ศิษย์พี่หลิน สู้ สู้!”


ศิษย์พี่หลิน แข็งแกร่งมาก!”


ศิษย์พี่หลิน..ท่านทำได้!”


ท่ามกลางเสียงตะโกนดังลั่น หลินหมิงเริ่มปีนขึ้นชั้น27แล้ว!


หลิมหมิงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลุ่มแรกที่ปีนขึ้นไปชั้น27  ก่อนหน้าเขายังมี โยวซูจินและยอดนักดาบประกายโลหิตรวมอยู่ด้วย


แท่นผนึกเทวะชั้นที่27แรงกดดันที่ปกคลุมจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ย่อมไม่สามารถจินตนาการได้ หากเปรียบเทียบกับชั้นที่26  อีกทั้งมันยังอยู่ใกล้ชั้นสูงสุดมากยิ่งขึ้น หลินหมิงเองยังอยากรู้ว่า ด้วยความแข็งแกร่งในขณะนี้ของเขาจะสามารถก้าวปีนขึ้นไปถึงชั้นไหน?


ตำนานกล่าวกันว่าหากสามารถก้าวปีนขึ้นไปชั้นสูงสุดหรือชั้นที่33ของแท่นผนึกเทวะได้ จะได้เป็นราชันสวรรค์! หากคำกล่าวนี้เป็นเรื่องจริง แท่นผนึกเทวะย่อมมีความพิเศษบางอย่างแน่นอน


ถึงแม้แท่นผนึกเทวะอันนี้ มันจะเป็นเพียงของเลียนแบบ แต่หลินหมิงเชื่อว่าเขาสามารถแอบดู กฎ อันเบาบางบางอย่างบนแท่นผนึกเทวะได้!


เปรี้ยะ เปรี้ยะ!


เมื่อถึงชั้นที่27 แรงกดดันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง


ยิ่งมีคนเพิ่มมากขึ้นแรงกดดันยิ่งเพิ่มขึ้น!


ขณะที่หลินหมิงปีนขึ้นไปได้สูงถึง50,000ฟุต เหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะด้านหลังเขาเริ่มปีนขึ้นชั้นที่27เช่นกัน ในหมู่พวกเขาเหล่านี้มันยังมีบางคนที่หลินหมิงรู้จัก


หนึ่งในนั้น มันคือหญิงสาวสวมหมวกไม้ไผ่ เธอผู้นี้เสียงแหบแห้งและหลินหมิงเคยพบเธอไม่กี่ครั้งในรอบคัดเลือกดินแดนศักดิ์สิทธิมายา


ยายแก่เบื้องหลังเธอเป็นตัวตนระดับราชันพิภพ พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเธอน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เธอสามารถต่อสู้และเอาชนะผู้เข้าร่วมคนอื่นตลอดทางที่ผ่านมา แต่เมื่อเธอเริ่มปีนขึ้นแท่นผนึกเทวะชั้นที่27 มันดูเหมือนเธอจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว


แรงกดดันรุนแรงมากขึ้น...ดูแล้วมันคงมีประมาณ200คนที่จะปีนขึ้นไปถึงชั้น27 !”


หลังจากเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากขึ้น หลินหมิงคิดขึ้นมา ซึ่งนี่หมายความว่าผู้เข้าร่วมคนใดปีนขึ้นมาถึงชั้น27ได้ พวกเขาย่อมผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้


และหากผู้ใดไม่สามารถปีนขึ้นมาบนชั้นที่27ได้ พวกเขาย่อมเจอกับการต่อสู้อันดุเดือดบนชั้นที่26 อีกทั้งมันยังมีผู้เข้าร่วมจากชั้นที่25กำลังพยายามปีนขึ้นมาอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ย่อมมีผู้ถูกกำจัดออกไปอีกหลายร้อนคนเช่นกัน ดังนั้นการแย่งชิงอันดับที่เหลือประมาณ100คนนี้จะรุนแรงและโหดหี้ยมมากขึ้นอย่างแน่นอน


 

ณ ยามนี้ แรงกดดันแข็งแกร่งมากขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนผู้ที่ปีนขึ้นมาบนชั้นที่27! ดังนั้นการปีนขึ้นไป100,000ฟุตในครั้งเดียวมันพูดง่ายมากกว่าทำ


ดังนั้นในขณะนี้ ผู้เข้าร่วมจึงได้ลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง!


บนชั้นที่26ผู้เข้าร่วมเกือบ250คน เอาชนะคู่ต่อสู้ได้พวกเขาเหล่านี้ได้รับคุณสมบัติในการปีนต่อไปยังชั้นที่27 แต่เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น มันเหลือผู้เข้าร่วมเพียง210คน และ ในท้ายที่สุดคงเหลือแค่202คนที่สามารถปีนขึ้นไปบนชั้นที่27ได้!


เพียงแค่ปีนขึ้นไปยังชั้นที่27 มันกลับมีผู้เข้าร่วมถูกกำจัดออกไปถึง1ใน5จากทั้งหมด!


แฮ่ก แฮ่ก !.ในที่สุด..ข้าก็ทำได้!”


หวูกุ๋ยอวิ้น ถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ใช่น้อยหากเทียบกับผู้อื่นในระดับเดียวกัน แต่เขายังพบว่ามันยากมากในการปีนขึ้นมา!


หวูกุ๋ยอวิ้น พักสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่  ตึก ตึก ! ทันใดนั้นสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวเสียวสันหลังวาบ.ในทันที !.


เขามองเห็นชายหนุ่มหน้าซีดชุดดำนัยน์ตาสีแดงราวกับเลือด กำลังเดินตรงมาหา !


ชายหนุ่มหน้าซีดชุดดำนัยน์ตาสีแดงผู้นี้ก็คือ โยวซูจิน!.


อึก ! หวูกุ๋ยอวิ้นกลืนน้ำลายและคิดในใจ โชคของข้าคงไม่ได้แย่ขนาดนี้กระมัง !?


หวูกุ๋ยอวิ้นพยายามคิดเขาข้างตัวเองหวังว่าโยวซูจินจะเพียงแค่เดินผ่านเขาไป แต่เขากลับเห็นนัยน์ตาของโยวซูจินกำลังจ้องเขม็งมาที่เขา!.


ข้า...ข้า...เจ้าช่วยให้เกียรติข้าหน่อยได้ไหม..ข้าใช้เวลาค่อนข้างมากกว่าจะปีนขึ้นมาได้…”


หวูกุ๋ยอวิ้นกล่าวตะกุกตะกัก น้ำเสียงดูขาดความมั่นใจมาก.


สีหน้าโยวซูจินยังคงดูซีดเซียวแต่นัยน์ตากลับแฝงความเหยียดหยามก่อนจะกล่าวว่า .เจ้าจะลงไปเอง...หรือให้ข้าช่วยส่งลงไปดี


เจ้า..!” สีหน้าหวูกุ๋ยอวิ๋นดูบิดเบี้ยวมากขึ้น หน้าเขาดูราวกับลูกแพร์แห้งเหี่ยว เขาต้องใช้ความพยายามและอดทนมากขนาดไหนกว่าจะปีนขึ้นมาได้ นี่ยังแทบไม่ทันได้พักหายใจ เขากับตรงกลับลงไปแล้ว มันยังมีอะไรน่าหดหู่มากกว่านี้ไหม?


ข้า...ข้าจะลงไปเอง....!.”


ในยามนี้หวูกุ๋ยอวื้นทำได้เพียงมองไปยังหน้าผาสูง100,000ฟุตด้านหลังเขา เขาแทบจะบ้าตาย และนี่ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง มันอ่อนแอมากถึงขนาดไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้และถูกบีบให้กลับลงไปเช่นนี้


มันเป็นความเสียใจของคนที่อ่อนแอกว่า.


ไม่ใช่แค่หวูกุ๋ยอวิ๋นที่เลือกจะยอมแพ้ คู่ต่อสู้ของหลินหมิงเองก็ยอมรับความพ่ายแพ้เช่นกัน ถึงแม้ผู้เข้าร่วมเหล่านี้จะได้ชื่อว่าอัจฉริยะชั้นยอดในโลกนักสู้ที่แท้จริง แต่พวกเขายังคงรู้ตัวดีว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะหลินหมิงได้


เมื่อโยวซูจินเห็นฉากนี้ ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นในทันที รอยยิ้มของเขาออกจะดูโหดร้ายเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว หลินหมิง!”


หลินเหมิงเองก็หันไปมองโยวซูจินเช่นกัน


เจ้า..ค่อนข้างน่าสนใจ ยังมีเขี้ยวมังกร และ  ยอดนักดาบประกายโลหิต. พวกเจ้าทั้ง3คน คงทำให้ข้าเอาจริงขึ้นมาได้บ้าง อ่อ ยังมีนักดาบม่วงอีกคนที่ฝีมือค่อนข้างดี บนชั้นที่31หรือชั้นที่32 ข้าจะตั้งตารอต่อสู้กับพวกเจ้า แต่นั้นหากเจ้าสามารถปีนขึ้นไปถึงก่อนนะ!?”


หลินหมิงยิ้มก่อนจะกล่าวว่า ถึงเจ้าจะไม่พล่ามอะไร...ข้ายังคงต่อสู้กับเจ้าอยู่แล้ว..และข้าคิดว่ามันคงเกิดขึ้นในไม่ช้าไม่เร็วนี้


ในรอบรองชนะเลิศ การเอาชนะโยวซูจินมันเป็นเพียงเป้าหมายหนึ่งของหลินหมิง อีกทั้งมันยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเอาชนะเทียนหมิงจือ!


โอ้ ! น่าสนใจ? หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง โยวซูจินกล่าวก่อนจะหันหลังก้าวปีนขึ้นชั้นที่28


หลินหมิงเองก็เริ่มปีนขึ้นไปเช่นกัน!


ท่ามกลางแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะ ทั้งสองยังคงสงบเหมือนก่อนหน้าเช่นเดิม


มีเพียงผู้เข้าร่วม202คนเท่านั้นที่สามารถปีนขั้นมาบนชั้นที่27ได้ และดูเหมือนมันจะถูกกำหนดไว้แล้วว่ามันจะมีเพียง100คนที่จะปีนขึ้นไปชั้นที่28 ในความเป็นจริงแล้ว ในระดับชั้นนี้ มันคงไม่มีผู้เข้าร่วมจากดินแดนศักดิ์สิทธิระดับล่างสามารถขึ้นมาถึงได้ ดังนั้นมันจึงเหลือเพียงผู้เข้าร่วมจากดินแดนศักดิ์สิทธิระดับสูงเท่านั้นในตอนนี้!


โอ้! สุดยอดอัจฉริยะทั้งสองกำลังปีนขึ้นไปชั้นที่28แล้ว!?”


เขี้ยวมังกรกับยอดนักดาบประกายโลหิตเริ่มปีนขึ้นไปเช่นกัน ยังมีนักดาบม่วงอีกคน ! .”


ข้าสงสัยยิ่งนัก! ในหมู่พวกเขาใครแข็งแกร่งที่สุด!ข้าคิดว่าโยวซุจินน่าจะแข็งแกร่งที่สุด !”


การจัดอันดับในตราประทับเทพมันไม่ได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตัวบุคคลเลย ดูอย่างหลินหมิงผู้นั้น เขาอยู่ในอันดับที่10,000 บนตราประทับเทพ! แต่ความแข็งแกร่งที่เขาเผยออกมาช่างน่าตกใจ นี่มันเท่ากับว่ายังคงมีอีกหลายคนที่เก็บงำความแข็งแกร่งเอาไว้ ถึงกระนั้นข้ายังคงคิดว่าโยวซูจินดูแข็งแกร่งกว่าผู้อื่น ข้ายังได้ยินมาว่าเขานั้นมีโอกาศสูงมากที่จะเป็นราชันพิภพและยังเป็นถึงระดับมหาราชันพิภพอีกด้วย!”


มหาราชันพิภพ ผู้ปกครองโลกนักสู้ที่แท้จริง เนื่องจากการดำรงอยู่ของบุตรหลานราชันสวรรค์ ชื่อเสียงของพวกเขาอาจจะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน


เป็นเพราะเหตุนี้อัจฉริยะผู้มาจากโลกนักสู้ที่แท้จริงอันดับ1 ยังพบว่ามันเป็นการยากเกินไปที่จะไปเปรียบเทียบกับอัจฉริยะระดับสูงอย่างโยวซูจินจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬที่ตั้งอยู่ในพิภพรุ่งอรุณปิศาจ หรือ ยอดนักดาบประกายโลหิต ผู้มาจากดินแดนศักดิสิทธิเอกไพศาลจากพิภพเอกอนันต์ พวกเขาเหล่านี้มีพร้อมทั้งทรัพยากรและโอกาสดีดีอีกมากมายในฐานะเป็นพิภพของราชันสวรรค์!


ชั้นที่28 !


สุดท้ายคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง 80คน !


หลังการต่อสู้อันดุเดือด ผู้เข้าร่วมกว่าครึ่งถูกกำจัดออกก่อนจะขึ้นชั้นที่29!!


ชั้นที่29 เหลือเพียง30คนเท่านั้น !


จากผู้เข้าร่วมนับ100 ตอนนี้มีเพียง30คนเท่านั้นที่ก้าวมาไกลสุด! อัตราการกำจัดออกเช่นนี้มันออกจะไร้แก่นสารเกินไป !


ณ ยามนี้หลินหมิงมองเห็นเขี้ยวมังกรแล้ว เขานั้นปีนขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาทั้งสองยังคงไม่ได้เจอกัน


แต่บนชั้นที่29นี้มันมีผู้เข้าร่วมเพียง30คนเท่านั้น หลังจากปีนขั้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆพื้นที่บนแท่นผนึกเทวะยิ่งแคบลงมากขึ้น ไม่นานนักไม่ว่าจะเป็นทิศใต้และทิศตะวันออกเหล่าผู้เข้าร่วมเริ่มร่วมตัวเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ


เจ้าทำได้เขี้ยวมังกรกล่าวขณะมองไปที่หลินหมิง เขาคาดไว้แล้วว่าหลินหมิงจะสามารถขึ้นมาถึงได้


เจ้าก็เช่นกัน.” หลินหมิงกล่าว


มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุด... เป้าหมายของข้าคือการขึ้นไปยังชั้น32 ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น ถ้าเจ้าขึ้นไปถึงเราคงได้ปะมือกัน?”


พับ พับ !


เขี้ยวมังกรกล่าวออกมาเรียบเรียบ ในขณะที่เขาต้องเผชิญกับพายุดวงดาวที่กำลังพัดอยู่ในความสูง2.9ล้านฟุต เสื้อผ้าของเขากระพือพัดอยู่รอบตัวเขา รูปร่างเขาดูบอบบางแต่กลิ่นอายความดื้อรั้นและเร่าร้อนราวกับผู้เยาว์อายุ17-18ปีล้อมรอบอยู่รอบกายเขา คำกล่าวของเขาดูเรียบง่ายและตรงไปตรงมา เมื่อได้พูดคุยกับเขามันทำให้รู้สึกสบายใจ 

.

ปีนขึ้นไปไม่ถึง?.”หลินหมิงตกใจ เป้าหมายของเขี้ยวมังกรกับเป็นเพียงแค่ชั้น32? ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักแท่นผนึกเทวะเป็นอย่างดี?”


ข้าเคยได้ยินเรื่องราวบางอย่างมา แท่นผนึกเทวะจำลองนี้ นับเป็นการสร้างที่น่าภูมิใจมากที่สุดของราชันสวรรค์เอกอนันต์ นับแต่เขาจำลองแท่นผนึกเทวะจากแท่นผนึกผนึกเทวะที่แท้จริงซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่ เหล่าบุตรหลานของราชันสวรรค์เอกอนันต์กว่า100คน ได้ปีนขึ้นมาก่อนหน้านี่แล้ว และ มันจบลงที่ไม่มีผู้ใดปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้ ไม่เว้นแม้แต่อดีตบุตรหลานราชันสวรรค์และตัวตนทรงพลังในกาลก่อน!”


จริงรึ?”


หลินหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสี่ยวเต๋าจือถึงดูมั่นใจในความคิดของเขามาก ยามที่กล่าวว่าไม่มีผู้ใดสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดได้ ดูเหมือนมันจะเป็นมุมมองที่สมเหตุสมผลมาก


อย่างไรก็ตาม เขี้ยวมังกรสามารถล่วงรู้ถึงเรื่องราวภายในพิภพเอกนันต์ได้เช่นนี้ มันย่อมบ่งบอกได้ว่าตัวตนของเขาเองย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ! สำหรับนักสู้สัญจรไม่มีผู้หนุนหลังคงไม่สามารถเติบโตขึ้นมาได้ขนาดนี้เป็นแน่ !


สำหรับหลินหมิงเอง เขานั้นยังประสพกับโชคอยู่หลายครั้งเช่นกัน เขานั้นนับได้ว่ามีอาจารย์และอาจจะมากกว่า1ด้วยซ้ำ ตั้งแต่เริ่มต้นมันเป็นเศษชิ้นส่วนความทรงจำและทักษะต่างๆในลูกบาศก์เทพเจ้าจากผู้ทรงพลังในกาลก่อน และ มู่เชียนเสวียนเองก็แนะนำในหลายๆเรื่อง รวมถึงราชันสวรรค์บรรพกาล ยังนับได้ว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่ง ขนาดหลินหมิงยังเป็นเช่นนี้ ผู้ที่มีผู้หนุนหลังเช่นกันย่อมสามารถจินตนาการได้


บนชั้นที่29 ผู้เข้าร่วมเหลือเพียงแค่30คน พวกเชาทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ ในที่นี้ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้


ที่ความสูงระดับนี้ ถึงแม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขายังผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้ ยิ่งกว่านั้นผู้เข้าร่วมเหล่านี้ ไม่มีใครไม่หยิ่งและภาคภูมิใจในความแข็งแกร่งของตน ถึงแม้พวกเขาจะต้องต่อสู้กับหลินหมิง พวกเขายังพร้อมที่จะทุมเทสุดฝีมือ !


และเมื่อหลินหมิงต้องเผชิญหน้ากับกับผู้เข้าร่วมเหล่านี้ เขานั้นคงไม่สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย เฉกเช่นเดียวกับการเอาชนะซือหวูอวิ้นและโจว ฮง เขาต้องเปิดเผยความแข็งแกร่งมากขึ้น และ เขาอาจจะต้องใช้เวลาซักพักในการต่อสู้ระดับนี้ !


ฝ่ายตรงข้ามที่หลินหมิงลือก เป็นชายหนุ่มผู้หนี่ง เขาผู้นี้ถือกระบี่พร้อมกับชุดสีแดง กระบี่ของชายผู้นี้มันมีสายฟ้าเล็ดรอดเอกมาเป็นระยะระยะ อีกทั้งยังมีอาณาเขตกระบี่รอบๆตัวเขาอีกด้วย !


การต่อสู้ในระดับชั้นนี้ อาณาเขตและสนามพลัง ไม่นับเป็นอะไรได้เลย ดูเหมือนใครใครก็มีทั้งนั้น ทุกคนในที่นี้ย่อมมีอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นอย่างน้อย!” หลินหมิงกล่าวในใจ


หลินหมิงถอนหายใจเข้าลึก ในที่นี้มันย่อมมีผู้เข้าร่วมที่มี1สนามพลัง1อาณาเขตด้วยเป็นแน่.


นอกจากนั้น ณ ชั้นนี้ อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิของเขา ยังดูเหมือนจะไร้ประโยชน์


ระหว่างทั้งสองไม่มีการกล่าวใดใด การต่อสู้เริ่มขึ้นในทันที !


อาณาเขตกระบี่ เปิด !

อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิ เปิด !


ต้นกล้าเทพอสูร เปิด !

หยดโลหิตฟินิกซ์โบราณ เปิด !

แปดประตูเร้นลับ เปิด !


ปัง! ปัง!


เคร้ง ! เคร้ง !


ฉึก !





จิตวิญญาณต่อสู้ของนักดาบชุดแดงทะยานสูงแทบจะทะลุฟ้า เขาต่อสู้กับหลินหมิงอย่างดุเดือนหลายสิบรอบ ท้ายที่สุด หลินหมิงเปิดใช้อาณาเขตดอกบัวจักรพรรดิ พร้อมเปิดใช้งานต้นกล้าเทพอสูร หยดโลหิตฟินิกซ์โบราณและเปิดใช้ประตูเร้นลับทั้ง8จึงสามารถเอาชนะมาได้


ณ ช่วงเวลาสุดท้าย มันคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง15คนที่มีคุณสมบัติปีนขึ้นไปชั้นที่30 !


มาถึง ณ จุดนี้ มันเริ่มปรากฏเค้าโครงร่างของแท่นผนึกเทวะชั้นสูงสุดแล้ว !


โอ้....หลังจบการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน มันเหลือผู้เข้าร่วมเพียง15คนเท่านั้น อยากรู้จังว่าจะมีสักกี่คนประสบความสำเร็จ ?”


ในกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ ฮัวเล่ยสือ พึมพำกับตัวเองเบาๆ ใน15คนนี้ไม่ว่าจะย่ำแย่ขนาดไหม อย่างน้อยพวกเขาย่อมก้าวไปถึงระดับครึ่งก้าวราชันได้อย่างแน่นอน การต่อสู้ของพวกเขาเหล่านี้มันช่างทำให้เลือดลมเดือดพล่านจริงๆ!

                                                                                                                        by NSN


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ ตอนที่ 1241


ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ ตอนที่ 1241 ไร้ยางอาย







ฉึบ !


เสียงหอกทะลวงพุ่งไปด้านหน้า


ปัง !


อาณาเขตเปลวเพลิงโลหิต ฉีกขาดราวกับกระดาษในทันที ถึงแม้เปลวเพลิงจะยังคงไม่มอดดับไปในทันที แต่มันก็ไม่อาจสกัดกั้นหอกของหลินหมิงได้ หอกฟินิกซ์ยังคงทะยานตรงไปยังเอวของ ซือหยูอวิ้น


ซือหยูอวิ้นยังคงตกตะลึง มีความไม่เชื่อในดวงตาฉายชัดออกมาให้เห็นเด่นชัด  ถึงกระนั้นสัญชาตญาณยังร้องบอกเธอว่าหอกนี้ของหลินหมิง ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน !


  ขวับ !  


ซือหยูอวิ้น ยกอาวุธเคียวในมือขึ้นมาป้องกันในทันที ถึงแม้เคียวอาจะดูเป็นอาวุธที่ดูเจ้าเล่ห์มากที่สุดในบรรดาอาวุธชนิดอื่น แต่ในการปะทะกัน มันยังคงด้อยกว่าดาบ


เคร้ง!


อึก !

 

ซือหยูอวิ้น มือชา พร้อมกับร่างที่เซถอยไปด้านข้าง    หากนี่เป็นการต่อสู้ระยะประชิด ผลที่ออกมามันคงเลวร้ายยิ่งกว่า  


ฟุบ !


หลินหมิง เปิดใช้ก้าวย่างฟินิกซ์ในทันที ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงใพริบตา!


หอกฟินิกซ์ เหวี่ยงฟาดออกในทันที !


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ผลจากการปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า มือของซือหยูอวิ้นเริ่มด้านชามากขึ้น มากขึ้น แขนของเธอเริ่มแดงกล่ำราวเลือด.


เคร้ง ! เคร้ง! เคร้ง!


หลินหมิง ยังคงแทงหอกฟินิกซ์อย่างต่อเนื่อง ในการแทงแต่ละครั้งมันมีทั้ง ความรุนแรงที่มากขึ้น ความดุดัน และเจตนาสังหาร บังคับให้ซือหยูอวิ้นต้องตั้งรับอย่างเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโต้กลับ !


 กฎ ธาตุไฟที่เธอภูมิใจ ถูกต้นอ่อนเทพอสูรสยบ  ! อาณาเขตเปลวเพลิงโลหิต ถูกหลินหมิงฉีกกระชาก!

  

การต่อสู้โดยอาวุธเคียว ที่ยากต่อการคาดเดา ถูกบังคับโดยการต่อสู้ระยะประชิด มันจึงทำให้ซือหยูอวิ้นไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้!


มันคือการสยบรอบด้านอย่างแท้จริง !


เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายที่มองดูการต่อสู้นี่อยู่ ต่างอึ้ง งง อ้าปากค้าง ไม่สามารถกล่าวคำใดใดได้ นี่คือซือหยูอวิ้น คนที่ฝาแฝดสาวผู้จัดการประลอง กล่าวว่าเธอคือผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ1ของโลกแสงสีชาดจากพิภพนักสู้ที่แท้จริง ! แล้วทำไมสภาพของซือหยูอวิ้นในตอนนี้ถึงดูเอน็จอนาจนักเล่า!


นี่ หลินหมิงเขาแข็งแกร่งมากขนาดนี่เลยเหรอ?. คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่ผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ1ของโลกแสงสีสาดเหรอ?. อีกอย่างทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อหลินหมิงจาก10,000อันดับในตราประทับเทพเลยหล่ะ?.”

 

ผู้เข้าร่วมนับแต่อันดับ10,000จากตราประทับเทพ ทุกคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งทั้งนั้น และอีกอย่างรายชื่อในตราประทับเทพนั้น มันแสดงเพียงอันดับ ไม่ได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคล .”

 

นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! นี่มันชั้นที่23นะ! แท่นผนึกเทวะ ไม่มีผลกับเขาเลยรึ!.”

 

ทุกคนสามารถบอกได้ว่า หลินหมิงที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าซือหยูอวิ้นมากนัก อีกทั้งดูเหมือน นี่อาจจะไม่ใช้ความสามารถที่แท้จริงของหลินหมิงด้วยซ้ำ!

 

นี่! หลินหมิง เขาเติบโตถึงขนาดนี่เชียวรึ!?” ซือจ้านอวิ้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาพบว่ามันเชื่อได้ยาก ย้อนกลับไปในอดีต หลินหมิงในขั้นทำลายชีวิตระดับ7 เอาชนะร่างแยกขั้นทำลายชีวิตระดับ8ที่เขาทิ้งไว้ได้ พรสวรรค์ของเขาน่าจะถึงขีดจำกัดแล้วไม่ใช่รึ? พรสวรรค์ของเขามันไม่น่าจะดีไปกว่านี้แล้ว อีกทั้งลูกสาวข้าก็มีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน แล้วทำไมความแข็งแกร่งมันจึงแตกต่างกันมากขนาดนี้!

 

เจ้า!... เจ้าจำเอาไว้ สักวันหนึ่งข้าจะเผาเจ้าให้เป็นจุลให้ได้!” ซือหยูอวิ้นตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง นี่ไม่ใช่การกล่าวคำขู่ใดใด มันเป็นเพียงเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่อับอายและโกรธจนหน้าดำหน้าแดงเท่านั้น!

ตั้งแต่เด็กเธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ อีกทั้งบิดาของเธอยังเป็นบุคคลระดับสูงจากโลกแสงสีชาดและมารดาของเธอยังเป็นเทพธิดาสายเลือดบริสุทธิ์จากเผ่าฟินิกซ์โบรารณ มันไม่แปลกหากเธอจะเหย่อหยิ่ง อีกทั้งพรสวรรค์ของเธอนั้นยังน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอเองจึงมีสิทธิที่จะภาคภูมิใจและเอาแต่ใจ

 

อืม..ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้า มันเทียบเท่ากับความหยิ่งและความภาคภูมิใจของเจ้า ..ข้าคงให้เจ้าเผาข้าตามความต้องการของเจ้า...น่าเสียดาย ที่เจ้าไม่มีความสามารถนั้น! .”

 

สึบ!

 

หอกฟินิกซ์ของหลินหมิง แทงตรงไปข้างหน้าซือเสวี่ยวเอ่อร์อีกครั้งในทันที! หอกฟินิกซ์พุ่งผ่านเคียวแสงอย่างง่ายดายและมันยังคงพุ่งตรงไปหาซือหยูอวิ้น!

 

อาณาเขตเปลิวเพลิงหิต เปิด!

 

ซือหยูอวิ้นเปิดใช้อาณาเขตเปลิวเพลิงโลหิตอีกครั้ง พร้อมกับเคียวในมือยกขึ้นมาป้องกันหอกของหลินหมิง แต่กระนั้นมันยังคงเป็นความพยายมที่เปล่าประโยชน์ ถึงแม้ว่าหากซือหยูอวิ้นไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออยู่ในสภาพเต็ม100 เธอยังไม่สามารถป้องกันหอกฟินิกซ์ของหลินหมิงได้!

 

ปัง!

 

เกราะลมปราณของซือหยูอวิ้น หยุดหอกฟินิกซ์ได้เพียงชั่วขณะก่อนจะแตกสลายลงไป!.

 

 

ป้าป !

 

 

หอกฟินิกซ์ของหลินหมิง ยังคงพุ่งตรงต่อไป ก่อนจะฟาดลงบนก้นของซือหยูอวิ้น !.


การใช้เพียงส่วนที่ไม่มีคมของหอก ฟาดลงไปนั้นมันไม่ต่างอันใดกับการโดนไม้หน้าสามฟาด!

 

กรี้ดด.....!

 

ซือหยูอวิ้นกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เธอรู้สึกราวกับก้นของเธอโดนไฟลวก !

 

หลังจากซือเสี่ยว์เอ่อร์สัมผัสบริเวณก้น เธอจึงได้รู้ว่าก้นของเธอมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่จริง!.

 

อ้าห์..อา.....อ้า.......

 

ซือหยูอวิ้น เริ่มตื่นตระหนก กระโปรงของเธอมันทำมาจากหนังแรดศักดิ์สิทธิ์อายุ10,000ปี ความทนทานของมันเทียบเท่ากับสิ่งประดิษฐ์ระดับนักบุญชั้นยอด แต่มันกับไม่สามารถทนการโจมตีต่อเนื่องจากหอกของหลินหมิงได้! แล้วหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สะโพกและก้นของเธอคงไม่พ้นเปิดเผยออกมาต่อหน้าฝูงชนรึ!

 

ท่ามกลางเหล่าผู้ชมทั้งหลายที่มองเห็นสภาพของซือหยูอวิ้นในตอนนี้ ต่าง อ้าปากค้าง

 

นี่...นั้นใช่กระโปรงกำลังไหม้...ใช่มั้ย?”

 

อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ1จากโลกแสงสีชาด ผู้ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจจากสวรรค์ กับถูกผู้อื่นตีก้นจริงๆ!

 

อ้า...อาห์!” “เจ้า...เจ้า...ข้า...ข้าจะฆ่าเจ้า...

 

ซือหยูอวิ้น แทบจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว.

 

นี่มันจะกลายเป็นความอัปยศ! ต่อหน้าฝูงชนนับพันล้านคน แต่เธอกับถูกผู้ชายตีก้น!

 

การกระทำของหลินหมิงนั้น มันเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ลงโทษเด็กน้อย เปรียบเสมือนพ่อแม่ลงโทษบุตรของตน ตั้งแต่เยาว์วัยเธอถูกตามใจมาตลอด เธอเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะต่อหน้าผู้คนนับพันล้าน?!

 

ซือหยูอวิ้นยังจำได้แม่น ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น หลินหมิงเคยบอกไว้ว่า ข้าจะอบรมเจ้าแทนมารดาของเจ้าเอง

 

เพียงแค่ซือหยูอวิ้นคิดถึงคำกล่าวของหลินหมิง ไฟแห่งความโกรธแทบจะระเบิดออกมาจากใจเธอ

 

ซือหยูอวิ้นโกรธมากจนแทบจะบ้าคลั่ง ที่มากกว่านั้นมันคือความอับอาย อับอายเป็นอย่างมาก เพียงแค่นึกว่า เหตุการณ์ในวันนี้มันจะแพร่กระจายไปทั่วพิภพทั้งในโลกนักสู้แท้จริงหรือมันอาจจะกระทั่งเผยแพร่ไปในหมู่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป จากการเล่าปากต่อปาก เธอคงกลายเป็นตัวตลกของผู้คนไปทั่ว ถึงแม้ว่าเธอจะกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดในโลกแสงสีชาดในภายหลัง ต่อหน้าเธอคงไม่มีใครกล้ากล่าวถึง แต่มันคงมีการกล่าวถึงเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน ! อีกทั้งหลังจากนี้เธอยังต้องต่อสู้กับผู้อื่นอีก คู่ต่อสู้ของเธอคงไม่พ้นต้องเยาะเย้ยและเอาเหตุการณ์นี้มายั่วยุเธอแน่นอน!

 

ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!” ซือหยูอวิ้น กระโดดพุ่งเข้าหาหลินหมิงดังนางแมวป่าบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งมันห่างกันมากเกินไป !

 

ฟุบ!

 

หอกฟินิกซ์ยังคงฟาดผ่านเคียวแสงอย่างง่ายดายและพุ่งตรงไปที่ก้นเช่นเดิม !

 

กรี้ดดด....!

 

เมื่อซือหยูอวิ้นเห็นหอกของหลินหมิงฟาดตรงมาที่ก้นของเธออีกครั้ง เธอกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก!

 

ปังง..! เกราะลมปราณแตกสลาย

 

อักก..!กรี้ดดดดด!

 

การฟาดด้วยหอกในครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน!

 

 ซือหยูอวิ้นกรีดร้องพร้อมกับร่างกระเด็นลอยออกไปข้างหลัง!

 

ฟุบ! ก้าวย่างฟินิกซ์

 

หลินหมิงพุ่งร่างตามไปในทันที!.

 

ในความเป็นจริงหากซือหยูอวิ้น ยอมรับความพ่ายแพ้ การต่อสู้ของทั้งสองคงจบลงเพียงเท่านี้ แต่ด้วยความดื้อรั้นของซือหยูอวิ้นเธอกับไม่ยอมเปิดปากกล่าวคำว่ายอมแพ้ออกมา ! คำว่ายอมแพ้สำหรับซือหยูอวิ้น นับว่าเป็นความละอายเช่นกัน!

 

หลินหมิงปรากฏตัวตรงหน้าซือหยูอวิ้นในทันที! แต่ในขณะที่หลินหมิงกำลังจะฟาดหอกฟินิกซ์ลงไปนั้น หลินหมิงมองเห็นเศษเสี้ยวความวิงวอนจากนัยน์ตาทีกำลังโกรธจัดของซือหยูอวิ้น เธอกลัว! หากหลินหมิงฟาดลงมาที่ก้นเธออีกเพียงครั้งเดียว กระโปรงหนังแรดศักดิ์สิทธิของเธอคงถูกฉีกขาดเป็นแน่ ถึงแม้เธอจะสามารถสร้างกระโปรงจากกฎธาตุไฟได้ แต่มันคงไม่แข็งแกร่งเท่ากับกระโปรงจากหนังแรดศักดิ์สิทธิ และมันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เธอจะป้องกันสะโพกและก้นของเธอ ไม่ให้เปิดเผยต่อหน้าฝูงชน!

 

 พอแล้ว!” ณ เวลานี้เสียงคำรามอย่างโกรธเคืองดังขึ้น

 

ทันใดนั้น แสงกระพริบสีแดงพุ่งจากลานอัศจรรย์มุ่งหน้าลานผนึกเทวะพร้อมกับคลื่นพลังมหาศาล เพ่งเล็งไปที่หลินหมิงในทันที หลินหมิงรู้สึกราวกับภูเขาขนาดมหึมากำลังกดทับลงมา แม้แต่มือที่จะยกหอกฟินิกซ์ยังแทบจะไม่สามารถขยับได้ ราวกับติดอยู่ในแม่เหล็ก

 

หืม?”

 

หลินหมิงขมวดคิ้ว หลังจากหันไปมองหลินหมิงเห็นชายวัยกลางคนผมสีแดง ลอยอยู่ห่างออกไปประมาณหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันฟุต กลิ่นอายของชายผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับซือหยูอวิ้นอยู่หลายส่วน มันเห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับซือหยูอวิ้นอย่างแน่นอน!

 

ซือจ้านอวิ้นหลินหมิงพึมพำออกมาเบาๆ

 

สีหน้าซือจ้านอวิ้นค่อนข้างมืดมน ถึงแม้ว่าเขานั้นอยากให้ซือหยูอวิ้นประสบกับความลำบากบ้าง แต่มันคงไม่ใช่ในลักษณะนี้แน่นอน ในฐานะบิดาคงไม่มีผู้ใดเห็นบุตรสาวตัวเองได้รับความอัปยศเช่นนี้แน่!

 

ท่านพ่อ!”

 

ท่านพ่อ ฆ่ามัน เผามัน ฉีกกระชากมันให้เป็นชิ้นๆ

 

ซือหยูอวิ้นร้องบอกกล่าวกับบิดาจนหน้าดำหน้าแดง

 

หุบปาก!” ซือจ้านอวิ้นตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง นี่ยังอับอายขายขี้หน้าไม่พออีกรึ!”

 

เจ้าอ่อนแอกว่าผู้อื่น ถึงจะถูกเหยียดหยามจากผู้อื่น เจ้ามีสิทธิโต้แย้งใดใดรึ ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว อย่าหยิ่งยโส อย่าโอ้อวดเกินตัว เจ้าเคยฟังบ้างไหม?”

 

ฟุบ !

 

ในขณะที่ซือจ้านอวิ้นกำลังว่ากล่าวซือหยูอวิ้นนั้น ร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาต่อหน้าซือจ้านอวิ้นราวกับภูตผี กลิ่นอายของร่างนี้นั้น แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าซือจ้านอวิ้น เปรียบเหมือนภูเขาอันกว้างใหญ่กำลังกดทับอยู่บนศีรษะซือจ้านอวิ้น!


ชายผู้นี้เพียงเหลือบมองซือจ้านอวิ้น ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ ที่นี่เป็นงานประลองยุทธ์ของอาณาจักรสวรรค์ครั้งแรกผู้ไม่มีส่วนในการประลองไม่มีสิทธิก้าวก่ายไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย!”

 

ชายคนนี้คือ ศิษย์สายตรง ของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์!

 

ในฐานะศิษย์สายตรง ของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์ ต่อให้จักรพรรดิโลกแสงสีชาดมาด้วยตัวเอง ชายผู้นี้ยังไม่แยแส นับประสาอะไรกับชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิ! คำพูดใดใดที่กล่าวออกมาจึงไม่มีแม้แต่ความยำเกรงใดใดทั้งสิ้น!

 

ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของโลกแสงสีชาดหรือความแข็งในส่วนตัวบุคคล มันยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

 

ข้าขอโทษผู้อาวุโส... ผู้เยาว์คนนี้ขอถอนตัวออกจากการแข่งขันในทันที!”ซือจ้านอวิ้นกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับศิษย์สายตรงของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์ ซือจ้านอวิ้นยังต้องทำตัวค่อมต่ำ โลกแสงสีชาดนั้นนับเป็นแดนศักดิ์สิทธิในระดับที่3เท่านั้น ส่วนพิภพเอกอนันต์นั้นเป็นแดนศักดิ์สิทธิอันดับ1 ต่อหน้าคนจากพิภพเอกอนันต์ ตัวเขานับเป็นอะไรได้!

 

ท่านพ่อ, ข้า…”

 

หางตาของซือหยูอวิ้นเปียกชื้นในทันที มันแทบจะมีน้ำตาไหลออกมา เธอนั้นอับอายมาก มากจนไม่อยากยืนอยู่บนแท่นผนึกเทวะอีกต่อไป

 

สีหน้าซือจ้านอวิ้นค่อนข้างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า การต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาและยุติธรมนั้น สำหรับข้า ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าย่อมผ่านมันไปได้ แต่หากเจ้าไม่สามารถต่อสู้ชนะจนถึงรอบรองชนะเลิศได้ ข้าจะขังเจ้าไว้100ปี ส่วนการต่อสู้ในครั้งนี้ เจ้าจำเอาไว้เป็นบทเรียนซะ และนอกจากนี้....

 

ซือจ้านอวิ้นหันไปมองหลินหมิงก่อนจะกล่าวต่อว่า สำหรับเจ้า...สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จงจำมันไว้...

 

หลังจากกล่าวคำเหล่านี้ ซือจ้านอวิ้นจึงลอยตัวออกไป อันที่จริงคำกล่าวหลังสุดนั้น มันเป็นเพียงการรักษาหน้าของเขาเท่านั้น เขานั้นไม่สามารถทำอะไรหลินหมิงได้ ด้วยความแข็งแกร่งและผลงานของหลินหมิงในงานประลองยุทธ์รุ่นเยาว์อัจฉริยะของอาณาจักร์สวรรค์ครั้งแรกนั้น เรืองรองและรุ่งโรจน์อย่างมาก ไม่มีทางใดที่เขาจะเล่นงานหลินหมิงได้

 

ในกลุ่มรุ่นเยาว์เผ่าฟีนิกซ์โบราณ ต่างอึ้งและตกตะลึงเมื่อเห็นภาพฉากนี้

 

เจ้าหนุ่มนี่……ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก..ฮัวเล่ยสือกล่าว แต่...ข้าชอบมัน!ฮ่า..ฮ่า ฮ่า..

 

การโจมตีทั้งสองครั้งนั้น มันยอดเยี่ยมจริงจริง ..ข้าเหม็นขี้หน้าเจ้าพวกคนจากโลกแสงสีชาดมานานแล้ว ส่วนนังหนูน่ารังเกียจคนนั้น ..มันสมควรถูกตีก้นต่อหน้าสาธารณะชนแล้ว!”

 

คำกล่าวเหล่านี้ มันเป็นการพูดให้เพียงผู้ที่อยู่รอบตัวเขาเท่านั้นฟัง แต่เมื่อเทพธิดาเฟิงกับตาแก่เหวินได้ยินทั้งสองถึงกับพูดไม่ออก


                                                                                         by nsn

 

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 1243 ดำบ้างแปลบ้าง ว่างก็แปลนะ

 

Chapter 1243 – ปากพล่อยนำไปสู่ปัญหา

เหล่าผู้เข้าร่วมกลุ่มแรก ถูกกำจัดออกมากขึ้น!”


นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! ผู้เข้าร่วมเหล่านี้ ส่วนมากล้วนติดอันดับ5จากโลกนักสู้ที่แท้จริง  พวกเขานับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเกือบทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นพวกเขายังไม่อาจทนต่อแรงกดดันชั้นที่26ได้!


เมื่อครั้งที่หลินหมิงต่อสู้กับซือหยูอวิ้น ในยามนั้นมีผู้เข้าร่วมต่อสู้1600คน แต่ละคนเฉลี่ยแล้วน่าจะอยู่ในอันดับที่20แรกของโลกนักสู้ที่แท้จริง ณ ตอนนี้คงเหลือเพียง500คน ดังนั้นทั้งหมดล้วนอยู่ในอันดับที่5ของโลกนักสู้ที่แท้จริง


ถ้าอันดับ5ยังปีนขึ้นไปไม่ได้ คงไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่อยู่ต่ำกว่าแล้ว!


บนชั้นที่26ยังยากขนาดนี้ ชั้นต่อๆไปคงโหดมากกว่านี้เป็นแน่!?”

 

ใช่! ชั้นที่เหลือความยากของมันคงไม่สามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอน

 

ผู้อาวุโส เสี่ยวเต๋าจื่อไม่ได้กล่าวล้อเล่นเลย เขาบอกว่ายิ่งปีนขึ้นไปสูงมากเท่าไหร่ แรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะยิ่งเหนือจินตนาการจนผู้เข้าร่วมอาจะรู้สึกสิ้นหวังได้ ครั้งแรกข้ายังคิดว่ามันเป็นคำกล่าวที่เกินจริงไปบ้าง แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะสิ้นหวังอย่างแท้จริง!”

 

ในกลุ่มผู้ชมการต่อสู้ ยังจำคำกล่าวของเสี่ยวเต๋าจื่อได้

 

สิ้นหวัง!....ถึงแม้จะเป็นโย่วซูจินรึ?” นักสู้จากพิภพรุ่งอรุณปีศาจกล่าวถามขึ้นมาในทันที ในความเห็นของเขา โย่วซูจิน แข็งแกร่งมาก

 

โย่วซูจินรึ! ฮึ..ฮึ ฮึ.. ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้อะไรเลยสินะ สำหรับโย่วซูจินเขานั้นจะปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้รึเปล่า...นี่ยังไม่แน่ด้วยซ้ำ!”

ในกลุ่มผู้ชม ชายชราผมสีขาวบางกล่าวขึ้น คำกล่าวของเขาทำให้บรรยากาศรอบๆเริ่มเย็นลงในทันที ตาแก่หัวหงอกผู้นี้เป็นใครกัน เขาอยากกล่าวอะไรก็ได้งั้นเหรอ?

 

เจ้าหน้าโง่! เจ้าคิดว่าแท่นผนึกเทวะมันคือสิ่งใด? ในเมื่อเสี่ยวเต๋าจื่อ กล่าวว่าการขึ้นไปให้ถึงชั้นสูงสุดนั้นค่อนข้างสิ้นหวัง เขาเพียงแค่กล่าวออกมาอย่างสุภาพเท่านั้น! อันที่จริงมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุดได้อย่างแน่นอน! และนี่มันยังไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นลานต่อสู้ในโลกนักสู้ที่แท้จริง!”

 

ขณะที่ชายชรากล่าวจบ เหล่าผู้เยาว์รอบรอบตัวเขา ตื่นตัวและรู้สึกสนใจในทันที  ู้อาวุโส....ท่านกำลังบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แท่นผนึกเทวะใช้เป็นลานประลองใช่มั้ย...แล้วเมื่อก่อนมันถูกใช้ไปเมื่อไหร่เหรอ?”

 

ทันใดนั้นเรื่องแท่นผนึกเทวะถูกใช้ไปเมื่อไหร่ ปลุกความสงสัยแก่ผู้คนรอบด้านชายชราแทบจะในทันที

 

แท่นผนึกเทวะถูกเปิดใช้งานเมื่อ100,000ปีที่แล้ว และมันก็เป็นเช่นการแข่งขันในครั้งนี้ มีผู้เยาว์อัจฉริยะจากหลาย1000โลกเข้าร่วม และข้ายังรู้ด้วยว่า ในยามนั้นนับประสาอะไรกับการปีนขึ้นไปถึงชั้น33 แม้แต่ชั้น32ยังไม่มีผู้ใดปีนถึงด้วยซ้ำ! การแข่งขันทั้งหมดจบลง โดยผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ ไม่มีแม้แต้ผู้เดียวที่สามารถปีนขึ้นไปได้!”

 

โอ้..ที่แท้มันเป็นเช่นนี้เอง.....

 

มันไม่มีใครปีนขึ้นไปถึงแม้แต่ชั้นที่32 ...นี่มันไม่ผิดปกติไปเหรอ?”

 

ทุกคนที่ได้ฟังตระหนักได้ในทันที หากมันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นมันคงไม่มีใครปีนขึ้นไปชั้นสุงสุดของแท่นผนึกเทวะได้!

ณ เวลานี้ เสี่ยวเต๋าจื่อ ยังคงลอยตัวเหนือแท่นผนึกเทวะ ในขณะที่ยังคงหลับตาราวกับกำลังทำสมาธิอยู่

 

เสี่ยวเต๋าจื่อยังคงนิ่งเฉย เสียงสนทนาจากเหล่าผู้ชม ไม่ได้ส่งผลกระทบใดใดต่อเขา

 

ถึงแม้ว่าเหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะในรุ่นนี้จะดูดีกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้..บนชั้นที่26ผู้เข้าร่วมในกลุ่มแรกเริ่มถูกกำจัดออก พวกเขาไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันของราชันสวรรค์ที่ปกคลุมแท่นผนึกเทวะได้...อืม.. ไม่แน่อาจจะมีบางคนไปถึงชั้นที่32ได้ก็เป็นได้ ?.”

 

นี่เป็นเพียงความคิดในใจของเสี่ยวเต๋าจื่อ ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นบนแท่นผนึกเทวะ ล้วนอยู่ภายใต้การรับรู้ของเขา

 

นับเวลาจากคนแรกล้มลงเพราะไม่อาจทนแรงกดดันจากแท่นผนึกเทวะได้ ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหลายคนไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป พวกเขาเริ่มตกลงจากแท่นผนึกเทวะชั้นที่26!

 

ท้ายที่สุดคงเหลือผู้เข้าร่วมเพียง478คนเท่านั้นที่สามารถปีนขั้นไปถึงชั้นที่26ได้!.

 

ในขณะที่เหล่าผู้เข้าร่วมทั้ง478คนกำลังพักฟื้นร่างกายและลมปราณแท้ ห่างออกไปประมาณ3-4ชั่วโมง กลุ่มผู้เข้าร่วมที่ตามหลังกลุ่มแรกอยู่ พวกเขาหลายคนได้มาถึงจุดสูงสุดของพวกเขาแล้วและนี่ยังรวมถึงซือหยูอวิ้นด้วย ถึงแม้คนเหล่านี้จะแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาก็โชคร้ายมากเช่นกัน พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งในระดับเดียวกันจำนวนมากและนั้นเป็นเหตุที่พวกเขาพ่ายแพ้!

 

หลังจากซือหยูอวิ้นปีนขึ้นมาถึงชั้น26 เธอไม่ได้กล่าวใดใดออกมา เธอเพียงแค่หามุมสงบเงียบซ่อนตัวจากหลินหมิง

ภายหลังจากนั้นไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดปีนขึ้นมาบนชั้น26เพิ่มอีก!

 

และกลุ่มอัจฉริยะรุ่นเยาว์จาก4สัตว์เทวะเช่น เหยี่ยนเสวี่ว์เอ่อร์และมังกรหนึ่ง พวกเขาถูกกำจัดออกเช่นกัน ถึงแม้ชั้น25ลงไปยังคงมีผู้เข้าร่วมบางคนต่อสู้กันอยู่  มันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ที่จะเข้าสู่รอบชิงนะเลิศมันมีเพียงแค่300คน และ ทั้ง300คนนี้มันจะถูกคัดจาก490คนบนชั้น26 !

 

ถึงกระนั้นในกลุ่มแรกหากพวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาก็ต้องถูกส่งลงมาชั้น25และต้องต่อสู้เพื่อขึ้นไปชั้น26อีกครั้ง และนั้นยังไม่ร่วมผู้ที่ต่อสู้พ่ายแพ้จากชั้น27ที่ถูกส่งลงมาอีกด้วย

 

เมื่อการต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น เหล่าผู้เยาว์อัจฉริยะบนชั้น26จำนวนมาก สีหน้าเคร่งเครียดมากขึ้น การต่อสู้ในครั้งนี้มันส่งผลต่อความรุ่งโรจน์และล้มเหลวของพวกเขา .

 

ข้าท้าเจ้า !.”

 

ในขณะนี้หลินหมิงกำลังเผชิญหน้ากับชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว เขานั้นเป็นสหายกับหวูกุ๋ยอวิ้นผู้ที่ยุให้หวูกุ๋ยอวิ้นท้าทายหลินหมิง

 

หลังจากได้รับการท้าทายจากหลินหมิง ชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียว สีหน้าเขาดูแปลกใจ.

ด้านข้างเขาหวูกุ๋ยอวิ้นกำลังมองดูด้วยสายตายินดีบนความทุกข์ของผู้อื่น ถึงแม้เขาจะเป็นสหายกับชายหนุ่มสะพายดาบผมเขียว แต่มันก็เป็นเพียงสหายที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน.

 

ฮึ..เจ้า..สมควรโดนทุบตีแล้ว!”หวูกุ๋ยอวิ้นคิดในใจ เจ้ามันก็ได้แต่พล่ามไร้สาระราวกับคนโง่...ตอนนี้มาดูกันว่าเจ้าจะหยิ่งยโสได้อีกนานแค่ไหน หากเจ้าชนะข้าพร้อมจะถอยหลังกลับไปเริ่มใหม่เลย!”

 

ใบหน้าชายหนุ่มสะพายดาบผมสีเขียวดำคล้ำในทันที เขาสงสัยว่าหลินหมิงน่าจะได้ยินสิ่งที่เขากล่าวกับหวูกุ๋ยอวิ้น ไม่เช่นนั้นมันจะบังเอิญขนาดนี้ได้ยังไง?

 

ปากพล่อยนำปัญหามาให้จริงๆให้ตายซิ...คราวนี้ข้าชนเข้ากับตอชัดๆ!” ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบคิดอยู่ในใจ เขารู้สึกเสียใจมากจนไส้เขียว เขานั้นสงสัยว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน ดังนั้นการที่เขาจะเอาชนะหลินหมิงนั้นเลิกคิดไปได้เลย ระดับฝีมือและความแข็งแกร่งตัวเขานั้นยังด้อยกว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเล็กน้อย

 

เอ่อ..พี่ชายกุ๋ยอวิ้น ท่านช่วยบอกข้าที ท่านเคยต่อสู้กับหลินหมิงมาก่อนใช่มั้ย?” ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบกล่าวถามหวูกุ๋ยอวิ๋นผ่านลมปราณเสียง เขารู้สึกเศร้ามากที่ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับหลินหมิงเลย สาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะอันดับตอนจบการประลองรอบ3นั้น อันดับของหลินหมิงไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่ เขาจึงไม่ได้สนใจหลินหมิงเลย นี่ถ้าเขาถามเหล่าผู้เยาว์จากโลกนักสู้ที่แท้จริงสักเล็กน้อย เขาอาจทราบได้ว่าหวูกุ๋ยอวิ้นเคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหมิงมาก่อน

 

ถ้าหวูกุ๋ยอวิ๋นเคยพ่ายแพ้มาก่อน เช่นนั้นเขาเองไม่จำเป็นต้องต่อสู้และรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ดีกว่า

 

หวูกุ๋ยอวิ้นดูถูกชายหนุ่มผมสีเขียวสะพายดาบในใจ เขาพยายามไม่ให้ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมาก่อนจะกล่าวว่า โจว ฮง ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่เจ้าหรอกรึที่ยั่วยุให้ข้าท้าทายหลินหมิง เจ้ากับข้าความแข็งแกร่งพอพอกัน หลินหมิงท้าทายเจ้า ทำไมเจ้าถึงยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้เล่า?”

 

เมื่อชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบได้ยินหวูกุ๋ยอวิ๋นกล่าวเช่นนี้ สีหน้าของเขายิ่งน่าเกลียดมากขึ้น นี่หวูกุ๋ยอวิ๋นเจตนาจะไม่บอกชัดเจน

 

ไม่ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างหลินหมิงกับหวูกุ๋ยอวิ๋น ชายหนุมผมเขียวสะพายดาบ ยังคงไม่เต็มใจยอมรับคามพ่ายแพ้เช่นนี้ อย่างน้อยเขานั้นยังได้ชื่อผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ2จากโลกนักสู้ที่แท้จริง!

 

นอกจากนี้ถึงเขาจะพ่ายแพ้หลินหมิง เขายังมั่นใจว่าเขานั้นสามารถผ่านเข่าสู่รอบรองชนะเลิศได้.

 

หึ..แค่เจ้าไม่บอกข้า..เจ้าคิดว่าข้ากลัวที่จะสู้กับเขารึ!” ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกล่าว  เขานั้นหันไปมองหลินหมิงในทันที สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความเย็นชา!

 

กรอด!

 

ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบกัดฟันก่อนกล่าวต่อว่าคนอื่นอาจะกลัวเจ้า แต่ข้าไม่กลัว! เจ้าคงคิดว่าข้าอ่อนแอราวกับเส้นหมี่จึงสามารถหยิกจับได้อย่างง่ายดายกระมัง? ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เลือกข้า...!”

 

ชิ้ง!

ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบ ชักดาบออกจากฟักพร้อมกับหันปลายดาบชี้ไปที่หลินหมิง  เหล่าศิษย์จากดินแดนศักดิ์สิทธิเดียวกันกับชายหนุ่มผมเขียวสะพาย ต่างร้องตะโกนให้กำลังใจในทันที

 

ศิษย์พี่ โจว ท่านทำได้!”

ศิษย์พี่ต้องชนะ!!”

ศิษย์พี่ คว้าชัยชนะมาให้ได้!”

ดาบของศิษย์พี่จะปกครองโลก!”

 

 ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบผู้นี้ มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิชนชั้นราชาพิภพ และจำนวนญาติ สหาย เหล่าศิษย์ในดินแดนศักดิ์ของพวกเขามีจำนวนมากมายมหาศาล อีกทั้งยังมีผู้เข้าร่วมในครั้งนี้มากถึงหลายพันคน แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิระดับสูงสุดเช่นเผ่าฟินิกซ์โบราณยังไม่สามารถหาตั๋วเข้าชมได้มากมายขนาดนี้

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ชายหนุ่มผมเขียวสะพายดาบปลดปล่อยความแข็งแกร่งของเขาออกมาในพริบตา!

 

วิ้งงงง...!  ดาบในมือชายหนุ่มผมเขียวพุ่งขึ้นในทันที!

 

อาณาเขตแห่งดาบ เปิด!

 

วู้ว..วู้ว..วู้ววว...


เงาดาบแสงจำนวนมากปรากฏมาในทันใด กลิ่นอายพลังงานแหลมคมตัดผ่านอากาศพร้อมกับเสียงหวีดร้อง ภายในอาณาเขตแห่งดาบเกิดเป็นเงาดาบนับไม่ถ้วนบินวนสลับไปมา ถักทอเป็นตาข่ายแหลมคมพร้อมเฉือดเฉือนทุกสรรพสิ่ง! อาณาเขตนี้บ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผมเขียวได้เป็นอย่างดี การสร้างอาณาเขตเฉพาะตัวขึ้นมาได้เช่นนี้ นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว หากอาณาเขตแห่งดาบนี้ครอบคลุมนักสู้ผู้มีระดับการฝึกฝนไม่ถึงขั้น นักสู้ผู้นั้นย่อมถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในพริบตา แต่หากเป็นนักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาจะไม่สามารถหันเหความสนใจและทำได้เพียงป้องกัน


 

โอ้! นั่นมันอาณาเขตแห่งดาบ ศิษย์พี่ โจว เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบของเขาทันที!”


 

ศิษย์พี่ โจว ดูเอาจริงเอาจังมาก การต่อสู้ของทั้งสองคงดุเดือดมากแน่! หลินหมิงเองก็แข็งแกร่งไม่ใช่ย่อย! แต่ข้าเชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ โจว มากกว่า


เหล่าศิษย์และญาติมิตรของ โจว ฮง ต่างหน้ามืดตามัวเชื่อว่า โจว ฮง นั้นแข็งแกร่งกว่าหลินหมิง พวกเขาเหล่านี้พรสวรรค์และความแข็งแกร่งโดยรวมล้วนด้อยกว่า โจว ฮง มาก อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถวัดได้ถึงความแข็งแกร่งสูงสุดของ โจว ฮง และแน่นอนว่าพวกเขาเองย่อมไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันจากการต่อสู้ของนักสู้ระดับสูง พวกเขารู้เพียงว่า โจว ฮง แข็งแกร่งห้าวหาญและเหี้ยมโหด!

 

และเมื่อพวกเขาเห็น โจว ฮง เปิดใช้อาณาเขตแห่งดาบ พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก.

 

 ปัง !

 แควก!

 

เพียงแค่พริบตา พวกเขาต่างได้ยินเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วแท่นผนึกเทวะชั้น26!

 

ภาพที่เห็นมันมีเพียงหอกแสงหนาแน่นเต็มไปด้วยพลังงาน ฉีกกระชากอาณาเขตแห่งดาบขาดกระจุยในพริบตา!

 

อ่ะ! เสียงให้กำลังใจขาดหายไปกว่าครึ่งในทันที

 

อาณาเขตแห่งดาบอันน่าภาคภูมิใจขนาดนั้น พังทลายเช่นนี้?

 

บนอัศจรรย์ผู้ชม ญาติ สหาย เหล่าศิษย์ร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิชายหนุ่มผมเขียว อึ้ง งง อ้าปากกว้าง ไม่สามารถโต้ตอบใดใดได้ช่วงหนึ่ง

 

ฟุบ! ก้าวย่างฟินิกซ์

 

ปัง! ปัง! ปัง!

 

ในเวลาเดียวกัน หลินหมิง ขยับหอกฟินิกซ์ พุ่งตัวเข้าสู่อาณาเขตแห่งดาบในพริบตา แสงหอกฟินิกซ์ครอบคลุมร่างกายของหลินหมิง ก่อนที่หลินหมิงจะฟาดฟันเงาดาบแสงในอาณาเขตแห่งดาบจนพังทลายและฉีกพวกมันออกจากันในชั่วอึดใจ!

 

ควับ ! เสียงหอกฟินิกซ์กวาดผ่านออกไป

 

ย๊ากกก...! ชายหนุ่มผมเขียวตะโกนเสียงดังลั่น ก่อนที่เงาดาบแสงทั้งหมดจะตกลงมาราวกับแม่น้ำดวงดาว!

ในฐานะอัจฉริยะระดับสูงจากพิภพราชัน ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขานับว่ารวดเร็วสมชื่อผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง

 

เคร้ง! เคร้ง!เคร้ง!

 

จากการปะทะกันอย่างดุเดือดเสียงดาบหอกกระทบกันดังก้องสะเทือนแท่นผนึกเทวะ  หลินหมิงและชายหนุ่มผมเขียวแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันต่อเนื่อง7-8กระบวนท่า  ถึงแม้ว่าฉากการต่อสู้ดังกล่าวอาจจะดูดุเดือดและรุนแรง แต่ในความเป็นจริงหลินหมิงนั้นได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง แต่ละหอกแสงของหลินหมิงจะบดขยี้เงาดาบแสงของชายหนุ่มผมเขียว3-4ดาบ!

 

หัวใจแห่งดาบ!”

 

หลังจากปะทะกันหลายกระบวนท่าแรงกดดันจากหมินหมิงกดทับชายหนุ่มผมเขียวจนถึงขีดสุด  ชายหนุ่มผมเขียวเรียกดาบกลับมาในทันที ก่อนที่จะแทงตรงไปยังหน้าอกของหลินหมิง!

 

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

 

ปรากฏเป็นเงาดาบแสงเล่มใหญ่อัดแน่นไปด้วยพลังงาน ทะยานออกจากดาบชายหนุ่มผมเขียวเพ็งเล็งไปที่หน้าอกของหลินหมิงในพริบตาตัวดาบตามทันเงาดาบแสงและเริ่มผสานเข้าด้วยกันในทันที!  เมื่อดาบกับเงาดาบแสงผสานรวมเข้าด้วยกัน กลิ่นอายที่เปล่งออกจากดาบนี้ ไม่เพียงแค่คมแต่คมจนถึงที่สุด อีกทั้งความเร็วของมันยังไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเกือบถึงขั้นไม่อาจป้องกันได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าหากผู้ใดต้องต้านรับดาบเช่นนี้ขาดความแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาย่อมพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!

 

8ประตูเร้นลับ เปิด! ต้นกล้าเทพอสูร เปิด!

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่ากระบวนท่าดาบของชายหนุ่มผมเขียวจะคมมากเพียงใด แต่เมื่อเผชิญหน้าหอกฟินิกซ์ของหลินหมิงความเหลื่อมล้ำยังแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หลินหมิงเปิด8ประตูเร้นลับและต้นกล้าเทพอสูรในทันที พลังงานลมปราณแท้ แก่นแท้ ผสานรวมลงไปในหอกฟินิกซ์ในพริบตา

 

ปัง!

 

หอกฟินิกซ์พุ่งชนแท่นผนึกเทวะในทันที!

 

นี่คืออาวุธที่มีจิตวิญญาณ ไม่ต้องกล่าวถึงว่ามันจะเสียหายหรือไม่? ถ้านี่คือภูเขาหรือแม่น้ำ หอกนี้จะทำให้ภูเขาถล่ม แผ่นดินทลาย แม่น้ำเหือดหายได้อย่างแน่นอน!

 

อึก!

 

คลื่นกระแทกจากหอกฟินิกซ์ ส่งชายหนุ่มผมเขียวกระเด็นกลับหลังในทันที!

 

ก่อนที่ชายหนุ่มผมเขียวจะทันได้ตั้งตัว  อ่ะ ! สัญชาตญาณร้องเตือนเขาในใจ จู่ๆเขาขยับตัวไปด้านข้างในทันที.!

ฉึก !

 

ถึงกระนั้นมันยังสายเกินไป หอกแสงกวาดผ่านไหล่ของเขาในพริบตา! มันฉีกผ่านเกราะลมปราณของชายหนุ่มผมเขียวราวกับกระดาษ ก่อนที่จะแทงโดนไหล่ชายหนุ่มผมเขียวจนเลือดสาดกระจาย!

 

เจ้า...ต้องการสู้ต่ออีกหรือไม่?”

 

หลินหมิงจ้องมองไปที่ชายหนุ่มผมเขียวก่อนกล่าวถามออกมา.

 

เจ้า...เจ้าโหดเหี้ยมยิ่งนัก…….เจ้า...!”ชายหนุ่มผมเขียวกลือนคำพูดลงไปก่อนจะกล่าว  เจ้าชนะ!ข้า...ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ !”

 

พยายามเข้าล่ะ หลินหมิงกล่าวก่อนจะเก็บหอกฟินิกซ์กลับไป.

 

                                                                                                                                    By NSN

Facebook