ศิลาลึกลับกับวีรบุรุษ ตอนที่ 1241 ไร้ยางอาย
ฉึบ !
เสียงหอกทะลวงพุ่งไปด้านหน้า
ปัง !
อาณาเขตเปลวเพลิงโลหิต
ฉีกขาดราวกับกระดาษในทันที ถึงแม้เปลวเพลิงจะยังคงไม่มอดดับไปในทันที
แต่มันก็ไม่อาจสกัดกั้นหอกของหลินหมิงได้ หอกฟินิกซ์ยังคงทะยานตรงไปยังเอวของ ซือหยูอวิ้น
ซือหยูอวิ้นยังคงตกตะลึง
มีความไม่เชื่อในดวงตาฉายชัดออกมาให้เห็นเด่นชัด ถึงกระนั้นสัญชาตญาณยังร้องบอกเธอว่าหอกนี้ของหลินหมิง
ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกแน่นอน !
ขวับ !
ซือหยูอวิ้น ยกอาวุธเคียวในมือขึ้นมาป้องกันในทันที
ถึงแม้เคียวอาจะดูเป็นอาวุธที่ดูเจ้าเล่ห์มากที่สุดในบรรดาอาวุธชนิดอื่น แต่ในการปะทะกัน
มันยังคงด้อยกว่าดาบ
เคร้ง!
อึก !
ซือหยูอวิ้น มือชา พร้อมกับร่างที่เซถอยไปด้านข้าง หากนี่เป็นการต่อสู้ระยะประชิด ผลที่ออกมามันคงเลวร้ายยิ่งกว่า
ฟุบ !
หลินหมิง เปิดใช้ก้าวย่างฟินิกซ์ในทันที
ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงใพริบตา!
หอกฟินิกซ์
เหวี่ยงฟาดออกในทันที !
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ผลจากการปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า
มือของซือหยูอวิ้นเริ่มด้านชามากขึ้น มากขึ้น แขนของเธอเริ่มแดงกล่ำราวเลือด.
เคร้ง ! เคร้ง! เคร้ง!
หลินหมิง ยังคงแทงหอกฟินิกซ์อย่างต่อเนื่อง
ในการแทงแต่ละครั้งมันมีทั้ง ความรุนแรงที่มากขึ้น ความดุดัน และเจตนาสังหาร
บังคับให้ซือหยูอวิ้นต้องตั้งรับอย่างเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะโต้กลับ !
กฎ ธาตุไฟที่เธอภูมิใจ ถูกต้นอ่อนเทพอสูรสยบ
! อาณาเขตเปลวเพลิงโลหิต
ถูกหลินหมิงฉีกกระชาก!
การต่อสู้โดยอาวุธเคียว
ที่ยากต่อการคาดเดา ถูกบังคับโดยการต่อสู้ระยะประชิด มันจึงทำให้ซือหยูอวิ้นไม่สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้!
มันคือการสยบรอบด้านอย่างแท้จริง
!
เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายที่มองดูการต่อสู้นี่อยู่
ต่างอึ้ง งง อ้าปากค้าง ไม่สามารถกล่าวคำใดใดได้ นี่คือซือหยูอวิ้น
คนที่ฝาแฝดสาวผู้จัดการประลอง
กล่าวว่าเธอคือผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ1ของโลกแสงสีชาดจากพิภพนักสู้ที่แท้จริง ! แล้วทำไมสภาพของซือหยูอวิ้นในตอนนี้ถึงดูเอน็จอนาจนักเล่า!
“นี่ หลินหมิงเขาแข็งแกร่งมากขนาดนี่เลยเหรอ?. คู่ต่อสู้ของเขาไม่ใช่ผู้เยาว์อัจฉริยะอันดับ1ของโลกแสงสีสาดเหรอ?. อีกอย่างทำไมข้าไม่เคยได้ยินชื่อหลินหมิงจาก10,000อันดับในตราประทับเทพเลยหล่ะ?.”
“ผู้เข้าร่วมนับแต่อันดับ10,000จากตราประทับเทพ ทุกคนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งทั้งนั้น
และอีกอย่างรายชื่อในตราประทับเทพนั้น มันแสดงเพียงอันดับ
ไม่ได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคล .”
“นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
! นี่มันชั้นที่23นะ! แท่นผนึกเทวะ
ไม่มีผลกับเขาเลยรึ!.”
ทุกคนสามารถบอกได้ว่า หลินหมิงที่อยู่ต่อหน้าพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าซือหยูอวิ้นมากนัก
อีกทั้งดูเหมือน นี่อาจจะไม่ใช้ความสามารถที่แท้จริงของหลินหมิงด้วยซ้ำ!
“นี่! หลินหมิง เขาเติบโตถึงขนาดนี่เชียวรึ!?” ซือจ้านอวิ้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เขาพบว่ามันเชื่อได้ยาก ย้อนกลับไปในอดีต หลินหมิงในขั้นทำลายชีวิตระดับ7
เอาชนะร่างแยกขั้นทำลายชีวิตระดับ8ที่เขาทิ้งไว้ได้
พรสวรรค์ของเขาน่าจะถึงขีดจำกัดแล้วไม่ใช่รึ?
พรสวรรค์ของเขามันไม่น่าจะดีไปกว่านี้แล้ว
อีกทั้งลูกสาวข้าก็มีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน
แล้วทำไมความแข็งแกร่งมันจึงแตกต่างกันมากขนาดนี้!
“เจ้า!... เจ้าจำเอาไว้ สักวันหนึ่งข้าจะเผาเจ้าให้เป็นจุลให้ได้!” ซือหยูอวิ้นตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง นี่ไม่ใช่การกล่าวคำขู่ใดใด
มันเป็นเพียงเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่อับอายและโกรธจนหน้าดำหน้าแดงเท่านั้น!
ตั้งแต่เด็กเธอนั้นถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ
อีกทั้งบิดาของเธอยังเป็นบุคคลระดับสูงจากโลกแสงสีชาดและมารดาของเธอยังเป็นเทพธิดาสายเลือดบริสุทธิ์จากเผ่าฟินิกซ์โบรารณ
มันไม่แปลกหากเธอจะเหย่อหยิ่ง อีกทั้งพรสวรรค์ของเธอนั้นยังน่าทึ่งเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเธอเองจึงมีสิทธิที่จะภาคภูมิใจและเอาแต่ใจ
“อืม..ถ้าความแข็งแกร่งของเจ้า
มันเทียบเท่ากับความหยิ่งและความภาคภูมิใจของเจ้า
..ข้าคงให้เจ้าเผาข้าตามความต้องการของเจ้า...น่าเสียดาย ที่เจ้าไม่มีความสามารถนั้น! .”
สึบ!
หอกฟินิกซ์ของหลินหมิง
แทงตรงไปข้างหน้าซือเสวี่ยวเอ่อร์อีกครั้งในทันที! หอกฟินิกซ์พุ่งผ่านเคียวแสงอย่างง่ายดายและมันยังคงพุ่งตรงไปหาซือหยูอวิ้น!
อาณาเขตเปลิวเพลิงหิต เปิด!
ซือหยูอวิ้นเปิดใช้อาณาเขตเปลิวเพลิงโลหิตอีกครั้ง
พร้อมกับเคียวในมือยกขึ้นมาป้องกันหอกของหลินหมิง แต่กระนั้นมันยังคงเป็นความพยายมที่เปล่าประโยชน์
ถึงแม้ว่าหากซือหยูอวิ้นไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออยู่ในสภาพเต็ม100 เธอยังไม่สามารถป้องกันหอกฟินิกซ์ของหลินหมิงได้!
ปัง!
เกราะลมปราณของซือหยูอวิ้น
หยุดหอกฟินิกซ์ได้เพียงชั่วขณะก่อนจะแตกสลายลงไป!.
ป้าป !
หอกฟินิกซ์ของหลินหมิง
ยังคงพุ่งตรงต่อไป ก่อนจะฟาดลงบนก้นของซือหยูอวิ้น !.
การใช้เพียงส่วนที่ไม่มีคมของหอก
ฟาดลงไปนั้นมันไม่ต่างอันใดกับการโดนไม้หน้าสามฟาด!
กรี้ดด.....!
ซือหยูอวิ้นกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
เธอรู้สึกราวกับก้นของเธอโดนไฟลวก !
หลังจากซือเสี่ยว์เอ่อร์สัมผัสบริเวณก้น
เธอจึงได้รู้ว่าก้นของเธอมีเปลวไฟกำลังลุกไหม้อยู่จริง!.
อ้าห์..อา.....อ้า.......
ซือหยูอวิ้น เริ่มตื่นตระหนก
กระโปรงของเธอมันทำมาจากหนังแรดศักดิ์สิทธิ์อายุ10,000ปี
ความทนทานของมันเทียบเท่ากับสิ่งประดิษฐ์ระดับนักบุญชั้นยอด
แต่มันกับไม่สามารถทนการโจมตีต่อเนื่องจากหอกของหลินหมิงได้!
แล้วหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สะโพกและก้นของเธอคงไม่พ้นเปิดเผยออกมาต่อหน้าฝูงชนรึ!
ท่ามกลางเหล่าผู้ชมทั้งหลายที่มองเห็นสภาพของซือหยูอวิ้นในตอนนี้
ต่าง อ้าปากค้าง
“นี่...นั้นใช่กระโปรงกำลังไหม้...ใช่มั้ย?”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ1จากโลกแสงสีชาด
ผู้ที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจจากสวรรค์ กับถูกผู้อื่นตีก้นจริงๆ!
“อ้า...อาห์!”
“เจ้า...เจ้า...ข้า...ข้าจะฆ่าเจ้า...”
ซือหยูอวิ้น
แทบจะกลายเป็นบ้าไปแล้ว.
นี่มันจะกลายเป็นความอัปยศ! ต่อหน้าฝูงชนนับพันล้านคน แต่เธอกับถูกผู้ชายตีก้น!
การกระทำของหลินหมิงนั้น
มันเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ลงโทษเด็กน้อย เปรียบเสมือนพ่อแม่ลงโทษบุตรของตน
ตั้งแต่เยาว์วัยเธอถูกตามใจมาตลอด เธอเคยถูกกระทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
โดยเฉพาะต่อหน้าผู้คนนับพันล้าน?!
ซือหยูอวิ้นยังจำได้แม่น
ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น หลินหมิงเคยบอกไว้ว่า “ ข้าจะอบรมเจ้าแทนมารดาของเจ้าเอง”
เพียงแค่ซือหยูอวิ้นคิดถึงคำกล่าวของหลินหมิง
ไฟแห่งความโกรธแทบจะระเบิดออกมาจากใจเธอ
ซือหยูอวิ้นโกรธมากจนแทบจะบ้าคลั่ง
ที่มากกว่านั้นมันคือความอับอาย อับอายเป็นอย่างมาก เพียงแค่นึกว่า
เหตุการณ์ในวันนี้มันจะแพร่กระจายไปทั่วพิภพทั้งในโลกนักสู้แท้จริงหรือมันอาจจะกระทั่งเผยแพร่ไปในหมู่มนุษย์ธรรมดาทั่วไป
จากการเล่าปากต่อปาก เธอคงกลายเป็นตัวตลกของผู้คนไปทั่ว
ถึงแม้ว่าเธอจะกลายเป็นผู้ปกครองสูงสุดในโลกแสงสีชาดในภายหลัง
ต่อหน้าเธอคงไม่มีใครกล้ากล่าวถึง แต่มันคงมีการกล่าวถึงเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน
! อีกทั้งหลังจากนี้เธอยังต้องต่อสู้กับผู้อื่นอีก
คู่ต่อสู้ของเธอคงไม่พ้นต้องเยาะเย้ยและเอาเหตุการณ์นี้มายั่วยุเธอแน่นอน!
“ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
ซือหยูอวิ้น กระโดดพุ่งเข้าหาหลินหมิงดังนางแมวป่าบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งมันห่างกันมากเกินไป !
ฟุบ!
หอกฟินิกซ์ยังคงฟาดผ่านเคียวแสงอย่างง่ายดายและพุ่งตรงไปที่ก้นเช่นเดิม !
กรี้ดดด....!
เมื่อซือหยูอวิ้นเห็นหอกของหลินหมิงฟาดตรงมาที่ก้นของเธออีกครั้ง
เธอกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก!
ปังง..! เกราะลมปราณแตกสลาย
อักก..!กรี้ดดดดด!
การฟาดด้วยหอกในครั้งนี้มันรุนแรงมากกว่าครั้งก่อน!
ซือหยูอวิ้นกรีดร้องพร้อมกับร่างกระเด็นลอยออกไปข้างหลัง!
ฟุบ! ก้าวย่างฟินิกซ์
หลินหมิงพุ่งร่างตามไปในทันที!.
ในความเป็นจริงหากซือหยูอวิ้น
ยอมรับความพ่ายแพ้ การต่อสู้ของทั้งสองคงจบลงเพียงเท่านี้ แต่ด้วยความดื้อรั้นของซือหยูอวิ้นเธอกับไม่ยอมเปิดปากกล่าวคำว่ายอมแพ้ออกมา
! คำว่ายอมแพ้สำหรับซือหยูอวิ้น
นับว่าเป็นความละอายเช่นกัน!
หลินหมิงปรากฏตัวตรงหน้าซือหยูอวิ้นในทันที! แต่ในขณะที่หลินหมิงกำลังจะฟาดหอกฟินิกซ์ลงไปนั้น
หลินหมิงมองเห็นเศษเสี้ยวความวิงวอนจากนัยน์ตาทีกำลังโกรธจัดของซือหยูอวิ้น
เธอกลัว! หากหลินหมิงฟาดลงมาที่ก้นเธออีกเพียงครั้งเดียว
กระโปรงหนังแรดศักดิ์สิทธิของเธอคงถูกฉีกขาดเป็นแน่ ถึงแม้เธอจะสามารถสร้างกระโปรงจากกฎธาตุไฟได้
แต่มันคงไม่แข็งแกร่งเท่ากับกระโปรงจากหนังแรดศักดิ์สิทธิ
และมันคงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เธอจะป้องกันสะโพกและก้นของเธอ
ไม่ให้เปิดเผยต่อหน้าฝูงชน!
“ พอแล้ว!”
ณ เวลานี้เสียงคำรามอย่างโกรธเคืองดังขึ้น
ทันใดนั้น
แสงกระพริบสีแดงพุ่งจากลานอัศจรรย์มุ่งหน้าลานผนึกเทวะพร้อมกับคลื่นพลังมหาศาล
เพ่งเล็งไปที่หลินหมิงในทันที หลินหมิงรู้สึกราวกับภูเขาขนาดมหึมากำลังกดทับลงมา
แม้แต่มือที่จะยกหอกฟินิกซ์ยังแทบจะไม่สามารถขยับได้ ราวกับติดอยู่ในแม่เหล็ก
“หืม?”
หลินหมิงขมวดคิ้ว
หลังจากหันไปมองหลินหมิงเห็นชายวัยกลางคนผมสีแดง
ลอยอยู่ห่างออกไปประมาณหลายร้อยหรืออาจจะหลายพันฟุต กลิ่นอายของชายผู้นี้มีความคล้ายคลึงกับซือหยูอวิ้นอยู่หลายส่วน
มันเห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับซือหยูอวิ้นอย่างแน่นอน!
“ซือจ้านอวิ้น”หลินหมิงพึมพำออกมาเบาๆ
สีหน้าซือจ้านอวิ้นค่อนข้างมืดมน
ถึงแม้ว่าเขานั้นอยากให้ซือหยูอวิ้นประสบกับความลำบากบ้าง
แต่มันคงไม่ใช่ในลักษณะนี้แน่นอน ในฐานะบิดาคงไม่มีผู้ใดเห็นบุตรสาวตัวเองได้รับความอัปยศเช่นนี้แน่!
“ท่านพ่อ!”
“ท่านพ่อ
ฆ่ามัน เผามัน ฉีกกระชากมันให้เป็นชิ้นๆ”
ซือหยูอวิ้นร้องบอกกล่าวกับบิดาจนหน้าดำหน้าแดง
“หุบปาก!”
ซือจ้านอวิ้นตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “นี่ยังอับอายขายขี้หน้าไม่พออีกรึ!”
“เจ้าอ่อนแอกว่าผู้อื่น
ถึงจะถูกเหยียดหยามจากผู้อื่น เจ้ามีสิทธิโต้แย้งใดใดรึ ข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว
อย่าหยิ่งยโส อย่าโอ้อวดเกินตัว เจ้าเคยฟังบ้างไหม?”
ฟุบ !
ในขณะที่ซือจ้านอวิ้นกำลังว่ากล่าวซือหยูอวิ้นนั้น
ร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาต่อหน้าซือจ้านอวิ้นราวกับภูตผี กลิ่นอายของร่างนี้นั้น
แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากกว่าซือจ้านอวิ้น เปรียบเหมือนภูเขาอันกว้างใหญ่กำลังกดทับอยู่บนศีรษะซือจ้านอวิ้น!
ชายผู้นี้เพียงเหลือบมองซือจ้านอวิ้น
ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ “ที่นี่เป็นงานประลองยุทธ์ของอาณาจักรสวรรค์ครั้งแรกผู้ไม่มีส่วนในการประลองไม่มีสิทธิก้าวก่ายไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย!”
ชายคนนี้คือ ศิษย์สายตรง
ของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์!
ในฐานะศิษย์สายตรง
ของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์ ต่อให้จักรพรรดิโลกแสงสีชาดมาด้วยตัวเอง
ชายผู้นี้ยังไม่แยแส นับประสาอะไรกับชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิ! คำพูดใดใดที่กล่าวออกมาจึงไม่มีแม้แต่ความยำเกรงใดใดทั้งสิ้น!
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งของโลกแสงสีชาดหรือความแข็งในส่วนตัวบุคคล
มันยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
“ข้าขอโทษผู้อาวุโส...
ผู้เยาว์คนนี้ขอถอนตัวออกจากการแข่งขันในทันที!”ซือจ้านอวิ้นกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม
เมื่อเผชิญหน้ากับศิษย์สายตรงของราชันสวรรค์พิภพเอกอนันต์
ซือจ้านอวิ้นยังต้องทำตัวค่อมต่ำ โลกแสงสีชาดนั้นนับเป็นแดนศักดิ์สิทธิในระดับที่3เท่านั้น
ส่วนพิภพเอกอนันต์นั้นเป็นแดนศักดิ์สิทธิอันดับ1 ต่อหน้าคนจากพิภพเอกอนันต์
ตัวเขานับเป็นอะไรได้!
“ท่านพ่อ,
ข้า…”
หางตาของซือหยูอวิ้นเปียกชื้นในทันที
มันแทบจะมีน้ำตาไหลออกมา เธอนั้นอับอายมาก มากจนไม่อยากยืนอยู่บนแท่นผนึกเทวะอีกต่อไป
สีหน้าซือจ้านอวิ้นค่อนข้างเย็นชาก่อนจะกล่าวว่า
“การต่อสู้อย่างตรงไปตรงมาและยุติธรมนั้น สำหรับข้า
ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าย่อมผ่านมันไปได้
แต่หากเจ้าไม่สามารถต่อสู้ชนะจนถึงรอบรองชนะเลิศได้ ข้าจะขังเจ้าไว้100ปี ส่วนการต่อสู้ในครั้งนี้
เจ้าจำเอาไว้เป็นบทเรียนซะ และนอกจากนี้....”
ซือจ้านอวิ้นหันไปมองหลินหมิงก่อนจะกล่าวต่อว่า
“สำหรับเจ้า...สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จงจำมันไว้...”
หลังจากกล่าวคำเหล่านี้
ซือจ้านอวิ้นจึงลอยตัวออกไป อันที่จริงคำกล่าวหลังสุดนั้น มันเป็นเพียงการรักษาหน้าของเขาเท่านั้น
เขานั้นไม่สามารถทำอะไรหลินหมิงได้
ด้วยความแข็งแกร่งและผลงานของหลินหมิงในงานประลองยุทธ์รุ่นเยาว์อัจฉริยะของอาณาจักร์สวรรค์ครั้งแรกนั้น
เรืองรองและรุ่งโรจน์อย่างมาก ไม่มีทางใดที่เขาจะเล่นงานหลินหมิงได้
ในกลุ่มรุ่นเยาว์เผ่าฟีนิกซ์โบราณ
ต่างอึ้งและตกตะลึงเมื่อเห็นภาพฉากนี้
“เจ้าหนุ่มนี่……ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก..”ฮัวเล่ยสือกล่าว “แต่...ข้าชอบมัน!ฮ่า..ฮ่า ฮ่า..”
“การโจมตีทั้งสองครั้งนั้น
มันยอดเยี่ยมจริงจริง ..ข้าเหม็นขี้หน้าเจ้าพวกคนจากโลกแสงสีชาดมานานแล้ว ส่วนนังหนูน่ารังเกียจคนนั้น
..มันสมควรถูกตีก้นต่อหน้าสาธารณะชนแล้ว!”
คำกล่าวเหล่านี้
มันเป็นการพูดให้เพียงผู้ที่อยู่รอบตัวเขาเท่านั้นฟัง
แต่เมื่อเทพธิดาเฟิงกับตาแก่เหวินได้ยินทั้งสองถึงกับพูดไม่ออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น