Chapter 1253 – ทำความเข้าใจ กฎ
“เขี้ยวมังกร!”
“เขี้ยวมังกร !”
“หลินหมิง !”
“หลินหมิง !”
ผู้คนนับพันล้านตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครมาจากไหน ไม่มีระดับชั้นใดใดอีกต่อไป โดยเฉพาะเผ่าฟินิกซ์โบราณนอกจากตะโกนแล้วยังถึงขนาดเปล่งกลิ่นนอายสีแดงเข้มออกมา
ผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิส่งเสียงเชียร์
ผู้คนจากพิภพนักสู้ที่แท้จริงโห่ร้อง
แม้กระทั่งผู้คนจากดินแดนศักดิ์สิทธินภาทมิฬยังส่งเสียงเชียร์
ฉากนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ทุกคนหวังว่าชายหนุ่มทั้งสองบนแท่นผนึกเทวะจะสร้างปาฏิหาริย์
ปาฏิหารย์ที่มันจะกลายเป็นความหวังของนักสู้ทุกคน !
โดยเฉพาะความสนใจส่วนใหญ่ของทุกคนจดจ่ออยู่กับเขี้ยวมังกร
นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจากดินแดนศักดิ์สิทธิทั้งหมดของ100พิภพที่มารวมตัวกันบนดาวคำสาปจันทรา
มันมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะทิ้งตำนานไว้เบื้องหลังพระราชวังราชันสวรรค์ !.
ณ
เวลานี้บนแท่นผนึกเทวะ หลินหมิงกับเขี้ยวมังกร ปีนขึ้นมาได้1ใน10ของชั้นที่31แล้ว
นั้นคือ10,000ฟุต !
การประลองต่อสู้ครั้งแรกในพิภพนักสู้ที่แท้จริง เกิดขึ้นหลายครั้งโดยการใช้แท่นผนึกเทวะ
มันยังไม่มีใครสามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นที่32ได้แม้แต่คนเดียว
นี่แสดงให้เห็นถึงความยากถึงยากมาก !
….
“นี่นับว่าเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่อาจจะกลายเป็นตำนานบนดาวคำสาปจันทรา
และสิ่งนี้มันยังไม่เคยปรากฏออกมาก่อนในช่วงเวลานับล้านปี ที่ผ่านมา !”
ในสนามแข่งขันที่เต็มไปด้วยผู้คนนับพันล้าน
มันยังมีพื้นที่หวงห้ามที่จัดเตรียมไว้เฉพาะแขกบางกลุ่ม
บริเวณนี้เป็นมิติย่อยแยกออกมา และ บรรดาผู้ที่นั่งรับชมอยู่ ณ ที่นี้
ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีชีวิตมาอย่างยาวนาน และ
แต่ละคนยังเป็นบุคคลสำคัญใน100พิภพอันยิ่งใหญ่อีกด้วย.
ในกลุ่มพวกเขา
ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นระดับผู้ปกครองสูงสุดและยังมีกึ่งราชันพิภพรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามมันไม่มีราชันพิภพที่แท้จริงแม้แต่คนเดียว .
ราชันพิภพโดยเฉพาะมหาราชันพิภพเช่นเทียนหมิงจื่อที่มีสถานะสูงส่ง
เขาสามารถรวมตัวกันกับเหล่าตัวตนในระดับชั้นเดียวกันได้ที่พระราชวังสวรรค์และเฝ้ามองการต่อสู้ของเหล่าผู้เข้าร่วมผ่านกระจกคริสตัลขนาดใหญ่ใจกลางพระราชวังสวรรค์เป็นการส่วนตัว
ในขณะที่เหล่าราชันพิภพทั่วไปเช่นราชันพิภพนักสู้ที่แท้จริง
พวกเขาทำได้เพียงเฝ้าชมจากบนเรือจิตวิญญาณและนี่ยังเป็นสิทธิพิเศษสำหรับเหล่าราชันพิภพเท่านั้น
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้รับชมบนท้องนภา
มิฉะนั้นนภาเหนือแท่นผนึกเทวะมันคงเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนแล้ว
นอกเหนือจากราชันพิภพ
เหล่าตัวตนชนชั้นกึ่งราชันพิภพและชนชั้นผู้ปกครองศักดิ์สิทธิสามารถนั่งรับชมในพื้นที่ส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้เท่านั้น.
บุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เหย่อหยิ่ง
และยังเป็นผู้ปกครองในอาณาเขตของตนด้วย แต่ตอนนี้
เมื่อพวกเขาเห็นเขี้ยวมังกรกับหลินหมิง พวกเขากับเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง
กระแสกาลเวลาชะล้างสิ่งเก่าและนำมาซึ่งสิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า
ดังคำกล่าวคลื่นลูกหลังย่อมแรงกว่าคลื่นลูกหน้า ความสำเร็จในอนาคตของทั้งสอง
มันยากที่จะจินตนาการถึงจริงๆ .
“เหลือเชื่อ! สองคนนี้นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะไร้เปรียบในรุ่นของพวกเขาแล้ว
ข้าอยากรู้ยิ่งนักว่าใครจะแข็งแกร่งมากกว่ากัน”
“อืม! เขี้ยวมังกรนั้นยอดเยี่ยม แต่หลินหมิงเองก็โดดเด่นเช่นกัน
เพียงแค่เทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด เขากับสามารถใล่ตามเขี้ยวมังกรได้ไกลขนาดนี้
มันไม่ง่ายเลย”
หลายคนคิดว่าหลินหมิงย่อมถูกเขี้ยวมังกรทิ้งไว้ข้างหลังอย่างช้าๆ
แต่หลินหมิงกับปีนขึ้นไปถึง 10,000ฟุตโดยไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
…………….
วิ้ว วิ้ว วิ้ว
เสียงลมพัดโหมกระหน่ำ
.
เฮ เฮ เฮ
พร้อมกับเชียรเชียร์ดังกระหึ่ม
.
แท่นผนึกเทวะสูงนับ3.3ล้านฟุตตั้งตระหง่านสูงสุดในพิภพ
เมื่อหลินหมิงกับเขี้ยวมังกรปีนขึ้นไป
ร่างกายของพวกเขาดูราวกับมดตัวน้อยสองตัวกำลังไต่ขึ้นไปบนยอด
มันดูธรรมดาและเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริง
ในอนาคต.......พวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักที่รองรับอาณาจักรสวรรค์ทั้งหมดในพิภพเทวะ !
10,000 ฟุต…
20,000 ฟุต…
30,000 ฟุต…
หลินหมิงปีนสูงขึ้นสูงขึ้นจนเกือบจะตามเขี้ยวมังกรทัน
!
ยิ่งสูงแรงกดดันยิ่งมาก !
สูดดด....
“แท่นผนึกเทวะนี้ช่างดูยิ่งใหญ่อลังการนัก
ทุกร่องรอยบนแผ่นหินกับเต็มไปด้วย กฎ อันยิ่งใหญ่.”
หลินหมิงผ่อนลมหายใจ
ทุกลมหายใจยาวและลึก เขาหายใจเข้าเหมือนอสรพิษ หายใจออกดั่งลูกศร
แต่ละลมหายใจเท่ากับ100การหายใจปกติของมนุษย์สามัญ.
ที่มากกว่านั้น
มนุษย์สามัญทั่วไปหายใจเอาอากาศเข้า
แต่หลินหมิงกับหายใจเอาพลังงานจากสวรรค์และปฐพีเข้า !.
แรงกดดันดั่งน้ำตกโหมกระหน่ำ
มันไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันจากกลิ่นอายราชันสวรรค์ แต่หลินหมิงกับรู้สึกว่า
บริเวณโดยรอบตัวเขามันเต็มไปด้วย กฎ โกลาหล .
อำนาจจาก กฎ โกลาหล
นี้มันดูไม่สม่ำเสมอไม่มีกฎตายตัว มันแตกต่างจาก กฏต่างๆที่หลินหมิงเคยเข้าใจ.
ถ้าหลินหมิงไม่ใช้ กฎ
ที่เขาเข้าใจต้านทาน กฎ โกลาหล รอบๆตัว เขาคงถูก กฎ โกลาหลบดขยี้และผลักเขาตกลงมาแล้ว.
ทุกย่างก้าวมันเต็มไปด้วยความยากลำบาก.
หนึ่งก้าวเสมือนปีนหน้าผา
หนึ่งก้าวเสมือนเหยียบลงไปในโคลน หนึ่งก้าวเสมือนตกลงไปในสายธารเชี่ยวกราด.
บางครั้งแรงโน้มถ่วงมหาศาลยังพุ่งมาหาเขา
มันทำให้หลินหมิงรู้สึกราวกับแขนของเขาจะขาด
ถ้าไม่ใช่หลินหมิงแต่เป็นนักสู้ทั่วไปที่ไม่มีร่างกายและแก่นแท้ลมปราณที่หนาแน่น
คลื่นแรงโน้มถ่วงนี้คงผลักพวกเขาตกลงจากหน้าผาไปแล้ว
บางครั้ง พลังงานจาก
กฎ โกลาหล ยังโจมตีจิตวิญญาณของหลินหมิงโดยตรง และพลังงานจาก กฎโกลาหลนี้มันยังมีความรุ่นแรงพอๆกับการโจมตีจิตวิญญาณจากเทพสมุทรขั้นปลายอีกด้วย
ในยามปกติหลินหมิงย่อมหลีกเลี่ยงการโจมตีประเภทนี้ได้
แต่ในยามนี้ขณะที่เขายังปีนขึ้นไปชั้น32
นอกจากความแข็งแกร่งจำนวนมากที่เขาต้องใช้ไป
หลินหมิงรู้สึกว่ามันยากที่จะต่อต้านการโจมตีนี้ .
ฮู..... !
หลินหมิงถอนหายใจยาว
เขาปีนขึ้นไปได้เพียง30,000ฟุตเท่านั้น
มันยังมีระยะทางอีก60,000ฟุตที่เขาต้องปีน!
ตามระยะทางนี้
หลินหมิงมั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหาใดที่จะปีนขึ้นไปยังชั้นที่32
แต่ชั้น32มันไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของหลินหมิง !
เขาต้องการจะปีนให้ถึงชั้น33
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันนี้ เขาคงทำได้แค่คลานไปยังชั้น33ในไม่กี่พันฟุตก่อนที่จะถูกผลักตกลงมา !
แท่นผนึกเทวะเป็นที่รู้จักในฐานะสนามทดสอบการต่อสู้ของพิภพนักสู้แท้จริง
และยังเป็นที่สนามทดสอบคุณสมบัติขั้นสูงสุดของเหล่านักสู้อีกด้วย
หลายปีที่ผ่านมาราชันสวรรค์เอกอนันต์ผู้หล่อหลอมแท่นผนึกเทวะขึ้นมา และ
ใช้มันเป็นอาวุธนักบุญขั้นสุดที่มีจิตวิญญาณ ตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถปีนขึ้นไปถึงชั้นสูงสุด
แน่นอนเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องหลอกลวงแต่อย่างใด
ที่มากกว่านั้น
เหล่าศิษย์ราชันสวรรค์ที่เคยปีนแท่นผนึกเทวะมาก่อนในเวลานั้น
พวกเขาล้วนอยู่ในระดับบ่มเพาะขั้นเทพสมุทรช่วงปลาย แต่หลินหมิงนั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุด
!.
สำหรับหลินหมิงเอง
เขานั้นไม่ได้หวังว่าจะปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดชั้น33
เขาเพียงแค่อยากปีนขึ้นไปให้ไกลที่สุด ขุดศักยภาพและผลักดันขีดจำกัดของตัวเองให้ถึงขีดสุด
!
หลินหมิงหันไปมองเขี้ยวมังกร
ในขณะที่เขี้ยวมังกรปีนอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก
ทั้งคู่ปีนขึ้นไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน.
ยามนี้รูม่านตาของเขี้ยวมังเล็กลงราวกับจุดเข็ม
ในขณะที่มีอักขระแปลกมากมายรอบๆตาดำ.
“อักขระเหล่านั้น
มัน…”
ความคิดของหลินหมิงสั่นคลอน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นอักขระเหล่านี้.
ถึงแม้ว่าหลินหมิงจะยังไม่เข้าใจความลึกลับเบื้องหลังอักขระเหล่านี้
แต่สิ่งที่เขาแน่ใจก็คือ เขี้ยวมังกรตระหนักถึง กฎ
โกลาหลโดยรอบมากขึ้นเพราะอักขระรอบดวงตาดำเหล่านี้ ดังนั้นเขี้ยวมังกรจึงต้านทาน
พลังงานจาก กฎ โกลาหลรอบๆตัวเขาน้อยกว่า พลังงานจาก กฎ โกลาหลที่หลินหมิงต้องทน !.
ในขณะเดียวกัน
เขี้ยวมังกรสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากหลินหมิงและหันมามอง
รูม่านตาแปรผันของเขาเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบ
ราวกับว่าเขาสามารถมองผ่านทะลุถึงหัวใจ !
เขี้ยวมังกรเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปีนขึ้นไปต่อ.
แต่ในเวลานี้หลินหมิงเริ่มช้าลง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและตั้งสมาธิรวบรวมความคิด.
หลับตาและทำสมาธิ !
นับตั้งแต่วินาทีแรกที่หลินหมิงสัมผัสกับแท่นผนึกเทวะ
เขารับรู้ได้ถึงเศษเสี้ยวแนวคิดจาก กฎ โกลาหล - เศษเสี้ยวแนวคิดจากสวรรค์33ชั้น!
เศษเสี้ยวแนวคิด จากกฎ โกลาหลบนแท่นผนึกเทวะนี้
ผู้อื่นอาจจะไม่ได้รับรู้แต่หลินหมิงกับรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน !.
สวรรค์ชั้น33คือ ?
หลินหมิงไม่สามารถกล่าวได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร แต่ที่เขาแน่ใจมันไม่ใช่แค่ตำนานหรือคำโกหกแน่นอน !
.
นั้นเพราะหลินหมิงได้ก้าวผ่านทัณฑ์สวรรค์33ชั้นมาก่อน ซึ่งในนั้นมันยังมี กฎ เต๋าอันยิ่งใหญ่รวมอยู่ด้วย
.
“ดูนั่น! หลินหมิงไม่ขยับแล้ว !”
ทุกคนสามารถมองเห็นหลินหมิงหยุดนิ่งในทันที
หลินหมิงสามารถติดตามความเร็วของเขี้ยวมังกรได้
แต่ตอนนี้เขากับนิ่งเฉยและถูกเขี้ยวมังกรทิ้งห่างออกไป .
“เขาคงพักผ่อนกระมัง ดูเหมือนเขาหมดแรง?”
บนแท่นผนึกเทวะ
เหล่านักสู้ไม่อนุญาตให้ลอยตัวขึ้นไป ในสถานการณ์เช่นนี้ เหล่านักสู้เปรียบเสมือนมนุษย์ธรรมดากำลังปีนเขา
เมื่อหมดแรงพวกเขาจำเป็นต้องพักเพื่อฟื้นกำลังก่อนจะไปต่อ
“การพักผ่อนนับเป็นเรื่องดี
มิเช่นนั้นหากเขาเผาผลาญลมปราณแท้จนหมด เขาจะถูกกำจัดออกจากแท่นผนึกเทวะ.”
“ดูเหมือนเขี้ยวมังกรจะสามารถปีนขึ้นไปชั้น32ได้อย่างราบรื่น
แต่สำหรับหลินหมิง เขาอาจจะรู้สึกว่ามันยากเกินไป
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกกำจัดออกไป มันก็ดีมากแล้ว
อย่าลืมว่าเขานั้นอยู่เพียงแค่ขั้นเทพสมุทรช่วงต้นขั้นสุดเท่านั้น !”
ณ หน้าผาระหว่างชั้น31กับชั้น32
หลินหมิงหยุดนิ่งอยู่ที่ความสูง 35,000 ฟุต ที่ความสูงระดับนี้
หากเขาจะถูกกำจัดออกในทันที มันคงไม่มีใครดูถูกเขา
เพราะมันไม่มีใครในที่นี้มีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนี้ได้ !
ในอดึตยามแท่นผนึกเทวะถูกใช้เป็นสนามประลองการต่อสู้ในพิภพนักสู้ที่แท้จริง
มันมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนถูกกำจัดออกไปก่อนจะถึงชั้น32 !
“เขาทำได้ดีมากแล้ว
ในช่วงต้นเขาสามารถเอาชนะโยวซูจินได้และปีนขึ้นไปถึง35,000ฟุต ถ้าเขาพักผ่อนเอาแรงเพิ่มและปีนต่อไปได้อีกซัก2ถึง3พันฟุต เขาน่าจะพอใจในความสำเร็จของเขาแล้ว!”
เขี้ยวมังกรปีนขึ้นไปได้45,000ฟุตแล้ว
ในขณะที่หลินหมิงยังอยู่ที่35,000ฟุต.
ระหว่างชั้น31กับชั้น32
แม้แต่เขี้ยวมังกรยังต้องปีนขึ้นไปช้าๆ เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการปีนขึ้นไป10,000ฟุต.
หลินหมิงจมอยู่ในสมาธิครึ่งชั่วโมงแล้ว.
“เขายังพักอยู่หรือไม่
?
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เคลื่อนไหวแต่เขายังต้องรับแรงกดดันอยู่ตลอดเวลามิใช่รึ
หรือเขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับแขน?”
“หรือเขาจะหมดสติไปแล้ว แต่ที่เขายังไม่ถูกกำจัดออกมันอาจจะเป็นความแข็งแกร่งเฮือกสุดท้ายของเขาที่ยังฝืนทนไว้…?”
“ศิษย์พี่หลิน...อดทนไว้
!”
“ศิษย์พี่หลินพยายามเข้า
อย่ายอมแพ้ !”
ศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างร่ำร้องและส่งเสียงเชียร์หลินหมิง.
ปัง !
ขณะที่พวกเขาตะโกนเชียร์หลินหมิง
ในที่สุดเกราะลมปราณแท้ของหลินหมิงไม่อาจต้านได้ไหวอีกต่อไป มันถูกพลังจาก กฎ
โกลาหลฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ถึงกระนั้นหลินหมิงยังคงไม่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดนี้.
เปรียะ เปรียะ !
พลังจากกฎโกลาหลกดทับร่างกายของหลินหมิงในทันที
! หน้าผากของเขาเริ่มเต็มไปด้วยเลือด
!.
ถึงแม้หลินหมิงจะเปิดประตูแห่งการมองเห็นและหลอมรวมกับกระดูกมังกรจักรพรรดิมาก่อน
มันทำให้ร่างกายและผิวหนังของเขามีพลังป้องกันถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
แต่ในยามนี้เขาต้องเผาผลาญลมปราณแท้และใช้ความแข็งแกร่งทางกายไปมากมาย
และยังเป็นสถานการณ์ที่เขายังไม่ได้เปิดใช้กระดูกมังกรจักรพรรดิและประตูแห่งการมองด้วย
เนื่องจากเขายังอยู่ในสมาธิ นี่ถ้าเป็นเทพสมุทรขั้นปลายอยู่ในสถานการณ์เดียวกันพวกเขาย่อมได้รับเจ็บมากกว่านี้แน่นอน
“อ้า...ศิษย์พี่หลิน
!”
เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณต่างเริ่มกรีดร้อง
หลังจากเกราะลมปราณแท้หลินหมิงแตก เขาไม่ได้เรียกใช้การป้องกันใดใดเลย !
“ศิษย์พี่หลิน
ระวัง !”
ถึงแม้เหล่าศิษย์เผ่าฟินิกซ์โบราณจะพยายามร้องบอก
แต่พลังงานจาก กฎ โกลาหลยังคงกดทับและพุ่งเข้าหาหลินหมิง !
หากไม่มีการป้องกันใดใด
หลินหมิงจะต้องทนต่อผลกระทบจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง !
กึก กึก แควก !
ร่างหลินหมิงสั่นไหว เสื้อผ้าบนหลังเขาถูกฉีกขาด
ผิวของเขาปริแตกพร้อมกับโลหิตไหลริน
“พี่หลิน
!”
ฉินชิงเฉวียนร้องออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อมองเห็นฉากนี้
ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นหลินหมิงหรือเขี้ยวมังกร
พวกเขาทั้งสองต่างสร้างเกราะลมปราณแท้ป้องกันพลังงานโกลหลรอบๆตัวไว้อยู่ตลอด
ในขณะที่พลังงานโกลาหลกดทับลงมายังพวกเขาทั้งสองเกราะลมปราณแท้จะทำการป้องกันตลอดเวลา
แต่มันยังจำเป็นต้องให้เจ้าของร่างกายถ่ายเทลมปราณแท้ประคองเกราะป้องกันอยู่ตลอดด้วยเช่นกัน
แต่บัดนี้หลินดูราวกับหมดสติ
เกราะลมปราณแท้ของเขาขาดการหล่อเลี้ยงจากลมปราณแท้มันจึงทำให้เกราะลมปราณแท้พังทลาย
ดังนั้นร่างเนื้อของเขาจึงต้องทนต่อการโจมตีจากพลังงานจาก กฎ โกลาหลโดยตรง
หากมันเป็นเพียงนักสู้ทั่วไปร่างของพวกเขาคงถูกทำลายสลายไปแล้ว !.
“หลินหมิงหมดสติจริงๆ !”
“มันต้องมีข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง
เขาจะทนต่อการโจมตีขนาดนี้ได้ยังไงหากเขาหมดสติ
ขาทั้งสองของเขายังตั้งตรงไม่มีวี่แววว่าจะล้มเลย ?”
ในสายตาของเหล่าผู้ชม
หากหมินหมิงหมดสติจริงๆ เขาย่อมถูกกำจัดออกไปแล้ว.
BY nsn
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น